เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่65 สัญลักษณ์แห่งเทพมาร 3 จบ
ณ.สำนักวารีพิสุทธิ์…..
” เจ้าเป็นอะไรไป ชวี่เอ๋อ!! เหตุใดเจ้าถึงตัวสั่นถึงเพียงนั้นถ้าข้าไปไม่ทันเจ้าคงเสียท่ามันไปแล้ว เจ้าอย่าลืมว่าสำนักวารีพิสุทธิ์เป็นเพียงฉากหน้าในยุทธภพเท่านั้น ถ้าเรื่องที่เจ้าหมอบราบต่อเด็กนั้น คงจะกลายเป็นเรื่องตลกแน่ว่าหรือไม่ ”
เสียงลึกลับที่กล่าวออกมาก่อนจะร่อนลงกับพื้นพร้อมกับสีดำทมิฬที่น่าเกรงขามเส้นผมสีดำสลวยดวงตาสีม่วง พร้อมกับร่างกายที่มีแต่กล้ามเนื้อถึงเเม้จะใส่เสื้อปกปิดไว้ก็ตามแต่ก็สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัด….
” ท่านจะไปรู้อะไร..รู้ไหมเจ้าเด็กนั้น..ไม่สิท่านผู้นั้นถือครอง.. ” ชวี่เอ๋อปลายตามองไปยังศิษย์และผู้อาวุโสของเผ่ามารก่อนจะกล่าวขึ้น..
” พวกเจ้าทั้งหมดออกไปก่อนข้ามีเรื่องสำคัญจะต้องคุย ”
เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสต่างกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพียง…
” รับบัญชา!! ”
หลังจากเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสออกไปหมดชวี่เอ๋อ ก็กล่าวต่อทันทีสร้างความแปลกใจให้กับขุนพลมารเป็นอย่างมาก…
” เอาละเรื่องที่ข้าจะบอกท่านก็คือ ข้าเจอสัญลักษณ์แห่งเทพมารแล้ว!! ”
ขุนพลมารได้ยินเช่นนั้นก็สั่นสะท้านพร้อมกับเบิกตากว้างในทันที…
” อะไรนะ!!…มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อกลิ่นอายที่ข้าสัมผัสได้จากเด็กนั้นคือเด็กเผ่าเทพที่น่ารังเกียจไม่มีทาง!! ที่จะถือครองสัญลักษณ์แห่งเทพมารที่เป็นสัญลักษณ์แห่งผู้ปกครองเผ่ามารโดยแท้จริง ”
” คราแรกข้าก็คิดเช่นท่านแต่สิ่งที่ข้าเจอไม่อาจจะปฏิเสธได้สัญลักษณ์เป็นแบบเดียวกับเทพมารอัลบาร์!! ถือว่าเป็นเทพมารที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกมารที่เคยมีมา…อีกอย่างในบันทึกของเผ่ามารมีอยู่ครั้งนึงที่ ท่านเทพมารอัลบาร์นั้น ได้ใช้สัญลักษณ์แห่งเทพมารออกมาเพื่อต่อกร กับ เผ่าเทพเมื่อนานมาแล้ว…ซึ่งรูปลักษณ์ของมันคือมีรูปลักษณ์ เป็นสัญลักษณ์ปีกสีดำทมิฬคู่นึง และว่ากันว่าจะส่งทอดผ่านบุตรหรือผู้ที่มีสายเลือด ของเทพมารอัลบาร์เท่านั้น.. ” ชวี่เอ๋อ กล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่นเครืออยู่เล็กน้อย..
เมื่อขุนพลมารได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดทันที…
” มันจะเป็นไปได้ยังถ้าเป็นอย่างที่เจ้าพูด…เจ้าลืมไปแล้วหรือเทพมารอัลบาร์โดนผนึกบนสวรรค์เมื่อหนึ่งหมื่นปี!! ที่แล้วแล้วเจ้าจะให้ข้าเชื่อได้ยังไง..เจ้าจะบอกว่าเด็กนั้นอายุหนึ่งหมื่นปีอย่างงั้นรึ…ให้ตายข้าก็ไม่เชื่อเด็ดขาด!! ”
ชวี่เอ๋อได้ยินเช่นนั้นก็พึ่งนึกขึ้นได้ก่อนขะขบคิดอะไรบางอย่างสุดท้ายก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงความมั่นใจอยู่หลายส่วน…
” แล้วถ้าเป็นการโดนทางข้ามมิติเวลา!! ”
” ไร้สาระ…ข้าจะไปจับเด็กนั้นมาถามเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเพียงข้าใช้นิ้วเดียวก็สามารถสยบเจ้าเด็กเผ่าเทพนั้นได้แล้ว…ถ้ามันไม่ยอมบอกก็แค่สังหารทิ้งแค่นั้น ”
ขุนพลมารกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งในพลังเป็อย่างมาก..
” อย่าได้ทำเช่นนั้น ข้าสัมผัสได้ว่ามีเผ่าเทพอยู่อีก1ตนคอยสังเกตุการณ์อยู่ถ้าให้ข้าเดาคงจะมาคุ้มกันเด็กเผ่าเทพนั้นเป็นแน่!!..นั้นก็แสดงว่าเด็กนั้นต้องไม่ใช่เทพปลายแถว เจ้าอยากจะให้เกิดสงครามกับเผ่าเทพเร็วๆหรืออย่างไร…รู้หรือไม่ตอนนี้เผ่ามารกำลังสั่นครอนไม่มั่นคง อีกอย่างทางสถาบันเทพมารและโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จับตามองเรามากขึ้น เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรให้มันโจ่งแจ้งเกินไป ”
ชวี่เอ่อกล่าวเตือนขุนพลมารตนนั้น…
” ก็ได้ๆ…ยังไงเรื่องละเอียดอ่อนเจ้าก็ถนัดกว่าข้าอยู่แล้ว อีกไม่กี่ปีเจ้าก็ต้องรับตำแหน่งขุนพลมารต่อจากข้าแล้ว เร่งฝึกตัวเองซะ!! ” ขุนพลมารกล่าวบอกแก่ชวี่เอ๋อ…
” เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลข้ารับตำแหน่งต่อจากท่านแน่ถ้าเผ่ามารยังไม่ล่มสลายไปซะก่อน ”
ชวี่เอ๋อกล่าวเชิงประชดออกมาทำให้ขุนพลมารหน้าเขี้ยวคล้ำในทันที…
” แล้วเจ้าจะให้ข้าทำยังไงต่อชวี่เอ๋อ.. ”
” ท่านเป็นถึงขุนพลมารเรื่องแค่นี้กลับคิดไม่ได้…ข้าจะบอกให้ ข้าฝากท่านจับตามองเด็กเผ่าเทพนั้นด้วยข้ารู้สึกตะหงิดๆบางอย่าง ” ชวี่เอ๋อกล่าวบอก
” ได้..งั้นข้าขอกลับโลกมารก่อน ”
” เชิญ ”
” นี้เจ้าจะไม่เคารพข้าหน่อยรึ ข้าอาวุโสกว่าเจ้าหลายร้อยปีนะ ” ขุนพลมารกล่าวออกมาพลางกล่าวโทษชวี่เอ๋อ….
” จำเป็นด้วยหรือ? ” ชวี่เอ๋อกล่าวตอบอย่างไร้เยื้อใย
” นี้เจ้า… ” ขุนพลมารหน้าเขียวคล้ำก่อนจะเดินออกไป..
ชวี่เอ๋อนั่งขบคิดบางอย่างอยู่จนในทีสุดก็ตาลุกวาวขึ้น…
ทางด้านอู้เฉียง…
” ในที่สุดก็ถึงสักที…อีกอย่างเจ้านะหยุดเกาะแขนข้าได้แล้ว..คนเขามองกันใหญ่แล้ว ก่อนอื่นไปร้านขายเสื้อผ้าก่อน ข้าจะซื้อเสื้อผ้าให้เจ้าก่อน เสื้อที่เจ้าใส่มันหลวมเกินไป.. ”
อู้เฉียงกล่าวบอกแก่เฟยเฟยที่กำลังเกาะแขนตนนั้นแน่นอย่างกับปลิงทะเลด้วยรูปลักษณ์ของเฟยเฟยทำให้เตะตาบุรุษมากมายจนอาจจะทำให้เกิดเรื่องได้…
” ไม่เอาเฟยเฟยจะเกาะแขนเจ้าอยู่อย่างงี้จนกว่าเจ้าจะสอนเรื่องที่เจ้าบอก ”
อู้เฉียงถึงกับขุมขมับแล้วยิ้มแห้งๆออกมา…
” เดี๋ยวข้าจะสอนก็ได้ เอาละเข้าเมืองกันเถอะ ”
อู้เฉียงเดินเข้ามาพร้อมกับเฟยเฟยทำให้เป็นที่เตะตาเป็นอย่างมากด้วยรูปลักษณ์ของอู้เฉียงในยามนี้เรียกได้ว่าหล่อเหลาในระดับนึงแต่…เฟยเฟยนั้นจะต้องหาบุรุษเพศเสียมากกว่า…
อู้เฉียงเพียงมุ่งหน้าไปร้านเสื้อเท่านั้นหาได้สนใจสายตาและคำพูดจากผู้คนรอบๆจนในที่สุดก็มีสุ่มเสียงนึงดังขึ้นภายในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเอาแต่ใจและหยาบกระด้าง…
” เจ้านะหยุดเดี๋ยวนี้!! ”
อู้เฉียงไม่ได้หันไปมองเสียด้วยซ้ำเพียงทำหูทวนลมจนในที่สุดมีชายร่างใหญ่2คนมายืนจับไหล่อู้เฉียงไว้…
” ไม่ได้ยินหรืออย่าไงนายน้อยของพวกข้าให้เจ้าหยุด ”
อู้เฉียงเพียงปลายตามองที่หัวไหล่ที่โดนจับไว้ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงใสๆราวกับไม่รู้สึกรู้ร้อนใดๆทั้งสิ้น…
” นี้พี่ชายทั้งสองคน..ช่วยเอามือออกไปได้ไหม?…ถ้ายังไม่เอาออกระวังจะเจ็บตัวโดยไม่รู้ตัวนะพี่ชาย “