เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่60 เกินไป?
” จงคุกเข่า!! บัญญัติแห่งราชันย์!! ”
ตึง!!
ผู้อาวุโสทั้ง 12 ที่มีระดับพลังไม่ต่ำกว่า ราชันย์นักรบ!! ต้องคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมๆกัน สร้างความตกตะลึง!!ให้แก่เจ้าสำหนักหมื่นกระบี่เป็นอย่างมาก…ผู้อาวุโสทั้ง12นั้นต่างพยามใช้พลังทั้งหมดออกมาแต่ ก็มิสามารถลุกขึ้นยืนขึ้นได้ ยิ่งขัดขืนเหมือนกับแรงกดดันจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าด้วยซ้ำ!!
” บัดซบ!! นี้มันวิชาอะไรกันแน่..เหตุใดถึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ” เสียงของหนึ่งในผู้อาวุโสที่คุกเข่าลง กล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง
” เจ้าเด็กนี้เป็นใครกันแน่….”
ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มทันที…
” ความสามารถแค่นี้…พอที่จะผ่านการทดสอบของท่านหรือไม่ท่านเจ้าสำนัก ” ไป๋หลงกล่าวพลางชำเลืองมองไปยังผู้อาวุโสทั้ง12ที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้าตน..
” เยี่ยม!! พอได้แล้วเจ้าผ่านการทดสอบ!! เจ้าผ่าน ” เจ้าสำนักพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชมและแปลกใจมิใช่น้อย
ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็สลายแรงกดดันทั้งหมดออกทันทีก่อนจะเอามือขวาที่ยกขึ้นข้างไว้ มาไว้ข้างลำตัวอีกครั้งนึง… ผู้อาวุโสทั้ง12คนนั้นต่างลุกขึ้นมาและจดจ้องไป๋หลงด้วยสายตาที่ยำเกรง มากขึ้น…
” เจ้ามีนามว่าอะไรอย่างงั้นรึแล้ว มาที่นี้ด้วยเหตุอันใดกัน ” เจ้าสำนัก เริ่มกล่าวเข้าประเด็นในทันที
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มกล่าวขึ้น..
” ท่านเจ้าสำนัก ดูท่าท่านจะจำข้าไม่ได้จริงๆสินะ!! ข้า ก็คือไป๋หลง คนที่เคยเข้ารับการทดสอบเป็นศิษย์ของที่นี้ แม้แต่ท่านก็ยังจำไม่ได้เหรอ..ท่านผู้อาวุโสท่านคือคนที่คุมสอบข้าตอนที่ข้า ทดสอบระดับพลัง ” ไป๋หลงกล่าวเชิงน้อยเนื้อต่ำใจและติดตลก..
แต่ผู้อาวุโสและเจ้าสำนักที่ได้ยินเช่นนั้นต่างใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที…
” ไม่มีทาง!!… ข้าจำได้ว่า เด็กที่ชื่อไป๋หลงนั้น เด็กกว่านี้หลายเท่านัก อีกทั้งฝีมือไม่มีทางเลยที่จะเทียบกันได้เลย ” ผู้อาวุโสที่เป็นคนทำการทดสอบที่ศิลาวัดพลังกล่าวออกมา…
” ผู้อาวุโสกง..ที่พูดมาเป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่? ” เจ้าสำนักกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย..
” เป็นเช่นนั้นเจ้าสำนัก…ส่วนเจ้าอย่ามาโกหก!! ไป๋หลงนั้นเดินทางไปยังที่ราชวังขององค์จักรพรรดิ์ ถังหน่านเหิง เมื่อ 3เดือนที่แล้วไม่มีทางเลยที่เจ้าจะเป็นคน คนเดียวกับไป๋หลงคนนั้น ”
ผู้อาวุโสกงกล่าวออกมาพลางเร่งพลังไว้จนถึงขีดสุดเผื่อเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน….
” ผู้อาวุโสกง..ใจเย็นลงก่อน.. เอาละในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าชื่อ ไป๋หลง งั้นจงพิสูจน์ว่าเจ้าคือ คนคนเดียวกับเด็กที่ชื่อไป๋หลงเมื่อ3 เดือนก่อน!! ”
เจ้าสำนักกล่าวออกมาพลางสังเกตุพฤติกรรมของไป๋หลงว่ามีพิรุธอันใดหรือไม่..แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆทั้งจังหวะการเต้นของหัวใจยังคงที่ไม่ได้ร้อนรนแม้แต่น้อย…
” ย่อมได้ในเมื่อท่านต้องการแบบนั้น.. ” ไป๋หลงกล่าวออกมาก่อนจะพูดคุยกับหลิงหลุนภายในจิต..
” หลิงหลุนข้าต้องการให้ท่านช่วยออกมาหน่อยได้หรือไม่!!…เรื่องทั้งหมดจะได้ง่ายขึ้น ”
” ได้ขอรับนายท่าน..ข้าจะทำให้พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงต้องหมอบกราบแทบเท้าท่านโทษฐานที่กล้าสงสัยในตัวท่าน!! ” หลิงหลุนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อยที่กล้ามีคนสงสัยในตัวนายของตน
” เดี๋ยวไม่ใช่แบบนั้น!!….. ” ไป๋หลงกล่าวไม่ทันจบหลิงหลุนก็ออกมาจากดวงจิตของไป๋หลงและคืนร่างเดิมที่เป็นพยัคฆ์สวรรค์ในทันที..
แสงสว่างสาดส่องไปทั่วห้องแห่งนี้ บรรยากาศภายนอกเริ่มแปรปรวน และมีเมฆหมอกสีดำก็ตัวเหนือ สำนักหมื่นกระบี่ พร้อมกับเสียงของสายฟ้าที่ดังออกมาเป็นระยะๆ
เปรียง!!
เหล่าศิษย์มากมายต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..ทั้งๆที่เมื่อกี่แดดยังร้อนจ้าอยู่เลยแถมยังไร้ซึ่งหมู่เมฆ แต่ที่น่าแปลกคือ เมฆเหล่านี้รวมตัวกันเหนือ สำนักแห่งนี้เท่านั้น ส่วนรอบนอกนั้น ไม่มีแม้แต่หมู่เมฆด้วยซ้ำไป
” เกิดบ้าอะไรขึ้น!! ความรู้สึกที่น่าหวาดหวั่น และน่าสยดสหยองนี้คืออะไรกัน รู้สึกอึดอัด พลังทั่วร่างกำลังปั่นป่วน นี้มันเกิดอะไรขึ้น!! ” เสียงของศิษย์ในสำนักกล่าวขึ้นด้วยความวิตกกังวล
” ใช่ๆข้าก็รู้สึกได้เช่นกัน.. ”
” ข้ากลัวความรู้สึกแบบนี้ข้าไม่ชอบเลย..ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย ”
เหล่าศิษย์มากมายต่างพากันวิตกกังวลว่ามันเกิดเหตุอันใดขึ้นผู้อาวุโสและเหล่าอาจารย์กว่า300 ชีวิต ต่างสัมผัสได้ เป็นความรู้สึกที่บอกว่า ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วยอย่างเด็ดขาด!!
ภายในห้องของเจ้าสำนักตอนนี้เป็นภาพที่ใครเห็นแล้วจะต้องไม่เชื่อสายตาตัวเองอย่างแน่นอน… ผู้อาวุโสทั้ง12ตอนนี้นั้นต่างหมอบราบลงกับพื้นพร้อมกับสำรอกโลหิตออกมาไม่เว้นแม้แต่เจ้าสำนักที่สำรอกโลหิตกองโตออกมา พลังภายในปั่นป่วนไปหมดไม่สามารถรวบรวมพลังได้แม้แต่น้อย…
ถ้าเทียบกับแรงกดดันของไป๋หลงเมื่อกี้แล้วต่างกันอย่างกับฟ้าและเหวลึก…พลังของไป๋หลงเมื่อครู่นั้นคือการโจมตีทางจิตใจโดยตรงโดยไม่เกี่ยงเรื่องระดับพลัง ผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอ แม้ระดับพลังอยู่ขั้น จักรพรรดิ์ ก็สามารถโดน บัญญัติแห่งราชันย์!! สั่งให้คุกเข่าได้เช่นกัน…
กลับกันถึงแม้ระดับพลังอ่อนด้วยแต่มีจิตใจดุจหินผาก็ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายคุกเข่าได้ เป็นวิชาที่เน้นโจมตีที่จิตใจโดยตรง…จนทำให็อีกฝ่ายสยบแทบเท้าเรา
แต่พลังของหลิงหลุนที่เป็น1ในสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถใช้กฏเกิณฑ์ มาใช้ในการคิดได้ หลิงหลุนเพียงออกมาก็สามารถสร้างแรงกดดันที่มหาศาลได้ด้วยรูปลักษณ์แววดาสีแดงฉานราวกับมัจจุราช ขนาดตัวที่ใหญ่มหึมา สายฟ้าสีน้ำเงินเข้มแล่นอยู่รอบตัวพร้อม ปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาและแรงกดดันเพียง1ใน10 ออกมา ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหมดและเจ้าสำนักหมอบราบลงกับพื้น….
” เป็นแค่มนุษย์ชั้นต่ำ!! ริอาจมาสงสัยในตัวนายท่านของข้า พวกเจ้ามันก็แค่มดปลวกเท่านั้น!! จำใส่สมองอันน้อยนิดของพวกเจ้าไว้สะ!! ”
หลิงหลุนกล่าวออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดและใช้น้ำเสียงที่ดุดัน..ด้วยขนาดที่ใหญ่มหึมา ทำให้ยิ่งเพิ่มความน่าเกรงขามเข้าไป…
” ดะ ได้โปรดอภัย!!ให้พวกเราด้วยท่านเทพพยัคฆ์ พวกข้ามีตาหามีแววไม่ ” ผู้อาวุโสกง กล่าวออกมาด้วย ความไร้ซึ้งเรี่ยวเเรงและพละกำลัง เหมือนกับเป็นชายชราแก่ๆที่ใกล้จะถึงฝั่งเต็มทน…
” ขะ..ข้าเจ้าสำนักหมื่นกระบี่ มีนามว่า หวังหย่ง!! ขออภัยในเรื่องที่เกิดขึ้นโปรดระงับโทสะของท่านลงเถิด ”
หลิงหลุนได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นผ่านจิตกับไป๋หลงด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันทีราวกับหวังอะไรบางอย่าง…
” นายท่านข้าทำได้ดีหรือไม่!! ข้าทำให้พวกที่สงสัยในตัวนายท่านได้รับโทษแล้ว ดีหรือไม่!! ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นถึงกับกุมขมับในทันทีก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงแห้งๆ…
” เอ่อ..เจ้าทำดีมากแต่มันเกินไปนิดนึงนะ ข้าว่าเจ้าควร เบาๆลงกว่านี้อีกสักหน่อยก็ดี ”
หลิงหลินได้ยินเช่นก็ตาลุกวาวในทันที ก่อนจะกระดิกหางไปมาราวกับดีใจคำชมที่ออกมาจากปากของไป๋หลง…
” เอาละ…เจ้ากลับเข้ามาได้แล้ว ไว้ข้าจะเรียกเจ้าออกมาใหม่เมื่อยามจำเป็น ”
“ขอรับ นายท่าน..ท่านเรียกข้าได้เสมอ ข้าพร้อมที่จะรับใช้ท่านเสมอ ” หลิงหลุนกล่าวจบ ก็กลายเป็นแสงแล้วกลับเข้ามาในตัวไป๋หลงในทันที…
แรงกดดันทั้งหมดพลันสลายหายไปในทันทีทุกอย่างล้วนกลับเป็นปกติ จนศิษย์ภายนอกเกิดความสงสัยกันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น..
ไป๋หลงมองภาพเบื้องหน้าที่ผู้อาวุโสทั้ง12และเจ้าสำนักพยามลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากพลางเช็ดเลือดที่มุมปากและปรับพลังให้คงที่…
ไป๋หลงยิ้มเจือนๆออกมาเกาหัวพลางกล่าวออกมา…
” ข้าต้องขออภัยด้วย…เมื่อกี้อาจจะเกินไปสักนิดนึงตามจริงข้าเพียงจะให้ออกมายืนยันว่าข้าคือไป๋หลงคนเดียวกันกับเมื่อตอนนั้นแค่นั้นเอง… ”
ผู้อาวุโสทั้ง12นั้นต่างสถบกันในใจออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย…
” นึดหน่อยบ้านเจ้านะสิ!! “