เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่44 ฉางเฉินจักรพรรดิแห่งความตาย
ณ บัจจุบัน……
ซูหลัวที่ได้ยินอสูรกล่าวถามขึ้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” ถ้าจะคุยละก็แสดงตัวออกมาไม่ดีกว่าหรือไงหรือว่าเจ้ากลัวกันที่ต้องหลบๆซ่อนๆตอนพูด ” ซูหลัวกล่าวออกมาทำให้ อสูรที่ได้ยินแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าซูหลัวจะกล้าต่อปากต่อคำ แบบนี้
” ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้น ย่อมได้ ”
ปรากฏร่างของอสูร4มือที่มีออร่าสีดำคลุมรอบตัวตลอดเวลา นั้นก็คือ ไท่ซู่ ( จากตอนที่ 22 ) ไท่ซู่ คือ อสูรที่ทดสอบและฝึกฝนอู้เฉียงนั้นเอง ซูหลัวเมื่อได้เห็นร่างที่ใหญ่มหึมา พวกกับ ระดับพลังที่ แผ่ ออกมาอยู่ระดับ ราชัน อสูรเป็นแน่แท้ ซูหลัวเมื่อเห็นดังนั้นก็แทบอยากจะรีบวิ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยทีเดียว แต่ก็ต้องกัดฟันฝืนทนไว้
” น่าแปลก ยิ่งนักเจ้ามนุษย์ ข้าไม่คิดว่าคนเช่นเจ้า จะกล้าต่อปากต่อคำกับข้าเช่นนี้ เห็นทีข้าจะต้องพิสูจน์ ด้วยตัวเองสะแล้วว่า เจ้าจะมีฝีมือ เหมือนฝีปากรึเปล่า ถ้าเจ้าผ่าน ก็ถือว่า สามารถเข้าพบท่านเทพอสูรได้ ถ้าไม่เจ้าก็น่าจะรู้นะ..ว่ามันจะเป็นยังไง ”
ไท่ซู่กล่าวพลางสังเกตุท่าทางของซูหลัวเล็กน้อยซึ่งเมื่อกี้ ไท่ซู่ แค่ต้องการทดสอบเท่านั้นไม่ได้กะจะเอาชีวิต เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องทำถึงขั้นนั้น แค่รู้สึกสงสัยว่าซูหลัวจะมีฝีมือขนาดไหน
ซูหลัวที่ได้ยินเช่นนั้นเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วครู ก่อนจะเต้นแรงขึ้น จนแทบจะระเบิดออกมา “อ้ากกกกกกกกข้าทำอะไรลงไปเนี้ย!! ให้ฝั่งนั้นคุยแบบไม่เห็นตัวสะยังดีกว่าซูหลัวนะซูหลัว เจ้าทำอะไรลงไป รนหาที่ชัดๆ” ซูหลัวได้แต่ตะโกนในใจก่อนจะตอบกลับไท่ซู่อีกครั้ง
” ย่อมได้ เชิญเข้ามาได้เลย ” ซูหลัวกล่าวออกมาแต่ในใจนั้น คิดว่ามีโอกาสเมื่อไหร่จะต้องหนีทันที
” ข้านับถือ ในความ เชื่อมั่นของเจ้า เอาละ ถ้าเจ้าพูดแบบนั้น ข้าก็จะสนองให้ ” ไท่ซู่กล่าวจบก็พุ่งใส่ ซูหลัว ในทันที ด้วยพลังและความเร็วเต็มกำลัง
ไท่ซู่ง้างหมัดขวา ก่อนจะรวบรวมพลังไว้ เมื่อซูหลัวเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงในทันที ความเร็วแบบนี้ ซูหลัวไม่สามารถมองตามได้ทัน คิดได้ดังนั้น ซูหลัวจึงทำบางอย่าง..
” ถึงข้าจะไม่มั่นใจ ในการต่อสู้แต่ถ้าเรื่องหนีมัน คนละเรื่อง ตอนนี้ละ.. ” ซูหลัวกล่าวออกมาก่อนที่จะเตรียม วิ่งหนี ทันใดนั้นเหมือนโชคชะตาเล่นตลกมีรากไม้แห้ง เกี่ยวขาซูหลัวไว้ทำให้ซูหลัว นั้นเอนตัว ลมล้ง และส่งเสียงหลงออกมา
เอ้ะ!!
ประจวบเหมาะกับที่ไท่ซู่ ง้างหมัดจะถึงตัว แต่ ซูหลัวนั้นสามารถเอนตัวหลบได้ ซึ่งในสายตาของไท่ซู่เป็นแบบนั้น สร้างความตกตะลึงให้กับไท่ซู่ เป็นอย่างมาก ไม่คิดว่า มนุษย์ผู้นี้ จะหลบการโจมตีของตนแบบใช้พลังเต็มสิบส่วน เมื่อหมัดที่ต่อยไปนั้นพลาด พลังทั้งหมด จึงถูกอัดกระแทกเข้ากับต้นไม้แถวนั้น
ตู้มมมม!!
ต้นไม้ขนาดใหญ่บริเวณที่ ไท่ซู่ปล่อยพลังไปนั้นหายไปเป็นทางยาว ซูหลัวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็หน้า ขาวซีดในทันที ซูหลัวเมื่อตั้งสติได้ก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเดิม
” ข้าว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว รีบนำสารฉบับนี้ ไปให้เทพอสูรของพวกเจ้าเถอะ ”
ไท่ซู่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นับถือ
” เจ้าเก่งมากที่สามารถหลบการโจมตีของข้าได้ เเถมยังไม่ใช้พลัง ในการต้านรับอีกด้วย ถือว่าเจ้าแน่และกล้าหาญมาก ข้าไท่ซู่ ขอทราบชื่อเจ้าได้หรือไม่? ”
ซูหลัวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็คลี่ยิ้นในทันที
” ซูหลัว นั้น คือชื่อของข้า ” ไท่ซู่ได้ยินเช่นนั้น พยักหน้าเชิงเป็นการขอบคุณ
” เอาล่ะ…ตามข้ามา ข้าจะนำทางเจ้า ไปหาท่านเทพอสูรไป๋หยาง ” ไท่ซูกล่าวจบก็ เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ทันที ซูกลัวเมื่อเห็นดังนั้นก็เบิกตากว้างทันที
อสูร ระดับราชัน!!
ซูหลัวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้ได้ทันที ว่าอสูรที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้นั้น จะต้องอยู่ ขั้นระดับราชัน ส่วนอสูรที่แท้จริง นั้นสามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้
” ท่านไท่ซู่…ข้าว่าท่านนำสารนี้ไปให้ท่านเทพอสูรดีกว่า เพราะตัวข้านั้น ต้องรีบกลับไปรายงานยังวังหลวงว่า ข้าทำภารกิจลุล่วงแล้ว ” ซูหลัวพยามหาเหตุผลที่น่าเชื่อถือมากล่าว
” ไม่ต้องพูดสุภาพกับข้าก็ได้เรียกข้าว่า ไท่ซู่ ก็พอ….ถ้าท่านต้องการแบบนั้นข้าก็ไม่ขัดข้าจะนำสารนี้ไปมอบให้เทพอสูรไป๋หยางเอง ” ไท่ซู่กล่าวตอบซูหลัวทันที เมื่อซูหลัวได้ยินเช่นนั้น ราวกับเสียงสวรรค์มาโปรด “อ้าาาาข้ารอดแล้วววว ” ซูหลัวกู่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
” ข้าต้องฝากท่านแล้ว…ข้าขอตัวละ ไว้เจอกันใหม่ท่านไท่ซู่ ” ซูหลัวยื่นสาร ให้กับไท่ซู่เสร็จ ซูหลัวก็หายไปในทันที เป็นความเร็วที่น่าสะพรึงเป็นอย่างมาก ไท่ซู่เห็นเช่นนั้นก็อดชื่นชมไม่ได้
” สมกับเป็นยอดฝีมือ ความเร็วระดับนั้นต่อให้เป็นข้าก็คงตามไม่ทัน ถ้าสู้กันจริงๆข้าต้องเป็นฝ่ายลำบากแน่ ” ไท่ซู่กล่าวจบ ก็เดินหายเข้าไปในป่าทันที
หลังจากซูหลัวส่งสารถึงมือไท่ซู่แล้ว ก็ระเบิดความเร็วออกมาทันที ตอนนี้ซูหลัวกำลังวิ่งอยู่บนยอดไม้ ก่อนจะกู่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
” ฮ่าๆๆๆ!! ข้ารอดแล้ว ต้องรีบกลับไปรายงานท่านผู้อาวุโส ” ซูหลัวกล่าวจบก็เร่งความเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว มุ่งหน้ากลับวังหลวง…
หลังจากไป๋หยางได้รับสารที่ไท่ซู่เป็นเข้าเอามาให้ก็เปิดออกอ่านในทันที ก่อนที่จะขมวดคิ้วแนบแน่น
” ไม่คิดเลยว่ามันจะมาเร็วถึงเพียงนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากัน ฉางเฉิน เจ้าต้องการแบบนี้จริงๆอย่างงั้นรึ ” ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ ไท่ซูที่ได้ยินชื่อ ฉางเฉินถึงกับขนลุก และสั่นสะท้านกับชื่อนั้นทันที
ฉางเฉินจักรพรรดิ์แห่งความตาย!!
” ท่านไป๋หยางอย่าบอกนะว่า…ท่านฉางเฉินนั้นหายจากอาการบาดเจ็บเจียนตายเมื่อครั้งตอนสู้กับท่านแล้วกำลังจะเปิดมหาสงคราม!! อีกรอบอย่างงั้นรึ ” ไท่ซู่กล่าวออกมาด้วยความวิตกกังวล
” อาจจะเป็นเช่นนั้น..หรือไม่ก็อาจจะร้ายแรงกว่านั้นเป็นสิบเท่า เพราะตอนนี้นั้น ฉางเฉินเรียกรวมพล พวกที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของมันทั่วยุทธภพ ซึ่งในอีก2ปีข้างหน้านี้จะเกิดศึกขึ้นแน่นอน ” ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยความกังวลเล็กน้อย
” ไท่ซู่เจ้ารู้หรือไม่..ทำไมฉางเฉินถึงได้ชื่อว่า จักรพรรดิ์แห่งความตาย… ” ไป๋หยางกล่าวถามแก่ไท่ซู่ทำให้ไท่ซู่แปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ
” ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่…รู้สึกได้ข่าวมาว่าท่านฉางเฉินได้ใช้วิชาอะไรสักอย่างโดยนำหัวใจออกจากร่างซึ่งนั้นเป็นเหตุที่ท่านฉางเฉินได้ถูกกล่าวขานกันว่า จักรพรรดิ์แห่งความตาย แล้วนำหัวใจไปเก็บไว้ที่ไหนสักแห่ง หลังจากหัวใจถูกนำออกมานั้น ความรู้สึก ก็เริ่มจางหายไป คล้ายกับเป็นปีศาจไร้หัวใจ ทางเดียวที่สามารถเอาชนะท่านฉางเฉินได้คือ ต้องทำลายร่างกายจนไม่เหลือซาก…เท่าที่ข้ารู้ก็มีแค่นี้ ” ไท่ซู่กล่าวอธิบายสิ่งที่เคยได้ยินมา
” ใช่…เป็นอย่างที่เจ้าพูดข้ากับฉางเฉิน นั้น เคยเป็นศิษย์สถาบันเดียวกันมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว เราต่างฝ่ายต่างยอมรับกันเป็นคู่แข่ง แต่แล้วฉางเฉินก็เปลี่ยนไปหลังจากได้รู้
ความจริงบางอย่างว่าคนที่เป็นคนฆ่า พ่อและแม่ ของตนนั้นคือ ราชวงศ์ รุ่นก่อนของทวีปจรัสแสง ” ไป๋หยางกล่าวบอกแก่ไท่ซู่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก
” งั้นแสดงว่าเหตุผลที่… ” ไท่ซู่กล่าวเว้นช่วงไว้คล้ายกับจับใจความสำคัญของเรื่องได้
“เป็นอย่างที่เจ้าคิด…ซึ่งในสมัยนั้นเป็นช่วงที่ราชวงศ์จรัสแสงถูกปกครองโดย จักรพรรดิ์ที่ละโมภในอำนาจและกระหายในพลัง จนล่วงรู้มาว่า ตระกูลของฉางเฉินเป็นราชวงศ์เก่าที่ล่มสลายของทวีปมังกร..และเป็นตระกูลที่ เก็บมหาวิชาที่ทรงพลังเอาไว้ จนจักรพรรดิ์องค์นั้น สั่งล้างบางทั้งตระกูลเพราะ ไม่ยอมบอกว่าเก็บมหาวิชาไว้ที่ไหน โชคดีในโชคร้ายที่ พวกนั้นยังไม่รู้ว่า ฉางเฉินยังมีชีวิตอยู่ หลังจากนั้นฉางเฉินก็เปลี่ยนไป… ”
” จนข้าต้องเข้ามาหยุดการล้างแค้นเอาไว้ข้ากับฉางเฉินนั้นสู้กัน7วัน7คืน จนข้าเป็นผู้ชนะ..ไม่สิ อาจจะไม่ใช่ก็ได้เพราะตอนนั้นฉางเฉินเป็นคนล่าถ่อยไปเอง พร้อมกับฝากคำพูดที่ทำให้ข้าต้องเจ็บปวดจนถึงวันนี้ ”
” ท่านไป๋หยางท่านอย่าได้คิดวิตกกังวลไปเลยเรื่องมันผ่านมานานแล้ว ” ไท่ซู่กล่าวคล้ายเป็นการปลอบประโลม แต่หลังจากที่ไท่ซู่ได้ยินบางอย่างถึงกับใบหน้าบิดเบี้ยวทันที
” ข้าจะเป็นคนไปหยุด!! ฉางเฉินอีกรอบเอง ” ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตั้งมั่น
” ท่านบ้า!! ไปแล้วหรือ..ท่านฉางเฉินในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเป็นสิบเท่าบวกกับกองกำลัง ที่ท่านฉางเฉินมีอยู่สามารถลบทวีปหนึ่งทวีปให้หายไปได้เลยแล้วแบบนี้ท่านยังจะไปอีกอย่างงั้นรึ ”
ไท่ซู่ในตอนนี้ระเบิดอารมณ์ในความไม่พอใจออกมา ไป๋หยางเห็นเช่นนั้นก็ปริยิ้มอ่อนๆ ออกมา
” เป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีเลยนะ..ที่เจ้ากล้าว่าข้าเช่นนี้ ฮ่าๆๆๆ!! ” ไป๋หยางหัวเราะออกมา ไท่ซู่ที่ได้เห็นถึงกับพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะเอ่ยบางอย่างขึ้น
” ท่านมันเป็นคนไม่รับผิดรอบอะไรเลย…ท่านจะหนีไปแล้วทิ้งงานไว้เบื้องหลังอีกแล้วหรืออย่างไร ท่านจะเป็นแบบนี้เสมอ เวลามีเรื่องเดือดร้อน ท่านก็มักจะพาตัวเองไป เสี่ยงอันตรายเสมอ ” ไท่ซู่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ไป๋หยางเห็นเช่นนั้นก็เพียงยิ้มแล้วตอบกลับไป
” ในเมื่อสหายข้ากำลังเดินทางผิด…ข้าจะนิ่งอยู่เฉยได้อย่างไรเล่า ฝากเจ้าดูแลที่แห่งนี้ จนกว่าพวกไป๋หลงจะกลับมาด้วยก็แล้วกัน..ต้องรบกวนเจ้าแล้ว ”
ฟึบ!!
ไป๋หยางกล่าวจบก็หายไปจากตรงหน้าไท่ซู่ทันที ไท่ซู่เพียงก้มหน้าลงและกำหมัด ด้วยความเจ็บปวด ไท่ซู่ทำได้เพียงมองห้องที่ว่างเปล่าเท่านั้น…..
ด้านในมิติที่ไป๋หลงและอู้เฉียงกำลังฝึกฝนกันอยู่ ไป๋หลงสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่รู้สึกเอาไม่ดีมากๆ จนถึงกับหยุดชะงักในการฝึก
” ท่านแม่ข้ารู้สึกไม่ดีเลย..ข้าอยากออกไปโดยเร็ว พอจะมีวิธีบ้างหรือไม่ ข้าสัมผัสได้ว่าท่านพ่อไป๋หยางกำลังจะเจอกับอันตราย ” ไป๋หลงกล่าวถามราฟาเอลที่ยืนดูอยู่ด้วยความกังวล
” วิธีที่จะออกไปโดยเร็วนะมี แต่แม่ไม่แนะนำหรอกนะ.. ” ราฟาเอลกล่าวบอกแก่ไป๋หลง ที่ดวงตากำลังเปล่งประกาย ราฟาเอลได้แต่ส่ายหัว สาเหตุที่ราฟาเอลยอมบอกนั้น เพราะตนนั้นก็สัมผัสได้ถึงลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ท่านแม่โปรดบอกข้ามาเถอะไม่ว่าวิธีอะไรข้าก็ยอม ”
ไป๋หลงเร่งรีบอยากจะรู้วิธีเข้าไปทุกที