เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่64 สัญลักษณ์แห่งเทพมาร 2
” จะ..เจ้าเป็นใครกันแน่!! แล้วมีสิ่งนั้นได้อย่างไร ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ดึงสติกลับมาทันที ก่อนแววตาจะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวพร้อมกับจ้องมองเจ้าสำวารีพิสุทธิ์ โดยที่ไป๋หลงไม่รู้ตัวเลยว่ากลางหน้าผากของตัวเองตอนนี้มีสัญลักษณ์บางอย่างปรากฏขึ้น…
” มันจะไม่มากเกินไปหน่อยรึ!!…ท่านกล้ามากที่กล้ามายุ่งกับความทรงจำของข้า ”
ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา…เจ้าสำนักวารีพิสุทธิ์ได้ยินเช่นนั้นถึงกับสั่นสะท้านในทันทีก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋หลงสร้างความตกตะลึงให้กับเจ้าสำนักหมื่นกระบี่และผู้อาวุโสทั้ง12เป็นอย่างมาก…
” เจ้าเด็กนั้นทำอะไรกันแน่ท่านเจ้าสำนัก…เจ้าสำนักวารีพิสุมธิ์นั้นอยู่ระดับชนชั้น จักรพรรดิ์ขั้นที่ 8 !! ไม่น่าจะคุกเข่าลงง่ายได้ถึงเพียงนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวถามขึ้นมาด้วยท่าทีตกตะลึง
เจ้าสำนักหย่งได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าถอดสีในทันที..
” ข้าก็บอกไม่ได้เช่นกันแต่ข้าสัมผัสได้ว่าไป๋หลงนั้น มีพลังด้านมืดที่แข็งแกร่งซุกซ้อนเอาไว้!! ”
ผู้อาวุโสทั้งหมดที่ได้ยินต่างใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที…
” ท่านว่าอะไรนะ!!…พลังด้านมืดนั้นถือว่าเป็นปรปักษ์กับโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นขุมอำนาจอันดับ10ของยุทธภพถ้าเกิดว่าทางโบสถ์รู้เรื่องนี้คงไม่อยู่เฉยเป็นแน่ ”
เจ้าสำนักหย่งเริ่มปรับสีหน้าและกล่าวอธิบายแก่ผู้อาวุโสทั้ง12
” ก็จริงอย่างที่พวกท่านว่าแต่…อย่าลืมว่าไป๋หลงนั้นกำลังจะสอบเข้าศึกษาต่อที่สถาบันเทพมารซึ่งถือเป็นขุมกำลังอันดับ5!! ถ้าเข้าเป็นศิษย์ที่นั้นได้ก็ไม่มีทางที่ทางโบสถ์จะตามตอแยได้ ”
ผู้อาวุโสทั้ง12ได้ยินเช่นนั้นก็ต่างถอนหายใจออกมา..
” นี้มันไม่ใช่อัจฉริยะแล้ว..เรียกว่าสัตว์ประหลาดยังจะดูเข้ามากกว่า ”
เจ้าสำนักวารีพิสุทธิ์หมอบตัวสั่นลงกับพื้นไม่เหลือท่าทีหยิ่งยโสอีกต่อไป..ไป๋หลงที่เห็นก็ตกตะลึงไม่แพ้กันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่พร้อมกับอารมณ์ที่รู้สึกโกรธแค้นก็หายไปพร้อมกับสัญลักษณ์ตรงกลางหน้าผาก…
” ได้โปรดข้าไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วท่านจะเป็น….” เจ้าสำนักวารีพิสุทธิ์กล่าวไม่ทันจบก็มีเสียงที่แฝงไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งดังขึ้น…
” หยุด!!…กลับสำนักกันได้แล้ว ”
ไม่นานหลังจากนั้นเหล่าศิษย์ ผู้อาวุโสและเจ้าสำนักวารีพิสุทธิ์ก็กลายเป็นลำแสงพุ่งขึ้นท้องฟ้าแล้วก็หายไปในที่สุด…
” คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่!!…รู้สึกได้ถึงความอันตรายและความตาย!! จากน้ำเสียงนั้น ”
ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล..
” นายท่านเสียงลึกลับเมื่อครู่คงจะเป็นของ 1ในขุนพลมารทั้ง72 เป็นแน่!! ” หลิงหลุน กล่าวกับไป๋หลงผ่านทางจิตสำนึก…ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความสงสัยขึ้นทันที..
” หลิงหลุน..งั้นก็แสดงว่าขุนพลมารมีทั้งหมด72ตนใช่หรือไม่ ” หลิงหลุนได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวตอบออกมาทันที..
” ขอรับ ขุนพลมารมีหน้าที่ในปกป้องเทพมารและดูแลความสงบภายในโลกมารขอรับนายท่านแล้วก็ระดับพลังของพวกนั้นก็ราวๆ เทพนักรบ!! ขอรับ ต่ำสุดก็ ระดับจักรพรรดิ์ที่แท้จริง…แต่ยังไงข้าก็ชนะอยู่ดีขอรับนายท่าน เพียงแต่ข้าผายลมพวกมันก็ไม่คนามือข้าหรอกขอรับ ฮ่าๆๆๆ!! ”
ไป๋หลงถึงกับกุมขมับ..
“เอ่อ..หลิงหลุนแล้วข้อมูลอื่นละมีอีกหรือไม่.. ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมา เมื่อหลิงหลุนได้ยินเช่นนั้นก็แสดงความกระตือรือร้นออกมา..
” ขอรับนายท่านตอนข้าอยู่บนสวรรค์เป็นผู้พิทักษ์แห่งประตูยมโลกเมื่อเวลาว่างข้าก็มักจะเข้าหอสมุดแห่งปัญญาบ่อยๆ..แถมยังมีพี่สาวนางฟ้าแสนสวยคอยต้อนรับข้าอย่างดีอีกด้วยแล้วก็… ” หลิงหลุนกล่าวไม่ทันจบไป๋หลงก็กล่าวตัดบทพูดในทันที..
” หลิงหลุนเข้าเรื่อง ”
” นายท่านก็ต่อจากนนี้ นี้แหละคือจุดสำคัญของเรื่องท่านจะกล่าวตัดบทข้าทำไมกันนายท่าน..” หลิงหลุนกล่าวเชิงอธิบาย
ไป๋หลงถึงกับนั่งทรุดลงกับพื้นในพร้อมกับถอนหายใจออกมา..
” ไป๋หลงเจ้าเป็นอะไรอยู่ๆก็นั่งลงกับพื้นเจ้าเป็นอะไรหรือไม่? ” เจ้าสำนักกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มแห้งๆออกมา
” เปล่าขอรับข้าแค่เหนื่อยเท่านั้นถ้าเช่นนั้นไม่มีเรื่องอะไรข้าขอตัวก่อน ” ไป๋หลงกล่าวพร้อมกับผสานมือแล้วก้มหน้าลงให้กับเจ้าสำนักและผู้อาวุโสก่อนจะใช้วิชาตัวเบาแล้วหายไปในทันที..
” เอาละหลิงหลุนว่ามา ” ไป๋หลงกล่าวต่อจากเมื่อกี้…
” ขอรับ..ข้าเข้าหอสมุดแห่งปัญญาข้าก็ได้ไปพบกับบันทึกและข้อมูลของเผ่ามาร ซึ่งนอกจากจะมีขุนพลมารทั้ง72ตนแล้วยังมีอีกตัวตนหนึ่งซึ่งแข็งแกร่งไม่แพ้ขุนพลมารนั้นก็คือ….. ”
จบ