เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่62 อับอาย 2
ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าล้วนสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าศิษย์ทั้งสองสำนักจำนวนมาก ศิษย์ที่โดนจับเหวี่ยงไปนั้นถือว่าแข็งแกร่งพอสมควรแต่กลับ..โดนเหวี่ยงด้วยกำลังกายเพียงอย่างเดียว…ซ้ำยังคำพูดที่กล่าวออกมาจากปากยังแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเป็นการตบหน้าอีกฝ่ายอย่างจัง..สร้างความเดือดดาลให้กับเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสที่มาจากสำนักวารีพิสุทธิ์อย่างมาก..
” จะเหิมเกริม!! ไปหน่อยแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่ ” 1ในผู้อาวุโสที่มาจากสำนักวารีพิสุทธิ์กล่าวขึ้นพลางสำรวจไป๋หลง..
” ท่านนี้สงสัยสายตาท่านจะไม่ดีเหมือนสมองของท่านนะก็เห็นอยู่ว่าข้าใส่ชุดของสำนักหมื่นกระบี่ท่านก็ยังจะถามอีกว่าข้าเป็นใคร…เฮ้ออ!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยียวนกวนประสาท
” บังอาจนัก!! กล้ามากมาดูถูกผู้อาวุโสแห่งสำนักวารีพิสุทธิ์ เตรียมตัวตาย ” ศิษย์เลือดร้อนคนหนึ่งของสำนักวารีพิสุทธิ์กล่าวออกมาก่อนจะพุ่งเข้าหาไป๋หลงในทันที..ก่อนจะเรียกใช้กระบวนท่าออกมา
“กรงเล็บ ทมิฬ!! ”
เมื่อเห็นว่าไป๋หลงไม่ขยับเขยื้อนตัวมันก็แสยะยิ้มขึ้นมาแต่ไม่กี่อึดใจต่อมาใบหน้าของศิษย์คนนั้นก็ขาวซีดในทันที..
” นี้หรือ กรงเล็บทมิฬ ข้าเห็นเพียงแค่เล็บของสุนัข!! เท่านั้น..อ่อนหัดเสียจริง ” ไป๋หลงกล่าวขณะที่จับมือของอีกฝ่ายไว้ พลางยิ้มเย็นๆออกมา
” ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!…ดูจากชุดที่เจ้าสวมอยู่คงจะเป็นศิษย์สายนอกสินะ รู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเจ้าทำร้ายข้…. ”
ตึง!!
ศิษย์เลือดร้อนที่ยังกล่าวไม่ทันจบก็โดนแรงมหาศาลกดทับลงบนหัวจนแนบกับพื้น..ไม่สิจมหายไปกับพื้นเสียมากกว่า
” เจ้าพูดอะไรนะข้าได้ยินไม่ถนัด ” ไป๋หลงในตอนนี้อารมณ์กำลังแปรปรวนอย่างมากถึงแม้ภายนอกจะสงบเยือกเย็นอยู่ก็ตามสาเหตุก็มาจากศิษย์หญิงที่ดูจะเด็กกว่าตนทั้งๆที่พึ่งจะให้คำแนะนำไปแท้ๆกลับกำลังร้องไห้อยู่สร้างความเดือดดาลให้กับไป๋หลงเป็นอย่างมาก…
” ถ้าเจ้ายังไม่หยุดข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้าเอง..ให้รู้จักเจียมตัวเสียบ้างเป็นเพียงศิษย์สายนอกแท้ๆกลับเหิมเกริมยิ่งนัก… ” ผู้อาวุโสก่อนหน้านี้ที่พูดกับไป๋หลงด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้มขึ้นมาทันที..
” ใช่แล้วข้าเป็นศิษย์สายนอก…ศิษย์สายนอกที่ล้มศิษย์ของท่านโดยไม่ถึง10ลมหายใจยังไงเล่า ”
” สามหาว!! ตายซะ!! ” ผู้อาวุโสคนนั้นระเบิดพลัง ระดับราชันนักรบขั้นที่5!! ออกมาเตรียมจะพุ่งเข้าหมายจะสังหารไป๋หลงเสียยังไงก็เป็นเพียงศิษย์สายนอกคงจะมาจากตระกูลเล็กๆ ทำให้ไม่เป็นปัญหาต่อการสังหาร แต่ผู้อาวุโสคนนั้นกลับคิดผิดมหันต์…และแล้วสุ่มเสียงนึงก็ดังขึ้น ด้วยระดับชนชั้น จักรพรรดิ์
” ท่านกำลังคิดจะทำอะไรกันผู้อาวุโส9แห่งสำนักวารีพิสุทธิ์ ไหนท่านบอกเองว่าเราประลองกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนวิชาแต่ที่ข้าเห็น ท่านพยามจะสังหารศิษย์สำนักของข้า!! เห็นทีเราคงมีเรื่องต้องคุยกันเสียแล้ว ”
เสียงนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเจ้าสำนักหย่งที่ทะยานตัวออกมาพร้อมกับผู้อาวุโสทั้ง12คน…ผู้อาวุโสแห่งสำนักวารีพิสุทธิ์ที่มีทั้งหมดไม่ถึง12คนราวๆ 10คน ต่างหน้าซีดเผือกในทันทีไม่คิดว่าเจ้าสำนักจะออกมาเคลื่อนไหวเองเช่นนี้…
เมื่อเหล่าศิษย์เห็นเจ้าสำนักมาเองทำให้ทั้งหมดถอนหายใจออกมาก่อนจะทำความเคารพเจ้าสำนัก..
” คาราวะท่านเจ้าสำนัก!! และผู้อาวุโส ”
” อืม..พวกเจ้าคงจะเหนื่อยมากสินะ กลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว ” เจ้าสำนักพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะมองไปยังกลุ่มผู้อาวุโสสำนักวารีพิสุทธิ์ด้วยแววตาแข็งกระด้าง ทันใดนั้นก็มีหนึ่งในศิษย์ที่เคยประมือกับไป๋หลงเมื่อก่อนหน้านี้กล่าวขึ้นด้วยความสงสัยทันที..
“เอ่อ…คือท่านเจ้าสำนักท่านผู้นั้นไม่สิ คนผู้นั้นคือใครกันทำไมเขาถึงสวมใส่เครื่องแบบของศิษย์สายนอกเหมือนพวกเราทั้งๆที่ฝีมือของเขาอาจจะเหนือกว่าศิษย์หลักบางคนเสียด้วยซ้ำ!! ”
” ใช่แล้วท่านเจ้าสำนักเขาเป็นใครกัน ”
” โปรดบอกพวกเราด้วยท่านเจ้าสำนัก ”
เหล่าศิษย์มากมายต่างอย่างรู้ความจริงเกี่ยวกับไป๋หลง เจ้าสำนักหันไปหาไป๋หลงด้วยสีหน้าลำบากเจ้า เเต่เมื่อเห็นไป๋หลงพยักหน้ากลับมาเจ้าสำนึกจึงถอนหายใจออกมา….
” เฮ้ออ..ตามจริงแล้วเขาเคยเป็นเท่านั้นแต่ตอนนี้เขาได้จบการศึกษาจากสถาบันแห่งนี้เรียบร้อยแล้วโดยมีผู้อาวุโสทั้ง12และข้าร่วมเป็นพยาน!! ”
เหล่าศิษย์ที่ได้ยินต่างเบิกตากว้างมองไป๋หลงด้วยแววตาที่นับถือและเคารพในทันที…เหล่าศิษย์มากมายได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มมีกำลังใจขึ้นมาในการพัฒนาตัวเองขึ้นมา
” พวกเราทั้งหมดขอคาราวะศิษย์พี่ที่สั่งสอนเรา..พวกเราจะหมั่นฝึกฝนและเอาท่านเป็นแบบอย่างในอนาคตข้า จิวซือ ขอติดตามท่าน ” หนึ่งในเหล่าศิษย์จำนวนมากกล่าวขึ้นจนในที่สุด ก็ มีเสียงตามมาเป็นระยะ..
” ข้าด้วย ”
” ข้าก็เช่นกัน ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มแห้งๆออกมา..
” ไม่ทราบว่าศิษย์พี่มีนามว่าอันใดหรือ.. ” จิวซือกล่าวขึ้นด้วยความเคารพ…
” ข้าชื่อไป๋หลง!! ” จิวซือได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนกับได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก
” เอาละๆพวกเจ้าไปพักผ่อนกันได้แล้วเดี๋ยวที่เหลือข้าจะจัดการด้วยตัวข้าเอง!! ”
เหล่าศิษย์ต่างได้ยินเช่นนั้นก็รีบไปจากตรงนี้ในทันทีส่วนศิษย์หญิงที่โดนไป๋หลงช่วยไว้ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน..
” ขอบคุณศิษย์พี่ไป๋หลง ”
เมื่อศิษย์ทั้งหมดแยกย้ายกันกลับไปแล้วเจ้าสำนักก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมทันที…
” เอาละอธิบายเรื่องทั้งหมดมาซะถ้าไม่อยากให้ข้าต้องเปิดศึกกับเจ้าสำนักของเจ้า ”
ผู้อาวุโสสำนักวารีพิสุทธิ์ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยความไม่เกรงกลัว..
” ทำไมข้าต้องตอบคำถามท่านด้วยเล่า..ถ้าข้าไม่ตอบท่านจะทำอะไรข้าได้..พวกเราทั้งหมดกลับกันไปแบกเพื่อนของเจ้ามาซะน่าขายหน้าเสียจริงเอาละ..วันนี้พอแค่นี้ ”
ผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์ต่างหันหลังและกำลังจะจากไปไม่สนใจคำถามของเจ้าสำนักหย่งด้วยซ้ำสร้างความเดือดดาลให้กับผู้อาวุโสทั้ง12เป็นอย่างมาก…แต่ทันใดนั้นเองก็มีสุ่มเสียงนึงดังขึ้น..
” ข้าว่า..ข้าควรจะสอนมารยาทในการพูดคุยกับผู้อาวุโสกว่าสักนิดดีหรือไม่…จงคุกเข่าเดี๋ยวนี้!! ”
ผู้อาวุโสทั้งหมดและเหล่าศิษย์นับสิบต่างคุกเข่าลงพื้นในทันที..
” บัดซบ!! นี้มันวิชาอะไรกัน บ้าไปแล้วข้าเนี้ยนะต้องคุกเข่าเช่นนี้.. ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความเดือดดาลแม้แต่ผู้อาวุโสยังทำอะไรไม่ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่อ่อนแอเป็นอย่างมากแล้วมีหรือเหล่าศิษย์จะสามารถต้านทานได้….
” หึๆ!! สมน้ำหน้าเป็นยังไงเล่าเจอวิชาแปลกๆนั้นไป ” ผู้อาวุโสกง กล่าวขึ้นก่อนจะโดนผู้อาวุโสอีกคนกล่าวเหน็บแนม..
” ท่านก็เคยโดนวิชาแปลกๆนี้เล่นงานนิผู้อาวุโสกง ฮ่าๆๆ!! ” ผู้อาวุโสกงได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที..
” เงียบปากไปเถอะเจ้าก็ไม่ต่างกับข้าหรอก..รอดูเรื่องสนุกๆดีกว่า ”
เจ้าสำนักหย่งเดินไปหยุดต่อหน้าหนึ่งในผู้อาวุโสก่อนจะกล่าวถามขึ้น..
” เอาละ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า…จะพูดอะไรก็นึกถึงศิษย์ของเจ้าด้วยละเพราะข้าไม่ได้เป็นตาแก่ใจดีต่อคนที่ตั้งใจจะทำร้ายสำนักข้าหรอกนะ ”
ผู้อาวุโสคนนั้นได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าขาวซีดทันที..ก่อนจะยอมบอกมาหมดเปลือกก่อนที่เจ้าสำนักหย่งจะต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจ..
อะไรนะ!!