เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่56 ศิษย์ต้องห้ามแห่งสถาบันเทพมาร 3 จบ
สถาบันเทพมารแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นอย่างมากเทียบกับวังหลวงแต่กว้างและใหญ่โตกว่าถึง10เท่า….ทุกๆ1ปีนั้นจะมีการรับสมัครศิษย์ใหม่เข้ามา คนที่จะเข้าได้นั้นต้องเป็นพวกสัตว์ประหลาด!!ในหมู่รุ่นเยาว์เท่านั้น..การสอบเข้าของสถาบันเทพมารจะผิดแปลกไปจากสถาบันอื่นๆคือการที่จะสอบผ่านนั้นต้องสู้กับศิษย์สายนอกสายในและศิษย์หลัก….
ประเด็นที่ทำให้สถาบันเทพมารเป็นสถาบันอันดับ1มาร่วมนั้บพันปี!! เพราะสถาบันแห่งนี้นั้น เปิดรับสมัครทุกเผ่าพันธ์เข้ามา ไม่ว่าจะเป็น รุ่นเยาว์ของเผ่าเทพ มาร ปีศาจ และเผ่าพันธ์อื่นๆอีกมากมายไม่เว้นแม้แต่มนุษย์…
สถาบันแห่งนี้ถือเป็นกลางทางเผ่าพันธ์แต่พวกศิษย์นั้นกลับคิดต่างออกไป จนเกิดการแบ่งพรรคแบ่งเผ่าพันธ์ หรือ แม้กระทั่งแบ่งชายหญิงก็ตามเรื่องพวกนี้สถาบันไม่สามารถเข้ามาดูแลได้แต่ถ้าทุกขั้นสูญเสียชีวิตเมื่อไหร่สถาบันจะเคลื่อนไหวอย่างแน่นอนและให้ผู้อาวุโสในสาขาต่างๆ จับตาดูอย่างใกล้ชิด…
” นี้ข้าได้ยินมาว่า ศิษย์ของผู้อาวุโสหยวน อาละวาดทำร้าย เผ่าเทพอีกแล้วเหรอ ” เสียงที่เต็มไปด้วยความซุกซนกล่าวขึ้น
” ใช่แล้วแต่ที่ข้าได้ยินมาคนจากเผ่าเทพเป็นฝ่ายไปยั่วยุและท้าทาย..ก่อนจะเละกลับมาและเกือบจะสูญเสียปีกที่เป็นความภาคภูมิใจของเผ่าเทพไปถ้าไม่ได้ผู้อาวุโสหยวนมาช่วยได้ทันเวลา… ” เสียงของชายหนุ่มที่มีหูที่ยาวเส้นผมสีเนื้อดวงตาสีฟ้าอ่อน กล่าวขึ้น
” อยู่ไม่รู้จักเจียมตัวดันไปหาเรื่อง ศิษย์ต้องห้ามแห่งสถาบันแห่งนี้ ดวงซวยแท้ๆ..หรือจะว่าโง่ดี คนจากเผ่าเทพเป็นแบบนี้กันหมดเลยเหรอ ฮ่าๆๆๆ!! ” เสียงหัวเราะของหญิงสาวเส้นผมสีน้ำตาลยาวดวงตาสีน้ำเงินเข้มใบหน้าที่ได้รูป ผิวขาวเนียนราวกับหยกชั้นดี ภูเขาทั้งสองข้างที่อวบอิ่มชายใดที่ได้มองแทบจะอดใจไว้ไม่อยู่….
” ชู้ววว!!…อย่าพูดดังไปเดี๋ยวมีคนมาได้ยินเราจะซวยเอา ” เสียงของชายหนุ่มกล่าวห้ามเพื่อนสาวของตน..
” เจ้าเนี้ยขี้กลัวจริงๆ..เอาเถอะเจ้าคิดว่าปีนี้จะมีคนสอบผ่านทั้งหมดกี่คนกัน เมื่อปีที่แล้วสมัครเกือบหมื่น แต่ผ่านเข้ามาได้เพียง 30 กว่าคนเท่านั้น ปีนี้เจ้าคิดว่ายังไง หวงฮุ้ย ”
” อาจะ10มั้งมากหน่อยก็20 คน ”
” ฮัวหง เจ้าพนันกับข้าไหมละว่าปีนี้จะมีคนโดนศิษย์สายหลักอย่างพวกเราส่งกลับบ้านไปกินน้ำข้าวต้มกี่คน…. ” เสียงของ หวงฮุ้ย กล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น…
” นั้นมันก็แล้วแต่อารมณ์ของข้านิ…ยังไงๆข้าก็ไม่สังหารพวกคนที่เข้ามาสอบอยู่แล้วอีกอย่างถ้าพวกนั้นบังเอิญมาเป็นคู่ต่อสู้กับข้าละก็นะ ฮ่าๆๆๆ ”
หวงฮุ้ยเอามือมากุมขมับตัวเองพลางส่ายหน้าให้กับการพูดและแสดงออกของฮังหง…
” เฮ้อ…น้ำเสียงและการกระทำของเจ้าชั่งไม่เข้ากับหน้าตาเอาสะเลยจิงๆ.. ”
” ก็ข้าสวยจิงๆนิใช่ไหม…จงจำไว้นะหวงฮุ้ยเพื่อนข้า…คนสวยทำอะไรก็ไม่ผิด ฮ่าๆๆ ” ฮัวหงหัวเราะจบก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปบนหลังคาแถงนั้น…
” ไว้เจอกันคาบวิชาอักขระข้ากลับก่อนละเดี๋ยวท่านอาจารย์จะบ่นข้าอีก.. ” ฮัวหงกล่าวบอกแก่หวงฮุ้ยที่เป็นสหายของตนด้วยน้ำเสียงติดตลก..
” ตามนั้นก็แล้วกัน..ข้าก็ขอตัวกลับเหมือนกันเช่นนั้นก็แยกย้ายกลับกันเลยก็แล้วกัน ”
หวงฮุ้ยและฮัวหงก็ต่างกลับที่พักของตน…
ภายในห้องพักแห่งหนึ่งที่ห้อมล้อมไปด้วยความมืดมีเพียงแสงไฟจากเปลวเทียนเท่านั้นที่ยังส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืดมิด…แต่ในความมืดมิดนั้นมีร่างของหญิงสาวเส้นผมดำมันวาวดวงตาสีแดงทับทิม เนื้อตัวขาวและเนียนดั่งหยกถึงแม้จะใส่ชุดศิษย์หลักของสถาบันแห่งนี้ที่ปกปิดส่วนเว้าส่วนโค้งเป็นอย่างดีแต่ก็มิอาจบดบังความงามของนางได้แต่ตอนนี้นางนั้น…กำลังนั่งกอดเขาอยู่และฟังอาจารย์ของตนนั้นเทศนาจนหูชาไปข้าง….
” ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหมหลินหลินว่าหัดควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองไว้สะบ้าง..ครั้งนี้ถ้าข้ามาไม่ทันรู้ไหมจะเกิดอะไรขึ้น…ยิ่งเจ้าที่เป็นเผ่ามารพวกเผ่าเทพมันคงไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่สบายเป็นแน่แท้… ” ผู้อาวุโสหยวนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิ…
” ข้ารู้น่าาาา…ท่านอาจารย์ท่านไม่ต้องพูดเรื่องนี้หรอก..ลองมาดูซิข้าจะจับพวกเผ่าเทพนั้นมาเด็ดปีกเล่นเอาสะเลย… ”
โป้กก!!
” อาจารย์ท่านทำแบบนี้กับข้าได้ยังไงท่านตีหัวผู้หญิงแบบข้าได้เช่นไร…โอ้ยเจ็บๆหัวข้า ”
หลินร้องออกมาพร้อมกับเอามือกุมหัวตัวเองเป็นท่าทางที่น่ารักเป็นอย่างมากที่ตอนอยู่ข้างนอกจะดุดันและน่าเกรงขามราวกับบุรุษ…
” ทำไมข้าจะทำไม่ได้ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า..หน่อยเจ้าเด็กอวดดีไม่เจอกันแปปเดียวเจ้ากล้าขึ้นเยอะเลยนะให้ข้าช่วยเจ้าดัดนิสัยให้สมเป็นอิสตรีให้ดู ”
ผู้อาวุโสหยวนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หยอกล้อและเอ็นดู…
” ใจเย็นลงก่อนท่านอาจารย์!!.. ” หลินหลินพยามกล่าวออกมาเพื่อลดโทสะของอาจารย์ตน
” ยังไงเจ้าก็อย่าลืมสถาบันแห่งนี้นั้นถึงแม้จะเป็นกลางแต่ก็ยังมีการแบ่งฝ่ายกันอย่างลับๆเจ้าที่อยู่สันโดษ…แถมฉายาศิษย์ต้องห้ามแห่งสถาบันแห่งนี้อีก เจ้าจะโดนเพ่งเล็งได้ง่ายถึงแม้จะมีข้าอยู่ก็ตามที….เอาละเจ้าบอกข้าได้หรือไม่เหตุใดเจ้าถึงเล่นงานเจ้าเด็กเผ่าเทพนั้นจนเละแถมเกือบจะตัดปีก!! ของมันออก… ”
หลินหลินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำสีหน้าลำบากใจทันทีราวกับไม่อยากอธิบายถึงเหตุผลที่กระทำลงไป… มีหรืออาจารย์จะมองความผิดปกติของศิษย์ของตัวเองไม่ออก…
” เฮ้อ..ท่าเจ้าลำบากที่จะกล่าวมันออกมาเจ้าก็ไม่ต้องพูดข้าไม่ได้บังคับเจ้าให้พูดสักหน่อย..ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็อยู่นิ่งๆไปสักระยะข้าขอตัวไปรายงายเรื่องที่เกิดขึ้นกับรองผอ.ก่อน”
ไป๋หยวนกล่าวจบกำลังจะเดินออกจากห้องไปหลินหลินก็เอ่ยขึ้นมาทันที…
” ข้าอจจะไม่สามารถเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นได้แต่…ความฝันเมื่อคืนข้าสามารถเล่ให้ท่านฟังได้ ”
ผู้อาวุโสหยวนได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับมาทางศิษย์ของตนเองทันที…เพราะเผ่ามารนั้นการฝันนั้นถือเป็นนิมิตการบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าอย่างหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ถึงจะไม่แน่ชัดก็ตามที…
” ว่ามาสิเจ้าฝันว่าอะไรหรือ.. ”
” ข้าฝันว่า…จะมีเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งราชันย์!! และปีกแห่งการสืบทอดที่เผ่ามารนั้นเคยมีไว้ในครอบครองของเทพมารแต่ละรุ่นแต่เท่าที่ข้าได้รู้มาเทพมารคนปัจจุบันไร้ซึ่งปีกแห่งการสืบทอด ”
ผู้อาวุโสหยวนที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง..
” เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ!! ”
จบ…..