เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่59 บัญญัติแห่งราชันย์
เมืองจรัสแสงนั้นมีทั้งหมด12ตระกูลใหญ่ปัจจุบันเหลือเพียง11ตระกูลเท่านั้น…ตระกูลที่หายไปคือตระกูลชินที่โดนไป๋หลงล้างสังหารจนหมดสิ้น…ตระกูลใหญ่ที่เหลือทั้ง11 ตระกูลนั้นแข่งขันกันภายในแบบลับๆทั้งการขนส่งสินค้าและกิจการต่างๆและมีการคานอำนาจกันอยู่….การที่ตระกูลชินนั้นหายไปจนเหลือที่ว่างขนาดใหญ่เอาไว้ จนเกิดการแย่งชิงพื้นที่ส่วนนั้นกันแบบลับๆ….
สำหนักหมื่นกระบี่…
” ชุนยี่เจ้าเป็นอะไร..ข้าเห็นเจ้าเอาแต่เดินเหม่อลอย..ซ้ำยังไม่เข้าเรียนคาบของอาจารย์อีก…เจ้ากลับไปโดนบ่นจนหูชาแน่ๆ.” ชุ่นไห่กล่าวถามและติน้องสาวของตนที่กำลังเดินแบบไร้ชีวิตชีวาตั้งแต่ไป๋หลงหายตัวไป…
” โถ่วท่านพี่..น้องเบื่อเหมือนกันนะวิชากระบี่แบบนั้นข้าไม่ชอบเรียนแล้วก็ไม่อยากเรียนด้วยมันไม่เข้ากับพลังของข้าสักหน่อย… ” ชุนยี่กล่าวตอบออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย
” ข้ารู้แต่เจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนั้นนะ..ถ้าอาจารย์ทำเรื่องไปบอกท่านพ่องานเข้าแน่ๆ อีกอย่างท่านพ่อกำลังต่อสู้ภายในกับตระกูลใหญ่ที่จ้องจะเอาที่ตรงนั้นเป็นของตระกูลตน… ”
ชุนยี่ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ทันที…
” ก็ท่านพ่ออยากจะเข้าร่วมเองนิ…อีกอย่างเราไม่เห็นจะต้องเอาพื้นที่ ที่เคยเป็นพื้นที่ตั้งของตระกูลชิน!!ด้วยซ้ำ ”
” ท่านพ่อก็คงจะมีเหตุผลของท่านนั้นแหละอย่าลืมสิ..ท่านพ่อทำอะไรก็รอบคอบและวางแผนตลอด..ที่ตรงนั้นคงจะมีอะไรสักอย่างนั้นแหละที่พวกเราไม่รู้ ” ชุ่นไห่กล่าวอธิบายแก่ชุ่นยี่…
” หึ!! ” ชุนยี่เพียงแค่นเสียงออกมาเท่านั้น..
ชุนยี่และชุนไห่ เดินมาถึงทางเข้าสำนักก็เจอเหล่าศิษย์จำนวนมากแออัดกันอยู่บริเวณหน้าสำนัก… ชุนยี่และชุนไห่ได้เห็นเช่นนั้นก็เกิดความสงสัยก็กล่าวถามศิษย์รุ่นน้องบริเวณนั้นทันที…
” นี้ศิษย์น้องเกิดอะไรขึ้นเหรอ?ทำไม เหล่าศิษย์มากมายต่างมาแออัดกันอยู่หน้าสำนักเช่นนี้ ”
ศิษย์สายนอกที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับมาทันที..เมื่อเห็นว่าทั้งสองเป็นศิษย์สายหลักทั้งยังอยู่ปี2..ดูจากเรื่องแต่งกายแล้วก็กล่าวออกมาด้วยความนอบน้อมทันที…
” เรียนศิษย์พี่ทั้งสอง..พวกท่านคงจะพึ่งออกมาจากหอพักสินะข้าจะบอกให้ฟัง…?ท่านเห็นคนที่ยืนอยู่ในวงล้อมของเหล่าศิษย์เหล่านี้ไหม…เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมากอีกอย่างเขาไม่ได้ขยับไปจากที่ตรงนั้นเลย..ก็สมารถล้มพวกเราได้ ซ้ำยังแนะนำวิธีการต่อสู้ด้วยทำให้เหล่าศิษย์สายนอกอย่างพวกข้าเกิดนึกอย่างลองวิชาเลย…เป็นอย่างที่ท่านเห็น อีกอย่าง..เขาหล่อเหลาเป็นอย่างมากทำเอาข้าอิจฉามิใช่น้อย ดวงตาสีแดงดุจอัญมณี ผิวขาวเนียนดุจหยก เส้นผมสีดำมันวาว… เรียกได้ว่าไร้ที่ติเลยทีเดียว ”
ชุนยี่และชุนไห่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสงสัยทันที…
” ขอบใจเจ้ามาก.. ” ชุนยี่กล่าวขอบคุณ
” มิเป็นไร…เช่นนั้นข้าขอตัวดูการต่อสู้นี้ต่อละ ก่อนที่ผู้อาวุโสจะมา ”
ชุนยี่และชุนไห่ มองหน้าและพยักหน้าให้กันก่อนจะเดินเข้ามาและดูการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น…
” แฮกๆๆ!! ข้าไม่ยอมแพ้หรอก ถึงข้าจะชนะท่านไม่ได้อย่างน้อยขอเพียงทำให้ท่านขยับออกจากตรงนั้นได้เป็นพอ ” เสียงของศิษย์หญิงคนหนึ่งที่เป็นศิษย์สายนอกที่กำลังต่อสุ้อยู่กับ ชายผู้มีหน้าตาหล่อเหลา จนทำให้ศิษย์หญิงที่เห็นหน้าแดงกันไปเป็นแถบๆ…
” ความมุ่งมั่นถือว่าดี..แต่การเคลื่อนไหวอืดอาดยืดยาดไป..ถ้าเป็นการต่อสู้เอาชีวิตเจ้าตายไปนานแล้ว..เข้ามา ” เสียงที่พูดออกมาเชิงให้คำแนะนำและติในเวลาเดียวกับ บุรุษผู้มีดวงตาสีแดงดุจอัญมณีก็คือไป๋หลงนั้นเอง ด้วยรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป ทำให้ ไม่มีใครจำไป๋หลงได้แม้แต่คนเดียว…
” ข้าจะรับคำแนะนำนั้นไว้..ย้ากกก!! ” ศิษย์หญิงคนนั้นระเบิดพลังระดับ นักรบหลอมรวมขั้นที่7!! ออกมาก่อนจะใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้าไปหาไป๋หลงในฉับพลันพร้อมกับยกขาขวาหมายจะจู่โจมไป๋หลงโดยที่ไม่ทันตั้งตัว…
ไป๋หลงเพียงยกยิ้มขึ้นก่อนจะใช้มือขวาขว้าจับขาขวาอันเรียวยาวของศิษย์หญิงคนนั้นไว้และผลักออกจนศิษย์ผู้นั้นกำลังจะล้มลงกับพื้นไป๋หลงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วก่อนจะมาอยู่ข้างหลังศิษย์หญิงคนนั้น และ ใช้มือแกร่งทั้งสองข้างประคองเอาไว้.. ไป๋หลงขยับหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา..
” ถือว่าเจ้าชนะก็แล้วกันที่ทำให้ข้าขยับออกจากที่เดิมได้…อีกอย่างข้าไม่อยากทำให้ใบหน้าสตรีอันงดงามของเจ้าเป็นรอยหรอกนะ…อีกอย่างจงรักษาความมุ่งมั่นและแน่วแน่นั้นไว้…ไม่นานเจ้าจะประสบความสำเร็จ.. ”
ศิษย์หญิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงฉ่าทันทีก่อนจะทรุดตัวลงด้วยความเขิลอายสร้างความอิจฉาให้กับศิษย์หญิงจำนวนมาก…และเพิ่มความแค้นให้กับศิษย์ฝ่ายชายอีกนับไม่ถ้วน…
” ข้าชุนยี่..ขอท้าประลองท่าน ” ชุนไห่ได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของน้องสาวตน…อีกอย่างชุนไห่รู้สึกคุ้นหน้าคนผู้นี้เป็นอย่างมากแต่มิอาจเจาะจงได้..
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ตาลุกวาวในทันทีไม่คิดว่าคนที่ไป๋หลงต้องการจะไปหาจะโผล่ออกมาด้วยตัวเอง…ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็นึกสนุกก่อนจะกล่าวออกมา..
” ได้สิ ท่านชุนยี่ข้าจะประลองกับท่าน แต่… ”
ชุนยี่ได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดทันทีก่อนจะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย..
” แต่อะไรเล่า!! ”
” ไว้เดี๋ยวข้าเสร็จธุระ ข้าจะไปหาท่านที่ตระกูลเองข้าอยากจะพูดบางอย่างกับท่านชุนเปียวเล็กน้อย… ”
เหล่าศิษย์ที่ได้ยินเช่นนั้นไม่คิดว่าไป๋หลงจะรู้จักกับคนใหญ่คนโตเช่นนั้น บ้างก็คิดว่าไป๋หลงอาจจะเป็นองค์ชายจากต่างแดนก็เป็นได้ ชุนยี่ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาด้วยสงสัยในทันที…
” เจ้าเป็นใครกันแน่ทำไมถึงพูดเหมือนสนิทกับตระกูลข้า แล้วทำไมข้าถึงคุ้นๆหน้าเจ้าขนาดนี้ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือไม่!!… ”
” ข้าไม่มีเวลาแล้ว ตอนเย็นข้าจะไปหาท่านที่ตระกูล ศิษย์พี่ชุนยี่ ”
แม้คำหลังที่พูดออกมาจะแผ่วเบาแต่ชุนยี่สามารถได้ยินอย่างแช่มชัด..ก่อนจะบอกตากว้างออกมา..
” หรือว่าจะเป็น!!… ”
” ท่านผู้อาวุโสข้าเห็นท่านแอบสุ่มดูอยู่ตั้งนานแล้ว..ทำไมไม่ออกมาสักทีเล่า ”
ผู้อาวุโสที่แอบสุ่มดูอยู่ได้ยินเช่นนั้น ก็ตกตะลึงในทันทีไม่คิดว่าผู้เยาว์เบื้องหน้าจะจับสัมผัสของตนได้..ก่อนจะหัวเราะออกมา
” ฮ่าๆๆ!! แข็งแกร่งจริงๆ ที่ข้าไม่เข้าไปเพราะข้าอยากให้ศิษย์พวกนั้นได้ประสบการณ์จากเจ้าเช่นไรเล่า…เรื่องที่เจ้าต้องการพบเจ้าสำนัก ทางเราอนุญาติแล้ว ตามข้ามา… ”
ไป๋หลงเดินตามผู้อาวุโสเข้าไปทันที.. เหล่าศิษย์สายหลักและสายในต่างมองไป๋หลงและแฝงไว้ด้วยความรู้สึก ยำเกรง อิจฉา ริษหยา เคารพ และ นับถือ ผสมปนเปกันไป จนกระทั้งมาถึงห้องของเจ้าสำนัก…
” ข้างในนี้แหละ ข้ามาส่งเจ้าได้เพียงเท่านี้ข้ามีเรื่องต้องทำอีกขอให้เจ้าโชคดี ”
” ขอบคุณมากท่านผู้อาวุโส ”
ผู้อาวุโสพยักหน้าให้ปริยิ้มอ่อนก่อนจะเดินจากไป…ไป๋หลงหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความเคารพ
” ท่านเจ้าสำนัก ข้าขออนุญาติเข้าไปข้างในได้หรือไม่ ”
“เข้ามา!! ” เสียงของชายราแต่ฟังดูแล้วแฝงไว้ด้วยความน่าเคารพกล่าวขึ้นไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เปิดประตูเข้าไปในทันที…
ภาพเบื้องหน้าที่ไป๋หลงเห็นคือ มีผู้อาวุโสทั้ง12คนดูมีภูมิฐานดี ยืนอยู่ อยู่ฝั่งขวาและซ้ายอย่างละหกคน ทำให้ไป๋หลงแปลกใจเล็กน้อย…
” เอาล่ะ มีเรื่องอันใด..ปกติข้าจะไม่พูดกับพวกที่ไม่มีความสามารถและหยิ่งทรนงในศักศรีแล้วเจ้าละเป็นประเภทใดกัน1หรือ2 ” เจ้าสำนักกล่าวออกมาแฝงไว้ด้วยนัยบางอย่างมีหรือไป๋หลงจะมองไม่ออก..
” เรียนท่านเจ้าสำนัก พูดมาตรงๆเลยดีกว่าว่าท่านต้องการจะทดสอบข้าใช้หรือไม่!! ” ไป๋หลงก่าวออกมา เจ้าสำนัก แปลกใจเล็กน้อยที่ไป๋หลงกล่าวเช่นนี้ออกมาซึ่งแน่นอนย่อมสร้างความขุ่นเคืองให้กับเหล่าผู้อาวุโส…
” บังอาจ!! พูดจาเช่นนี้ต่อท่านเจ้าสำนักได้เช่นไร ”
” ใช่แล้ว จะไม่อวดดีเกินไปหน่อยหรือ ”
ผู้อาวุโสต่างพากันกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ..ไป๋หลงเพียงยืนนิ่งอยู่เท่านั้นไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดเหล่านั้นแม้แต่น้อย..
” ฮ่าๆๆ!! เจ้าน่าสนใจดีเจ้าหนู..เจ้าพูดถูกข้าต้องการจะทดสอบเจ้า…จะทำเช่นไรก็ได้ให้ข้ายอมรับฝีมือของเจ้า ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวพร้อมกับยิ้มออกมาแต่เป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยภัยพิบัติเป็นแน่แท้…
” งั้นข้าขออนุญาติล่วงเกิน!! ”
ไป๋หลงงกล่าวจบ บรรยากาศในห้องเริ่มแปรเปลี่ยนไปในทันทีราวกับกับว่าบรรยากาศรอบๆกำลังรวมตัวกัน….ก่อนที่ไป๋หลงจะปลดปล่อยแรงกดดันและจิตสังหารอันเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง ไป๋หลงเพียงปริยิ้มก่อน จะชูมือขึ้น อากาศภายในห้องแห่งนี้ก็หนักอึ้งขึ้นในทันที…ผู้อาวุโสทั้ง12สั่นสะท้าน!! ในทันทีก่อนจะ..เร่งพลังออกมาเพื่อป้องกันแรงกดดันนี้แต่เหมือนจะสายไปแล้วมีแต่เจ้าสำนักคนเดียวที่พอต้านทานแรงกดดันนี้ได้…
” พลังแบบนี้มัน!! ” เจ้าสำนักกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึง
หลังจากนั้นไป๋หลงก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว…
” จงคุกเข่า!! บัญญัติแห่งราชันย์!! “