เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่43 ปากพาซวย
ราชวังหลวงทวีปจรัสแจง เป็นที่พำนักขององค์จักรพรรดิ์….
” อะไรนะ!! เป็นความจริงอย่างงั้นรึ พวกมันต้องการจะเปิดศึกกับทวีปจรัสแสงแบบเต็มอัตตราศึกอย่างงั้นรึ ”
” บัดซบ!! เห็นทีว่าเราต้องขอความร่วมมือจากทุกสำนักและสถาบันซะแล้ว ถ้าไม่อย่างงั้นมีหวัง ทวีปแห่งนี้ จะต้องล่มสลายแน่ ”
” ข้าก็คิดอย่างงั้น…เราจะทำอย่างไรดี องค์จักรพรรดิ์ ”
เสียงของผู้อาวุโสต่างๆกำลังเคร่งเครียดเป็นอย่างมากหลังจากได้รับข่าวสารนี้มาจากสายลับที่คอยสอดแนมอยู่ หลังจากนั้นสายลับ คนนั้นก็ขาดการติดต่อทันทีเป็นไปได้ว่าอาจจะโดนจัดการไปแล้ว ทำให้ เกิดความวิตกกังวลขึ้น
เงียบบบ!!
เสียงที่ทรงพลังดังขึ้นทำให้ทั้งห้องโถงถึงกับทรุดเข่าลงกับพื้น คนที่ระดับ ต่ำกว่าราชันนักรบ ทรุดเข่าลงกับพื้นจนหมด
” ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง…เราก็ต้องตระเตรียมกำลังพลไว้ให้พร้อมตลอดเวลา ในเวลาแบบนี้พวกเจ้า ที่เป็นถึงผู้อาวุโส ยังแสดงท่าทางแบบนี้ออกมาเห็นทีคงจะไม่เหมาะสมกระมัง ” องค์จักรพรรดิ์ กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง ผู้อาวุโสที่ได้ยิน ก็ต่างก้มหน้า จนในที่สุดก็มี ผู้อาวุโสคนนึงกล่าวขึ้น
” ระ..เรียนท่านองค์จักรพรรดิ์ ข่าวอีกอย่างนึงที่เราได้รับมานั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ”
องค์จักรพรรดิ์ ที่ได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดเข้าหากันทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้น
” มีอะไรรึ ท่าน ผู้อาวุโสอี้ ”
เมื่อผู้อาวุโสอี้ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน
” ข่าวอีกอย่างที่เราได้รับมาคือ พวกมันจะถล่มป่าอสูร ก่อนแล้ว หลังจากนั้นพวกมันก็จะบุกมายึดวังหลวง เพราะป่าอสูรนั้น เป็นทางผ่านในการมาที่วังหลวง อีกอย่างนึงรู้สึกว่า เทพอสูรไป๋หยางนั้นเคยมีเรื่องบาดหมางกับทางนั้นมาก่อน… ”
องค์จักรพรรดิ์ได้ยินเช่นนั้นก็รีบสั่งการบางอย่างออกมาทันที
” รีบให้คนของเรา ไปแจ้ง เทพอสูรไป๋หยาง!! ว่าพวกมันกำลังจะเปิดศึกกับเราในอีกสองปีข้างหน้า ”
เมื่อทั้งห้องโถงได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงในทันที ไม่คิดว่าองค์จักรพรรดิ์จะรับสั่งอะไรแบบนี้ออกมา ทันใดนั้นก็มีผู้อาวุโสคนนึงกล่าวขึ้น
” ทะ..ท่านองค์จักรพรรดิ์โปรดไตร่ตรองอีกครั้ง ถ้าทางเรา ติดต่อ กับ ป่าอสูร แล้วทางโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นปรปักษ์ ทางป่าอสูรจะไม่หันเขี้ยวเล็บใส่ทางเราอย่างงั้นเหรอขอรับ ”
สิ่งที่ผู้อาวุโส นั้นกล่าวออกมา คล้ายสร้างทิศทางทำให้ผู้อาวุโสบางส่วนเริ่มคล้อยตาม
” หืม? ชั่งพวกมันสิ ครั้งก่อนทางเราเดือดร้อน ไปขอร้องพวกโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยขายสินค้าที่พวกนั้นกักตุนไว้ ให้เราในช่วงหน้าหนาว แล้วผลเป็นอย่างไรเล่า พวกโบสถ์ มันขึ้นราคาแล้วขายให้กับทางเราเกือบเท่าตัว!! เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไปสนใจพวกมันอีกต่อไป ”
องค์จักรพรรดิ์กล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
” แล้วถ้าพวก โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ หันเขี้ยวเล็บมาใส่ทางเราละ องค์จักรพรรดิ์จะทำอย่างไร”
ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวออกมาด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้นทั้งห้องโถงก็ต้องสั่นสะเทือน
ตึง!!
จักรพรรดิ์ ขั้นที่9 !!
” ลองพวกมันหันเขี้ยวเล็บมาดูสิ ข้าจะไปถล่ม!! พวกมันด้วยตัวข้างเอง…และอีกอย่างห้ามบอก ถังเทียน และ ถังอวี้ ถึงเรื่องนี้ เด็ดขาด… ”
ตอนนี้ทั้งห้องโถงต้องตกตะลึง!! กับระดับพลังที่องค์จักรพรรดิ์ ปลดปล่อยออกมา อีกครึ่งก้าว เข้าสู่จักรพรรดิ์ที่แท้จริง ที่ยากราวกับปีนป่ายสวรรค์ก็ไม่ปาน
” อีกเหตุผลนึงคือ ข้าสนใจในตัวเด็กที่ชื่อไป๋หลง ถือว่าเป็นเด็กที่ไม่เลวเลย ข้าอยากจะรับเขาเป็นศิษย์ เรื่องมันก็มีแค่นี้ อีกอย่างถ้าให้เลือกระหว่างป่าอสูร และ โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอเลือกป่าอสูร เรื่องทั้งหมดก็มีแค่นี้ รีบดำเนินการตามที่ข้าบอกได้แล้ว ”
” รับบัญชา ”
หลังจากนั้นห้องโถงก็กลับมาเงียบอีกครั้ง ผู้อาวุโสทั้งหมดต่างเร่งคิดแผนการ รับมือเรื่องที่เกิดขึ้น และทยอยออกจากห้องโถงไปเรื่อยๆจนหมด
” เฮ้อ…ไม่ว่ายังไงข้าก็อยากให้ไป๋หลง มาเป็นเขย แล้วมาตบแต่งกับถังอวี้ จริงๆนั้นแหละ ทั้งความสามารถ พรสวรรค์แถมยังครอบครอง สัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์อีกแถม หน้าตาถ้าโตไปแล้วต้องเป็นชายงามล่มเมืองแน่นอนเพราะแบบนี้แหละ ข้าจะต้อง นำไป๋หลง มาเป็น เขยให้ได้… ”
องค์จักรพรรดิ์ได้กล่าวความต้องการจริงๆออกมาอย่างหน้าไม่อาย แต่ยังมีอีกคนที่องค์จักรพรรดิ์ ลืมไป
” นี้สินะ..เหตุผลที่แท้จริง ที่ต้องการช่วยเจ้าเด็กที่ชื่อไป๋หลงที่อยู่ในป่าอสูร ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนท่านก็ยังเจ้าเล่ห์ไม่มีเปลี่ยน ” เสียงลึกลับที่อยู่ในมุมมืดของห้องโถงกล่าวขึ้น
” หึ มันเรื่องข้า เจ้าทำตัวลับล่อๆแอบฟังคนอื่นคิดว่ามันสมควรหรืออย่างไรกัน ” องค์จักรพรรดิ์กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคืองเล็กน้อย
” แล้วท่านละ คิดจะคลุมถุงชนเด็กอย่างงั้นรึท่านนี้มัน… ” เสียงลึกลับกล่าวออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย องค์จักรพรรดิ์ได้ยินเช่นนั้นก็ สถบออกมาด้วยความไม่พอใจทันที
” นี้เจ้า…ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็อยู่ในเงามืดเสมอเลยน่ะ กวนเหอ ”
” ถ้าข้าไม่อยู่ในเงามืด จะเรียกว่า องค์รักษ์เงา ที่คอยปกป้องเชื้อพระวงศ์ ได้อย่างไร ” องค์จักรพรรดิ์ได้แต่ส่ายหัว ให้กับ การแสดงออกของ กวนเหอ
” แล้วเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ..ที่ท่านจะไปถล่มพวกโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ถึงจะเป็นท่านก็เถอะฝืนเกินไปแล้วนะ ” กวนเหอกล่าวออกมาด้วยความกังวล เมื่อองค์จักรพรรดิ์ถังหนานเหิงได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย
” ถ้าข้าไม่มีไพ่ที่เหนือกว่าข้าคงไม่พูดแบบนั้นออกไปหรอก..อีกอย่างอย่าลืมสิว่า ข้ายังมี1ในสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่เคียงข้างราชวงศ์นี้มาช้านาน พวกโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ มันคงไม่โง่พอ ที่จะเปิดศึกกับเราเพราะเรื่องแค่นี้ เป็นแน่ ข้าคิดเช่นนั้น ” องค์จักรพรรดิ์ถังหนานเหิงกล่าวอธิบาย
” ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน ข้าขอตัว… ”
กวนเหอกล่าวจบก็หายไปในความมืดในทันที
” เฮ้อ…ข้าคงต้องเตรียมแผนการสำหรับศึกในอีก2ปีข้างหน้าสินะ ” องค์จักรพรรดิ์ถังหนานเหิงกล่าวจบก็เริ่มคิดแผนการรบในทันที
ป่าอสูร…
” ทำไมต้องเป็นข้าด้วย คนอื่นมีตั้งเยอะ ตั้งแยะดันมาเลือกข้าให้นำ ข่าวมาบอกเทพอสูร เนี้ยนะ ท่านผู้อาวุโสท่านต้อง บ้าไปแล้วแน่ๆ!! พลังข้าก็แค่ นักรบที่แท้จริงขั้น1 เท่านั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ข้า คงต้องบอกลาโลกแน่…”
เสียงทหารนายนึงบ่นออกมาด้วยความสลด ตอนนี้ทหารคนนั้นกำลังเดินลึกเข้าไปในป่าอสูรเรื่อยๆ จนกระทั่ง…
” หยุดเจ้ามนุษย์!! ที่นี้ไม่ใช่ที่สำหรับเจ้า กลับออกไปเดี๋ยวนี้ ” เสียงที่ทรงพลังกล่าวขึ้นในเงามืดของป่าทำให้ทหารนายนี้ถึงกับเข่าอ่อนเลยทีเดียว ก่อนจะทำเป็นกินดีหมีหัวใจเสือ
” ข้า…ได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิ์ถังหนานเหิงแห่งทวีปจรัสแสง ให้นำข่าวสารบางอย่างมาแจ้งให้เทพอสูรไป๋หยางทราบ เนื้อหาสารทั้งหมดอยู่ในนี้ ”
ทหารนายนั้นกล่าวจบก็หยิบสารที่ได้มาแล้วชูขึ้น… เมื่ออสูรตนนั้นเห็นเช่นนั้นก็กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
” หืม?..ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเหตุใดเจ้าถึงมาเพียงผู้เดียวสารที่องค์จักรพรรดิ์เป็นผู้เขียนขึ้น จะต้องสำคัญเป็นแน่แท้ เหตุใด จึงให้คนดูท่าทางอ่อนแอเช่นเจ้า เป็นผู้สงสารกัน ”
ทหารนายนั้นได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะร้องไห้ออกมา เหตุผลนั้นมันก็คือ….
ย้อนกลับไปก่อนที่ทหารนายนั้นจะมาที่ป่าอสูร….
” นี้…เจ้า ซูหลัว ข้าไหว้วานเจ้าเรื่องนึงได้หรือไม่ เป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมากข้ามั่นใจในฝีมือเจ้า ”
ซูหลัวเป็น ทหารที่คอยตรวจตราและเป็นคนคอยรักษาความปลอดภัยในยามวิกาลนั้น เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์จักรพรรดิ์ ตัว ซูหลัวนั้น ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะหวังว่าถ้าทำสำเร็จอาจจะได้รับรางวัล จากองค์จักรพรรดิ์ จึงตอบ กลับไปอย่างกระตือรือร้นในทันที
” ท่าน ผู้อาวุโส มีอะไรโปรดสั่งข้ามาได้เลยข้ายินดีช่วยท่านดูแลข้ามาหลายปี ไม่ว่าจะเป็นบุกน้ำลุยไฟ ข้าก็พร้อมลุย!! ” ซูหลัวกล่าวขึ้นด้วยความมาดมั่น
” ดีเยี่ยม!! ข้าดูคนไม่ผิด เจ้าจงนำสารนี้ไปมอบให้กับเทพอสูรไป๋หยาง แห่งป่าอสูร… ”
” ได้อยู่แล้วท่านผู้อาวุโส ก็แค่ไปที่….. ” ซูหลัวกล่าวค้างไว้ก่อนจะถามผู้อาวุโสอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนได้ยินนั้นผิดหรือไม่
” มะ..เมื่อกี้ท่านว่าให้ข้าไปที่ป่าอสูร!! ข้าคงฟังผิดใช่หรือไม่ขอรับ ” ซูหลัวกล่าวออกมาด้วยความกังวิตกกังวล
” ไม่ผิดหรอก ข้าเชื่อ ในฝีมือ การหนีของเจ้า ข้าได้ยินมาว่าในกองทัพนั้นเจ้าเป็นคนที่หนีเก่งที่สุด เรื่องนี้้เลยต้องไหว้วานเจ้าแล้ว ข้าก็งานล้นมือจนไม่มีเวลาปลีกตัวไปไหน ข้าฝากเจ้าด้วยละ ” ผู้อาวุโสกล่าวจบก็นำสารยื่นให้กับซูหลัวในทันที ก่อนที่จะกล่าวทิ้งท้ายไว้
” ซูหลัว การหนีก็เป็นความสามารถอีกอย่างนึงที่สำคัญในการสู้รบ อย่าได้น้อยเนื้อต่ำใจเลย ” ผู้อาวุโส กล่าวจบก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะหายไปในทันที ทิ้งให็ซูหลัว อึ้งอยู่นานกว่าจะได้สติ
” ฮ่าๆๆ..สวรรค์ ท่านชั่งเล่นตลกกับข้ายิ่งนัก ข้ายังโสดยังไม่ได้สละซิงแท้ๆ ไม่เคยมีคนรักเหมือนกับชาวบ้านเขาจน อายุ27ปี ข้าก็ยังไม่มี ” ซูหลัวกล่าวออกมาด้วยความท้อใจและหัวเราะราวกับคนวิกลจริต
ฮ่าๆๆๆๆๆ!! ปากพาซวยจริงๆ