เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่47 เทพมารตกสวรรค์ จบภาค 1
หลังจากไป๋หลงอธิบายเรื่องราวคร่าวๆที่เกิดขึ้นภายในมิติให้กับพวกผู้อาวุโสและแม่ทัพฟังแล้วยกเว้นเพียงแค่เรื่องของราฟาเอลเท่านั้นที่ไป๋หลงไม่ได้กล่าวบอกอู้เฉียงที่ยืนฟังอยู่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาปล่อยให้ไป๋หลงเป็นคนอธิบาย…
” เรื่องราวทั้งหมดเป็นแบบนี้นี้เองมิน่าหละ…พวกท่านถึงเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี่ ” ผู้อาวุโสหนึ่ง กล่าวพลางมองดูไป๋หลงด้วยพิจรณา เพราะเรื่องที่กล่าวมานั้นออกจะเหลือเชื่อเกินไปหน่อย..
” เอ่อ..ท่านผู้อาวุโสหนึ่งแล้วท่านไป๋หย-..ไม่สิท่านท่านพ่อของข้าอยู่ที่ไหนเหรอ ทำไมข้าไม่เห็นท่านพ่ออยู่ที่นี้ ” ไป๋หลงกล่าวพลางมองสำรวจรอบๆห้อง เห็นผู้อาวุโสสองถือสารฉบับนึงไว้ ก็กล่าวถามขึ้นทันที
” ท่านผู้อาวุโสสองแล้ว…สารในมือของท่านคือสารอันใดขอข้าดูได้หรือไม่!! ”
ผู้อาวุโสทั้งสิบสองคน..แม่ทัพและองค์รักษ์ทั้งหลายต่างมองหน้ากันว่าควรจะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ ขณะนั้นเองไท่ซู่ที่นั่งอยู่กล่าวขึ้นด้วยความสำนึก
” นายน้อย อภัยให้ข้าด้วยข้ามิอาจห้ามท่านไป๋หยางได้ โปรดนายนายน้อยลงโทษข้า!! เถิด ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดทันทีก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยความสงสัยพร้้อมกับวิตกกังวล ว่าความรู้สึกที่รู้สึกได้นั้นจะเป็นจริง
” เรื่องนั้นคือว่า… ”
” ข้าอธิบายเอง…ตอนนี้ท่านไป๋หยางกำลังไป…. ”
เต้าจี้กล่าวบอกข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในสาร ที่องค์จักรพรรดิ์ถังหนานเหิงทรงส่งมาให้กับป่าอสูรได้ทราบข่าว และเกี่ยวกับไป๋หยางที่ตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปทวีปมังกรด้วยตัวคนเดียว…
หลังจากไป๋หลงได้ฟังเรื่องทั้งหมดไป๋หลงก็แสดงความวิตกกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะเดินไปหาไท่ซู่ที่กำลังนั่งก้มหน้าลงด้วยความสำนึก
” ท่านไท่ซู่ลุกขึ้นเถิด…เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของท่านและไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น…ท่านพ่อตัดสินใจด้วยตัวเองแล้วฝากให็ท่านดูแลที่แห่งนี้มิใช่รึ.. ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและให้เกียรติไม่มีความโกรธเคืองในน้ำเสียงแม้แต่น้อย
ไท่ซู่เมื่อได้ฟังคำพูดที่ไป๋หลงกล่าวขึ้นก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยความมั่นใจอีกครั้งนึง ไป๋หลงเพียงยิ้มให้ก่อนจะหันกลับมาหาผู้อาวุโสทั้งสิบสองและแม่ทัพทั้งหลายในห้องนี้
” เอาละ..ถ้าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างที่ท่านกล่าวมา” ไป๋หลงหันมาหาผู้อาวุโสสองพลางนับมือมาประสานกันก่อนจะเอ่ยถามผู้อาวุโสสองด้วยความเคารพ
” ผู้อาวุโสสอง…ถ้าเราออกเดินทางจากที่นี้ไปทวีปมังกรจะใช้เวลากี่เดือน ”
ผู้อาวุโสสองได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวตอบออกมาทันที..
” เรียนนายน้อย…เกรงว่าจะใช้เวลาถึง3เดือน!! ในการเดินทาง ”
ไป๋หลงพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนจะกล่าวถามเต้าจี้อีกคนนึง
” ท่านเต้าจี้ ในเมื่อท่านเป็นองค์รักษ์ประจำตัวของท่านพ่อ…ถ้าเป็นท่านก็น่าจะรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของท่านพ่อแล้วท่านคิดว่าท่านพ่อจะใช้เวลากี่เดือนกว่าจะไปถึงทวีปมังกร ”
เต้าจี้ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกกังวลภายในใจก่อนจะกล่าวตอบออกมา..
” เรียนนายน้อย…ถ้าเป็นท่านไป๋หยางละก็อาจจะใช้เวลาเพียงแค่เดือนครึ่งเท่านั้น!! ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดบางอย่างอยู่..ทันใดนั้นไป๋หลงก็แสยะยิ้มออกมาก่อนจะหันหน้าไปหาผู้อาวุโสหนึ่งที่กำลังยืนอยู่…
” ผู้อาวุโสหนึ่งข้าอยากรู้ว่า…มีวิธีไหนบ้างที่ไปถึงทวีปมังกรโดยใช้เวลามากกว่าเดือนครึ่ง.. ”
ผู้อาวุโสหนึ่งที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออกไม่คิดว่าไป๋หลงจะกล่าวถามตนเช่นนี้
” เอ่อ..ท่านไป๋หลงข้าก็ไม่รู้เช่นกั-… ”
โกหก!!
ไป๋หลงกล่าวขึ้นโดยที่ผู้อาวุโสหนึ่งยังกล่าวไม่จบ..ผู้อาวุโสหนึ่งคิ้วขมวดขึ้นทันที ผู้อาวุโสทั้ง11คนและแม่ทัพที่อยู่ในนี้ก็ตกตตะลึงไม่แพ้กัน ไม่คิดว่าไป๋หลงจะกล้าขัดผู้อาวุโสหนึ่งเช่นนี้
” นายน้อยข้าไม่ได้โกหก..ข้าโกหกไปแล้วจะได้อะไรเล่า ” ผู้อาวุโสหนึ่งยังคงยืนกรานเสียงเเข็ง
อู้เฉียงที่ยืนฟังอยู่นานก็เกิดความสงสัยทันทีก่อนจะกล่าวผ่านไป๋หลงผ่านจิต
” ไป๋หลงเจ้ารู้ได้ยังไงว่าผู้อาวุโสหนึ่งโกหก ”
ไป๋หลงที่ได้ยินเช่นนั้นเพียงยกยิ้มขึ้นก่อนจะกล่าวผ่านจิตกลับไปหาอู้เฉียง
” เดี๋ยวเจ้าก็รู้..รอดูไปก่อนกำลังจะมีอะไรสนุกๆเกิดขึ้นในไม่ช้าเชื่อข้าสิ ”
อู้เฉียงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เพียงส่ายหน้าพร้อมเอามือกุมขมับ…พ้อมกับสถบออกมาในใจ
” เรื่องที่เจ้าบอกว่าสนุก…ออกก็มาจบไม่สวยทุกครั้งให้ตายสิเจ้าบ้า!! ไป๋หลงเอ้ย ”
” ท่านผู้อาวุโสหนึ่งท่านถามข้าใช่หรือไม่ว่าท่านจะได้ประโยชน์อะไร ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นแบบมีเลศนัย
” ใช่แล้วนายน้อย ” ผู้อาวุโสหนึ่งเริ่มรู้สึกแปลกขึ้นเรื่อยๆเมื่อไป๋หลงยังถามคำถามตนเรื่อยๆ
” ได้สิ…ท่านกำลังปิดบังวิธีการเดินทางข้า เพราะท่านคิดว่าพ่อของข้าต้องจบสิ้นชีวิตเป็นแน่แท้…หลังจากนั้นท่านก็จะให้ข้าขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ ของป่าอสูรแล้วคอยใช้วิชามารบงการข้าราวกับหุ่นเชิด!! ใช่หรือไม่ ท่านผู้อาวุโสหนึ่ง ”
เมื่อทั้งห้องได้ยินทุกประโยคทุกถ้อยคำทั้งห้องต่างมองมาที่ผู้อาวุโสหนึ่งเป็นสายตาเดียวกัน ผู้อาวุโสหนึ่งได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยโทสะทันที
” เหลวไหล!! ท่านเอาอะไรมาพูดอย่ามาปรักปรำข้า..ถึงแม้ท่านจะเป็นนายน้อยของป่าอสูรแล้วอย่าคิดนะว่า ท่านจะใส่ความข้าได้ ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นก็เพียงยกยิ้มออกมาแต่รอยยิ้มนั้นราวกับรอยยิ้มของพญามัจจุราชของไม่ปาน ผู้อาวุโสหนึ่งถึงกับสั่นสะท้านทันที
“ท่านถามหา หลักฐานเหรอ…หลักฐานนะข้ามี ”
ไป๋หลงกล่าวขึ้น…ขณะนั้นเองดวงตาสีแดงของไป๋หลงก็เปล่งแสงสีทองออกมาพร้อมกับนัยตาทั้งสองข้างที่เปลี่ยนไป เป็นรูปดาบสีทองกับตาชั่ง เมื่อทุกคนในห้องสิ่งที่เกิดขึ้นถึงกับสั่นสะท้านในทันที
ดะ..ดวงตาแห่งการพิพากษา!!
หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวขึ้นนั้นก็คือผู้อาวุโสห้าที่กล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง
” ท่านผู้อาวุโสห้าชั่งมีความรู้กว้างขวางนัก ข้าไป๋หลงขอนับถือๆ ” ไป๋หลงกล่าวพลางประสานมือพร้อมก้มหัวเล็กน้อย
” ท่านผู้อาวุโสห้า ดวงตาแห่งการพิพากษา!! คือวิชาอะไรกัน ”
ผู้อาวุโสหกกล่าวขึ้นด้วยความใคร่รู้ ทุกคนในห้องก็ต่างรู้สึกสั่นสะท้านเมื่อมองไปยังดวงตาคู้นั้น
” พวกเจ้าทุกคนจงฟังรวมถึงเจ้าด้วยผู้อาวุโสหนึ่ง!! ดวงตาแห่งการพิพากษาถือเป็นมหาวิชาเลยก็ว่าได้แต่มันไม่ใช่วิชาที่สร้างความเสียหายแต่อย่างใด….แต่มันเป็นวิชาไว้ที่ตรวจสอบผู้ที่โกหกและสามารถมองไปยังก้นบึ้งภายในจิตใจได้ว่าบุคคลผู้นั้นกำลังคิดอะไรอยู่…ว่ากันว่าเป็นวิชาที่หายสาบสูญไปแล้วแต่นายน้อยไป๋หลงไป รู้มาจากที่ใดกัน ”
ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ถึงกับอึ้งในความสามารถที่ผู้อาวุโสห้ากล่าวออกมา
” เพราะฉะนั้นเรื่องที่นายน้อยไป๋หลงพูดย่อมเป็นจริงอย่างแน่นอน ส่วนเจ้า ผู้อาวุโสหนึ่งเจ้าคิดจะทรยศแล้วบงการป่าอสูรนี้ ความผิดนี้ร้ายแรงนัก ”
ผู้อาวุโสเจ็ดกล่าวออกมา ก่อนจะเตรียมพร้อมบางอย่าง…
ผู้อาวุโสหนึ่งได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าขาวซีดทันทีก่อนจะสถบออกมาแล้วส่งสายตาอาฆาตมาที่ไป๋หลง ก่อนจะระเบิดพลัง ระดับราชันอสูรที่แท้จริงขั้น8 ออกมาหมายจะสังหารไป๋หลง
” บัดซบ!!…ตายสะเถอะ เจ้าสารเลวเอ้ยไป๋หลง ”
โง่เง่า!!
ไป๋หลงสถบออกมาก่อนดวงตาของไป๋หลงก็กลับมาเป็นสีแดงเช่นเดิม..ผู้อาวุโสหนึ่งกำลังจะพุ่งมาหมายจะสังหารไป๋หลงนั้นถูกกดหัวลงพื้นในทันที
ตึง!!
ร่างที่พุ่งเข้ามากดหัวผู้อาวุโสนั้น แผ่ พลังระดับจักรพรรดิขั้นที่5 ออกมา นั้นก็คือเต้าจี้ที่เป็นองค์รักษ์ของไป๋หยางนั้นเอง…
” ชั่วช้าสิ้นดี…เตรียมตัวตาย ” เต้าจี้กล่าวจบกำลังจะตัดหัวของผู้อาวุโสหนึ่ง ทันใดนั้นผู้อาวุโสหนึ่งก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจ
” จะ…เจ้าไม่กล้าข้าหรอก ถ้าหากข้าตาย!! เจ้าก็จะไม่รู้ในเรื่องที่เจ้าต้องการ ” ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นแค่ปลายตามองก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเรียบๆ
” ช้าก่อน ท่านเต้าจี้ ”
ไป๋หลงกล่าวออกมา ผู้อาวุโสหนึ่งก็ยิ้มออกมาแต่ทันใดนั้นรอยยิ้มนั้นก็พังทะลายลงในทันที
” ท่านผู้อาวุโสหนึ่งท่านโง่!!รึเปล่า เมื่อกี้ท่านไม่ได้ฟังรึว่าความสามารถของดวงตาคู่นี้ที่กำลังจับจ้องทันอยู่ความสารถของมันนั้นสามารถ รับรู้ถึงความลับที่คนผู้นั้นพยามปกปิดไว้ด้วย แต่น่าเสียดายที่วิชานี้ ใช้ได้แค่วันละครั้งเท่านั้น ชั่งน่าเสียดายจิงๆ… ”
ผู้อาวุโสหนึ่งได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวทันที..
” บัดซบ!! แล้วเจ้าให้มันหยุดสังหารข้าทำไม ”
” หืม?…ใครบอกว่าจะไม่สังหารท่าน..แต่ข้ากลัวว่าเลือดสกปรกจะติดอยู่ในห้องของท่านพ่อก็เท่านั้น..อ้ออีกอย่างเผื่อเจ้าใช้ลูกไม้ตุกติก ”
ไป๋หลงกล่าวจบก็เดินเข้ามาหาผู้อาวุโสหนึ่งที่โดนกดทับอยู่กับพื้น
” ท่านเต้าจี้…จับมันเงยหน้าขึ้นมา ”
เต้าจี้เห็นเช่นนั้นก็ไ่ได้ปริปากถามก็ทำตามอยู่โดยดี ไป๋หลงนำมือมาทาบไว้ที่หน้าท้องของผู้อาวุโสหนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความเย็นชา
” พวกท่านทุกคนจงจำไว้ให้ดี…ใครคิดทรยศท่านพ่อและป่าอสูรจะเป็นเช่นนี้… ”
ตู้มมม!!
ไป๋หลงอัดพลังเข้าใส่ที่จุดกักเก็บพลังและจุดบ่มเพาะพลังของผู้อาวุโสหนึ่ง สิ่งที่ทุกคนในี่นี้สัมผัสได้คือ ระดับพลังของผู้อาวุโสหนึ่ง หายไปแล้ว ผู้อาวุโสหนึ่งสำรอกเลือดออกมา ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพูด ใบหน้าขาวซีด..จนในที่สุดก็หมดสติ
” อ๊ะ..แย่จริง!! ข้าขอโทษด้วยท่านพ่อ ที่ทำให้มีเลือดสกปรกเช่นนี้โดนพื้นห้องไว้ข้าจะมาทำความสะอาดให้ก็แล้วกัน ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยท่าทีสบายๆราวกับไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่พึ่งกระทำไป
ทั้งหมดในห้องนี้ต่างตกตะลึงกับความโหดเหี้ยมไร้ปราณีเช่นนี้…การโดนทำลายจุดบ่มเพาะพลังยิ่งกว่าตายทั้งเป็นเสียด้วยซ้ำ…
” เอาละท่านเต้าจี้ฝากจัดการส่วนที่เหลือด้วย อ้อ..แล้วก็ฝากตามมู่จินกับมู่หลานให้มาพบข้าด้วยที่…ที่พำนักของผู้อาวุโสหนึ่ง ”
” ขอรับนายน้อย ”
” แล้วนี้ท่านอู้หยางไปไหนทำไมข้าถึงไม่เห็น ”
ไป๋หลงกล่าวถามไท่ซู่..
” เรียนนายน้อย ท่านอู้หยางนั้นพึ่งเข้าไปในเมือง เพื่อไปซื้อของ”
ไป๋หลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาหาอู้เฉียงก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ…
” ไง..อู้เฉียงน้อยเจ้าจะไปกับข้าหรือไม่..ข้าไม่บังคับเจ้าหรอกนะ ”
อู้เฉียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็แค่นเสียงออกมา…
” เฮอะ..ข้าสัญญาไว้แล้วนิว่าไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหนข้าจะตามเจ้าไปด้วย ”
ไป๋หลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเชิงกวนประสาทเล็กน้อย
” ท่านเต้าจี้ฝากบอกท่านแม่ด้วยว่าข้าจะรับกลับมา ” อู้เฉียงไม่ได้คิดจะรอให้อู้หยางกลับมาเพราะถ้าอู้หยางแม่ของตนรู้เรื่องนี้จะต้องห้ามตนอย่างแน่นอน
” ได้ ข้าจะบอกท่านอู้หยางให้ ”
อู้เฉียงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เดินตามไป๋หลงในทันที ทิ้งให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ต่างมองหน้ากันไปมา ไท่ซู่เห็นเช่นนั้นก็กล่าวบอกแก่ทุกคนทันที
” พวกเจ้าทุกคนและท่านผู้อาวุโสโปรดเตรียมการไว้ด้วยเผื่อในกรณีฉุกเฉิน..อย่างที่ทุกท่านทราบ ”
ทุกคนในห้องนี้ต่างพยักหน้าให้ก่อนจะแยกกันไปแล้วทำหน้าที่ของตน..
ส่วนทางไป๋หลงนั้นเป็นอย่างที่คาดหลังจากมู่จินและมู่หลานเห็นไป๋หลงก็ตกตะลึงและสงสัยไม่แพ้กัน ไป๋หลงเพียงอธิบายแบบสรุปสั้นๆเพราะตอนนี้ไม่มีเวลาอีกแล้ว ตอนนี้ไป๋หลง อู้เฉียง มู่จินและมู่หลาน กำลังอยู่ชั้นใต้ดินที่เคยเป็นที่พักของผู้อาวุโสหนึ่ง
” เจอแล้วอยู่นี้นี่เอง…ศิลาแห่งการเดินทาง!! ”
อู้เฉียง มู่จินและมู่หลาน กำลังมองดูเสาศิลาเรืองแสงเรืองรองที่มีถึงห้าเสาด้วยกัน …
” เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันทำงานอย่างไรไป๋หลง ” อู้เฉียงกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย ไป๋หลงที่เห็นเช่นนั้นก็กล่าวอธิบายทีนที
” รู้สิก็ ข้าอ่านความคิดมาจากผู้อาวุโสหนึ่ง ทำให้ข้ารู้ถึงที่ซ่อนและหลักการทำงานเลยหละ ที่ท่านพ่อเดินทางไปเอง เพราะไม่รู้แน่นอนว่าผู้อาวุโสหนึ่ง มีศิลาแห่งการเดินทางอยู่ !!”
” นายน้อยแล้วท่านเรียกให้พวกเราพี่น้องมาที่นี้ทำไมหรือ? ” มู่จินกล่าวออกมาด้วยความสงสัย
” ข้ามีงานให้พวกท่านทั้งสองทำจะเรียกว่าขอช่วยก็ได้คือว่าข้าอยากให้พวกท่าน…. ”
ไป๋หลงอธิบายถึงแผนการต่างๆหลังจากถึงที่หมายแล้วก็คือ ทวีปมังกรนั้นเอง ให้มู่จินและมู่หลานฟัง
” งานนี้มันสำคัญมากเลยนะนายน้อย..ข้าอาจจะทำพลาดดก็ได้ ” มู่จินกล่าวออกมาด้วยความลังเลเล็กน้อย ไป๋หลงจับบ่าของมู่จินและมู่หลานไว้แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหึกเหิมสร้างกำลังใจให้ทั้งสอง
” ที่ข้าเลือกพวกท่านเพราะข้าเชื่อใจพวกท่านถ้าพวกท่านไม่ทำก็ไม่เป็นไรถือว่าข้าไป๋หลงดูคนผิดไปเท่านั้น!! ”
ทั้งมู่จินและมู่หลานได้ยินเช่นนั้นถึงกับสั่นสะท้านด้วยความปิติยินดี
” ข้ามู่จิน จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!! ”
” ข้ามู่หลานจะไม่ทำใ้ท่านผิดหวัง!! ”
ไป๋หลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอามือเกาหัวเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าทั้งสองจะกล่าวออกมาเช่นนี้ทำให้ไป๋หลงประหม่าเล็กน้อย
” เอาละงั้นเราออกเดินทางกันเถอะ ”
ไป๋หลงกล่าวจบก็ให้ทุกคนมายืนอยู่ตรงกลางของแท่งหินทั้งหมดก่อนที่แท่งหินจะเรืองแสงขึ้นและทำการส่งพวกไป๋หลงไปทวีปมังกร โดยที่ก่อนหน้านี้ไป๋หลงทำการหยดเลือดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะผู้อาวุโสหนึ่งโดนเต้าจี้บั่นคอเป็นที่เรียบร้อย ทำให็ไป๋หลงสามารถหยดเลือดเป็นเจ้าของได้…
” ไป๋หลงข้ามีเรื่องอยากถาม เมื่อกี้เจ้าบอกว่าวิชาของเจ้านนั้นสามารถดูความลับที่อีกฝ่ายปกปิดไว้ใช่หรือไม่? ”
” ประมาณนั้นทำไมรึเจ้าถามทำไม? ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย ทันใดนั้นอู้เฉียงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
” ฮ่าๆๆๆ!! แสดงว่าเจ้าก็สามารถรู้ได้เลยสินะว่าเวลาคุยกับสตรี ว่าสตรีนางนั้นคิดยังไงกับเจ้า ”
โป๊กก!!
ไป๋หลงนำกัมปั้นทุบไปที่หัวของอู้เฉียงทันทีสร้างความขบขันให้กัมู่จินและมู่หลานที่ดูอยู่
” เฮ้อ..เจ้านี้มันไร้สาระจริงๆ ”
หลังจากไป๋หลงทุบหัวของอู้เฉียงเสร็จก็กำหนดเป้าหมายทันทีก่อนที่ทั้งสี่คนจะกลายเป็นลำแสงสีขาวหายไป
เป้าหมาย ทวีปมังกร เดินทาง!!
จบ……