เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่41 อู้เฉียงอีกคน
อู้เฉียงในตอนนี้กำลังดำดิ่งลงในห้วงสมาธิ ส่วนเฟิงห๋วงนั้นนั่งอยู่ใกล้ๆกับอู้เฉียงเพื่อคอยสังเกตุการณ์และจับตาดูอู้เฉียงอย่างใกลิชิด ก่อนที่เฟิงห๋วงจะเอ่ยขึ้มาอย่างแผ่วเบา
” นี้ก็เป็นบดทดสอบที่ข้าจะใช้ทดสอบเจ้าเช่นกันว่าจะมีคุณสมบัติหรือไม่ในการครอบครองข้าหรือไม่อู้เฉียง ”
ภายในห้วงสมาธิของอู้เฉียง….
” ที่นี้ที่ไหนกันละเนี้ย ข้าจำได้ว่า โดนเฟิงห๋วงจับให้นั่งสมาธิและจากนั้นข้าก็จำอะไรไม่ได้เลย ” โดยรอบนั้นเต็มไปด้วยป่าไผ่สีเขียวชอุ่ม ทำให้อู้เฉียงหวนลำลึกถึงเรื่องราวในอดีต
ขณะที่อู้เฉียงขบคิดอยู่นั้นเองได้มีอะไรบางอย่างเคลื่อนที่เข้ามาหาอู้เฉียง ก่อนที่อู้เฉียงจะรู้สึกตัวก็โดนหมัดเปล่าๆอัดเข้าที่ท้องอย่างจัง
อึก!!
” ตัวข้าอีกคนเจ้าชั่งอ่อนแอ…ยิ่งนัก ข้าจะกลืนกินเจ้าและครอบครองร่างเจ้าโดยสมบูรณ์ เตรียมใจไว้ซะ ตัวข้าอีกคนนึง ” เสียงที่แฝงไปด้วยความเคร่งขรึมเย็นชาและมีความยโสอยู่ในน้ำเสียงนั้น
” จะ..เจ้าเป็นใครกั… ” อู้เฉียงกล่าวไม่ทันจบก็ต้องตกตะลึงเมื่อเบื้องหน้าของตนนั้น คือ คือตัวเอง แต่ที่แปลกคือ มีออร่าสีดำแผ่ออกมาตลอดเวลา ดูน่าสยดสะหยองเป็นอย่างมาก
” หึ..ข้าไม่เหมือนกับเจ้า อย่าคิดว่าข้าจะเหมือนกับเจ้า ถ้าตอนนั้นเจ้าปล่อยข้าออกมาตอนนั้น นางก็คงไม่ต้องตาย ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า ทำไมๆๆๆ นางถึงยอมเสยสละเพื่อคนขี้ขลาดอย่างเจ้า ” อู้เฉียงร่างมืดเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงระทมแฝงไปด้วยความเจ็บปวด
* อู้เฉียงอีกคนจะเรียกว่าอู้เฉียงร่างมืด
” หมายความว่าอย่างไรข้าไม่เข้าใจ…เจ้าเป็นใครแล้วเจ้ารู้จักเรื่องของนางได้ยังไงกัน ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความร้อนรน เพราะตอนนี้เรื่องราวในหัวคล้ายๆกำลังประติดประต่อเรืองร่าวทั้งหมด
” หึ!! คนอ่อนแอเช่นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้มาตัดสินกับข้า ถ้าข้าชนะร่างและจิตวิญญาณของเจ้าจะตกเป็นของข้า แต่ถ้าข้าแพ้ข้าก็พร้อมจะเป็นพลังให้กับเจ้าเมื่อเจ้าต้องการ ” อู้เฉียงร่างมืดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
อู้เฉียงในตอนนี้สับสนเป็นอย่างมากแต่ก็เข้าใจถึงสถาณการณ์บัจจุบันเป็นอย่างดี ถามอีกฝ่ายไปเท่าไหร่ ก็คงไม่ได้คำตอบ การต่อสู้คือการหาคำตอบอีกอย่างนึงเช่นกัน อู้เฉียงคิดได้ดังนั้นก็ตั้งท่าสู้ในทันทีพร้อม
” เอาล่ะ เข้ามา ” อู้เฉียงกล่าวพร้อมกับระเบิดพลังระดับนักรบที่แท้จริงขั้นที่3ออกมาทันที ออร่าและแรงกดที่อู้เฉียงปล่อยยออกมานั้นถ้าเจอกันกับระดับเดียวกัน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังเต็มสิบส่วน แต่หน้าเสียดาย ตรงหน้าของอู้เฉียงนั้นก็คืออู้เฉียงร่างมืดที่มีความแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน
อู้เฉียงร่างมืดที่เห็นอู้เฉียงระเบิดพลังออกมาก็ยกยิ้มขึน เป็นรอยยิ้มที่มีเลศนัยและแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
” เยี่ยมตัวข้าอีกคนนึง ใช้ทุกอย่างที่เจ้ามีเพื่อเอาชนะข้า..มิฉะนั้นเจ้านั้นแหละจะเป็นฝ่ายพ่ายในที่สุด”
ทั้งสองต่างระเบิดพลังที่เท่าเทียมใส่กัน ก่อนที่อู้เฉียงจะเคลื่อนที่พริบตาไปด้านหน้าของอู้เฉียงร่างมืด หมายจะทำให้จบการต่อสู้นี้โดยเร็ว แต่อู้เฉียงนั้นประหมาทเกินไป
” หึ!! อ่อนหัด เจ้าและข้าต่างเป็นคนๆเดียวกัน ความคิดที่เจ้าคิดข้าก็สามารถรับรู้ได้เช่นกัน แต่…เจ้าไม่มีทางอ่านความคิดของข้าได้ ”
อู้เฉียงร่างมืดกล่าวจบก็หายไปในทันที อู้เฉียงที่พุ่งเข้ามาหมายจะรีบจบศึกแต่มันคงจะไม่ง่ายสะแล้ว
” กำปั้นเพลิงทมิฬ”
อู้เฉียงรู้สึกได้ถึงไอความร้อนที่อยู่ด้านหลัง ก็รีบหันกลับไปแต่สายไปเสียแล้ว อู้เฉียงไม่มีเวลาคิด ได้แต่เกร็งพลังรับหมัดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลิวเพลิงสีดำทมิฬ อู้เฉียงโดนหมัดที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีดำขนาดใหญ่ เข้าอย่างจัง
ตู้มมมม!!
ป่าไผ่ที่เคยสวยงาม กลายเป็นเหมือนสนามรบในพริบตา ต้นไผ่หลายต้นหักโค่นลง ฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว หลังจากกลุ่มควันหายไปปรากฏร่างของอู้เฉียงที่ช่วงของร่างกายนั้นเป็นแผลใหม้ขนาดใหญ่ ซึ้งแน่นอนบาดแผลเหล่านี้ไม่อาจส่งผลกระทบต่อร่างหลักที่ทำสมาธิอยู่แต่ ด้าน พลังนั้นไม่ใช่ อู้เฉียงกระอักเลือดออกมา ทั้งๆที่ทำสมาธิอยู่ เพราะเกิดการปั่นป่วนด้านพลัง
อัก!!
” เจ้าเด็กโง่…คิดสิว่าเจ้าจะทำอย่างไร คิดในแบบของตนเอง คิดให้ต่างออกไป ปิดกั้นการรับรู้ทั้งหมดสะ แล้ว มุ้งเน้นไปที่การจับการเคลื่อนไหวอย่ามัวแต่คิด สู้โดยไม่ต้องคิด นั้นคือ สิ่งที่ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ในตอนนี้ ” เฟิงห๋วงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์แต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงอยู่หลายส่วน
อู้เฉียงรับรู้ทุกคำพูดของเฟิงห๋วงได้ แต่ไม่มีแรงให้เอ่ยตอบกลับไป เพียงแค่ยกยิ้มขึ้นเท่านั้น บรรยากาศรอบๆอู้เฉียงกำลังเปลี่ยนไป
” หืม?… โดนไปขนาดนี้ยังไม่ตายก็ถือว่ามีฝีมืออยู่บ้างตัวข้าอีกคนนึงแต่เจ้าก็ยังผิดที่ปล่อยให้นางตายในตอนนั้น ถ้าเจ้าปลดปล่อยข้าออกมาในตอนนั้น นางก็คงไม่ตาย ”
อู้เฉียงร่างมืดกล่าวออกมาด้วยความอาลัยอาวรณ์และความเสียใจทันใดนั้นอู้เฉียงก็พุ่งเข้ามาหาอู้เฉียงร่างมืดในทันที พร้อมกับ ตหวาดออกมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก
” หุปปากของเจ้าไปซะ!! เจ้าไม่มีทางรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของข้าได้หรอก ถ้าตอนนั้นข้าไม่ทำตามที่นางบอกก็เท่ากับข้าทรยศความไว้ใจของนาง อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย ถึงแม้เจ้าและข้าจะเป็นคนๆเดียวกัน แต่ เจ้าก็ยังไม่รู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของนาง ”
อู้เฉียงใช้กระบ่วนท่ากว่าร้อยขบวนท่าโดยที่ไม่คิดแม้แต่น้อยทำให้อู้เฉียงร่างมืดนั้นแปลกใจไม่ใช่น้อย
” ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าถูกละก็แสดงให้ข้าเห็นสะสิ ผู้ชนะเท่านั้น ที่มีสิทธิ์ ”
อู้เฉียงร่างมืดกล่าวจบก็เข้าปะทะกับอู้เฉียงในทันที ผ่านไปกว่า2ชั่วยามทั้งสองฝ่ายต่างเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
” มาตัดสินกันด้วยกระบ่วนท่าสุดท้าย กระบวนท่าสุดท้ายจะเป็นตัวชี้ชนะในศึกครั้งนี้ ” อู้เฉียงร่างมืดกล่าวขึ้นด้วยความเหนื่อยล้า
” ก็เอาสิ..ครั้งสุดท้าย ”
อู้เฉียงทั้งสองระเบิดพลังที่เหลือออกมาในทันทีก่อนที่จะพุ้งเข้าใส่กันอีกครั้ง เรียกใช้กระบวนท่าพร้อมกันก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะยกยิ้มขึ้น
ฝ่าเท้าผ่าพัทสุธา!!
ฝ่าเท้าผ่าพัทสุธา!!
ตู้มมมมมมม!!
หลังจากกลุ่มควันจากหายไปปรากฎร่างของอู้เฉียงที่ยืนอยู่ ส่วนอู้เฉียงร่างมืดนั้นค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ
” หึ ตามสัณญาข้าจะมอบพลังให้เจ้า แต่จงจำไว้ให้ดีเมื่อเจ้าตกอยู่ในความโกรธเมื่อไหร่ ข้าจะแย่งร่างของเจ้ามาทันที ตอนนี้ข้าฝากพลังไว้ที่กับเจ้าก็แล้วกัน แต่ถึงยังไง ข้าก็ยังไม่ยกโทษให้กับเจ้าเด็ดขาด ” อู้เฉียงร่างมืดกล่าวด้วยอารมณ์ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด อู้เฉียงเพียงยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า
” ก็แล้วแต่เจ้าสิ..ฝันไปเถอะว่าจะได้ควบคุมร่างของข้า ”
” ข้าจะเฝ้ารอกว่าจะถึงวันนั้นก็แล้วกัน ” อู้เฉียงร่างมืดกล่าวจบร่างก็สลายหายไปในทันที
อู้เฉียงเมื่อเห็นว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้วก็ล้มตัวลงนอนทันทีก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความเศร้าสร้อย
” สิ่งที่ข้าทำเมื่อตอนนั้นถูกต้องแล้วใช่หรือไม่ หนานเฟิง ”
หลังจากนั้นอู้เฉียงก็เผลอหลับไป
” ไงเจ้า กลับมาแล้วเหรอไม่นึกเลยว่าเจ้าจะผ่านบททดสอบที่ข้าให้เจ้าได้..แต่มันก็ยังเป็นขั้นแรกละนะ เอ้าลุกขึ้นได้แล้ว ข้า เฟิงห๋วงผู้นี้ให้เจ้านอน ตัก ก็ถือว่าคุ้มสุดๆแล้วนะ ลุกขึ้นได้แล้ว ”
อู้เฉียงที่พึ่งตื่นขึ้นมาก็เห็นเฟิงห๋วง แถมยังเป็นในตักของเฟิงห๋วงอีก อู้เฉียงที่เห็นดังนั้นก็เด้งตัวขึ้นในทันที ด้วยความเขิลอาย ก่อนจะกล่าวพลางเอามือมาปิดหน้า ด้วยความเขิลอาย
” ทะ..ทำไม่ขะ..ข้าไปนอนบนตักของท่านได้กัน ”
” ก็หลังจากเจ้าผ่านบททดสอบแรก ที่ข้าให้เจ้าก็สลบไปเลย ข้าเลยต้องมาดูแลเจ้า เห็นแบบนี้ข้าก็ ไม่ใจจืดใจดำ ให้เจ้านอนบนพื้นดินหรอกนะ..หรือว่าจ้าชอบนอนบนดินมากกว่าบนตักของข้ากัน? ” เฟิงห๋วงถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเล็กน้อย
” ปะ..เปล่าเลยข้าก็แค่ตกใจเท่านั้นที่ตื่นมาแล้วพบว่าข้านอนบนตักของท่านก็เท่านั้น ใครจะปฏิเสธการนอนบนตักของสาวงามได้ลง ถ้ามีละก็มันผู้นั้นต้องชอบไม้ป่าเดียวกันเป็นแน่ท้เลยละ ฮ่าๆๆๆ ” อู้เฉียงหัวเราะกลบเกลื่อนความเขิลอายของตัวเอง
” ก็แล้วไป…แล้วหนามเฟิงคือใครกัน? ” เฟิงห๋วงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย ทำให้อู้เฉียงเงียบไปพักนึง ก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย
” เพื่อนสมัยเด็กของข้าเอง..แล้วท่านรู้ชื่อนั้นได้อย่างไร ”
” ข้าเห็นตอนที่เจ้าทดสอบและ ตอนที่เจ้าหลับอยู่เจ้าก็ละเมอเรียกแต่ชื่อนี้..ทั้งหมดก็มีแค่นั้น ” เฟิงห๋วงกล่าวอธิบาย
” เอาละ อู้เฉียงเจ้าลองเตะแท่งหินพวกนี้ดูสิ มาดูกันว่าเจ้าพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว ” เฟิงห๋วงบอกกล่าวแก่อู้เฉียง เมื่ออู้เฉียงได้ยินดังนั้นก่อนจะทำตามอย่างว่าง่ายทันที
” ได้ ”
อู้เฉียงรวมพลังไว้ที่เท้าข้างขวาอีกครั้งแต่ครั้งนี้แปลกออกไป มีสายฟ้าสีดำ ห่อหุ้มขา้าวขวาไว้สร้างความตกตะลึงให้แก่อู้เฉียงทันที
เปรี๊ยะๆ!!
เปรี๊ยะๆ!!
” นี้มันอะไรกันข้ารู้สึกถึงพลังมหาศาลได้เลยแล้วสายฟ้าสีดำนี้มันคืออะไร..หรือว่า ”
” ใช่แล้ว พลังอีกด้านนึงของเจ้าแต่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวนึงเท่านั้น ” เฟิงห่วงกล่าวอธิบาย
” เป็นแบบนี้นี่เอง เอาละมาต่อ ยกสองกันดีกว่า ” อู้เฉียงกล่าวจบก็ใช้เท้าขวาเตะเข้าไปที่ตรงแท่งหินสีดำตรงหน้าในทันที
ตู้มมมมมมม!!
ทางด้านของไป๋หลง……
” ข้าทำได้แล้ว..ข้าสามารถควบคุมสีของปีกและพลังแต่ละด้านได้แล้วท่านแม่ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น
ไป๋หลงตอนนี้นั้นสามารถควบคุมการไหลเวียนของพลังได้แล้วแต่ก็ถือว่าดีในระดับแรกเท่านั้น
” เอาล่ะ ไป๋หลง ก่อนบททดสอบต่อไปจะเริ่มขึ้นพวกเรามาคุยกันก่อนดีหรือไม่ ” ราฟาเอล กล่าวด้วยนำเสียงที่อบอุ่น เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ หยุดการฝึกและเดินเข้ามาหาราฟาเอลในทันที ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มคุยกันตามประสาแม่ลูก ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของร่างหลักก็ตามที…..
จบ..