เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่72 แร่ศักดิ์สิทธิ์ 1
หลังจากไป๋หลงและอู้เฉียงก้าวข้ามอุโมงค์ที่เชื่อมต่อระหว่างทางเดินเข้ามาเวลาผ่านไปอย่างลวดเร็วในที่สุดไป๋หลงและอู้เฉียงก็ออกมาจากปากอุโมงค์…ก็เจอเข้ากับแร่บางอย่างที่เป็นสีทองเรืองๆ ซึ่งมิใช่ทองคำเป็นแน่แท้จน เสียงๆนึงดังขึ้นเข้ามาภายในห้วงจิตสำนึกของไป๋หลง…
” เป็นไปไม่ได้!!…เหตุใดแร่ศักดิ์ศิทธิ์ถึงมาอยู่ที่นี้ มันไม่สมควรที่จะอยู่ในที่แบบนี้ด้วยซ้ำ… ” เสียงที่ว่าก็คือ ขงจือ อาจารย์ของไป๋หลง ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจทันที..
” นี้ท่าน…รู้จักแร่พวกนี้ด้วยหรือ? แล้วอะไรคือแร่ศักดิ์สิทธิ์กันท่านอาจารย์ อีกอย่างท่านมักจะกล่าวกับข้าเฉพาะเรื่องที่ร้ายแรงเท่านั้น แสดงว่าเรื่องนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาถูกหรือไม่!! ” ไป๋หลงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัย..
เมื่อขงจือได้ยินเช่นนั้นก็ตะโกนออกมาในทันที…
” เจ้าศิษย์โง่…นี้มันแร่ชั้นยอดที่สามารถใช้สร้างอาวุธที่มีระดับใกล้เคียงกับศาสตร์ตราวิญญาณ!! ได้เลย ลองถ้าแร่พวกนี้ออกไปสู่โลกภายนอกได้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่แน่.. ”
ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตาลุกวาวในทันทีจนอู้เฉียงที่มองดูอยู่ถึงกับขนลุกกับววตาแบบนั้นราวกับจะมีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน..
” เอ่อ..ท่านอาจารย์แร่พวกนี้ถ้าขายได้จะได้ราคาประมาณเท่าไหร่…ข้าแค่ถามเฉยๆนะไม่ได้คิดจะขายจริงๆหรอก ” ไป๋หลงกล่าวเสริมในตอนท้ายด้วยใบหน้าที่ยิ้มระรื่น
ขงจือเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที…
” เจ้าโง่!! อยากให้เกิดสงครามระหว่างทวีปหรืออย่างไร…แร่พวกนี้ไม่สามารถประเมินค่าได้ด้วยซ้ำ อีกอย่างความพิเศษของมันคือ…ผู้ที่มีธาตุแสงมาตั้งแต่เกิดจะสามารถดูดซับพลังในแร่พวกนี้ได้ แต่ เป็นไปได้อยากมากเพราะ เด็กที่เกิดมาพร้อมกับธาตุแสงนั้น หายากราวกับพลิกแผ่นดิน… ” ขงจือกล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมเล็กน้อย
ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อ้าปากค้างแข็งพร้อมกับแววตาที่สั่นไปมาราวกับเจอเนื้อคู่ที่หายจากกันไป…
” ทะ..ท่านอาจารย์ ระ..แร่พวกนี้ถ้าใครมีธาตุแสงย่อมสามารถดูดซับได้หรือไม่ แล้วการทำเช่นนั้นต้องทำเช่นไรบ้าง ” ไป๋หลงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างถึงขีดสุด
ขงจือเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวอธิบายต่อทันที…แม้จะมีความสงสัยอยู่บ้างว่าเหตุใดไป๋หลงถึงถามออกมาเช่นนั้น สาเหตุที่ ขงจือนั้นไม่อาจทราบเรื่องที่เกิดขึ้นต่างๆเพราะ หลิงหลุนหรือก็คือพยัคฆ์ขาว1ในสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ ได้สร้างม่านพลังป้องกันไว้ไม่ให้ ขงจือ รับรู้ถึงเรื่องภายนอก….สาเหตุที่หลิงหลินทำแบบนั้นเพราะมีเหตุผลบางอย่างนั้นเอง…แต่ถึงกระนั้น ขงจือก็ได้ชื่อว่า เป็นยอดกระบี่อันดับหนึ่งในยุทธภพเมื่อนานมาแล้ว
ความแข็งแกร่งย่อมมิใช่สามัญ เพราะขงจือกำลังพยามฟื้นฟูพลังเรื่อยๆด้วยวิชาที่พิศดาร ในไม่ช้า หลิงหลินย่อมไม่สามารถ สร้างม่านป้องกันได้อีกต่อไป ถึงแม้จะเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ตามที…
” ง่ายนิดเดียวเพียงเจ้าเอามือไปแตะที่แร่ศักดิ์สิทธิ์!! พลังเหล่านั้นจะโดนดูดซับในทันทีถ้าคนผู้นั้นเป็นผู้ถือครองธาตุแสง แต่อย่างนึงที่ต้องระวังคือ…การดูดซับพลังมากเกินไปจะให้พลังภายในเกิดการปั่นป่วนจน ร่างกายของคนผู้นั้น ระเบิด!!ทันที…เท่าที่ข้ารู้ก็มีเพียงเท่านี้…แต่ถ้า ผู้ที่ไม่ได้ถือครองธาตุแสงก็เหมือนสหายของเจ้าที่ตอนนี้ จับแร่ศักดิ์สิทธิ์แต่มิได้เกิดอะไรขึ้น แต่ข้าว่าเจ้าหนูนั้นคงอยู่แบบนั้นได้ไม่นาน… ”
ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับไปมองอู้เฉียงในทันที…
” ระ..ร่างกายแทบจะระเบิดอยู่แล้วเกิดอะไรขึ้นกัน!! ” อูเฉียงกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก เลือดได้ไหลออกมาจาก ปาก หู ตา และผิวหนัง เห็นเส้นเลือดปูดบวม
เฟยเฟยได้นอนทอดร่างล้มลงพร้อมกับกลายเป็นแสงสว่างกลับเข้าไปในตราพันธะสัญญาซึ่งแน่นอนว่าพลังของเฟยเฟยนั้นได้หมดสิ้นลงแล้วต้องใช้เวลาอีกนับเดือน กว่า เฟยเฟยจะตื่นขึ้น…
อู้เฉียงเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเฟยเฟยพยามเพื่อตนมาตลอดไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว อู้เฉียงสถบให้กับความโง่และงี่เง่าของตัวเองแม้ร่างกายจะอยู่ในสภาพย่ำแย่แล้วก็ตาม..
” อู้เฉียง เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง อดทนไว้ข้าจะ… ” ไป๋หลงกล่าวไม่ทันจบก็มีเพลิงสีส้มอันอบอุ่บโอบร่างอู้เฉียงไว้ เลือดทั้งหมดจางหายไป เส้นเลือดที่เคยปูดบวมก็กลับมาเป็น ปกติ จนมีเสียงกระซิบดังขึ้นใกล้ๆหูของอู้เฉียง
” เฮ้อ…ให้ตายสิชั่งเป็นเจ้านายที่ไม่ได้เรื่องโดยแท้…ข้าจะช่วยเจ้าแค่ครั้งนี้เท่านั้น… ”
…………………………………………………………………..
ณ.ที่ประชุมตระกูลใหญ่ทั้ง11
ภายในห้องโถงมีผู้น้ำตระกูลทั้ง11และผู้อาวุโสของแต่ละตระกูลติดตามมาเพื่ออารักษ์ขาผู้นำตระกูล ที่ตระกูลใหญ่เกิดการประชุมกันในรอบเกือบ100ปีนี้เพราะ บริเวณหลุมขนาดใหญ่ได้มีการตรวจพบแร่บางอย่างที่มิอาจทราบได้ว่ามันคือแร่ชนิดใด…แต่มิใช่แร่สามัญอย่างแน่นอนในที่สุดก็มีคนผู้หนึ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้และกล่าวออกมาด้วยวาจาที่แข็งกร้าว….
” ไม่ว่ายังไงพื้นที่ตรงนั้นก็ต้องเป็นของตระกูลหลี่!! เพราะถ้าเรียงตามความแข็งแกร่งและทรัพยากรของฝ่ายตระกูลข้า ยังไงตระกูลหลี่ ที่เป็นอันดับ1 ย่อมมีสิทธิ์ในการครอบครองพื้นที่ตรงนั้น… ”
เหล่าหัวหน้าตระกูลต่างๆแม้ไม่พอใจแต่มิอาจปริปากพูดออกมาเพราะกองกำลังของตระกูลหลี่นั้นถือว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมากในขณะนั้นเอง ตระกูลชุนที่เป็นตระกูลอันดับ2 ก็ยกมือขึ้นทันที..
” ท่านหลี่หยาง..ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ตัดสินใจเร็วไปหน่อยหรือจริงอยู่ว่าตระกูลของท่านเป็นตระกูลอันดับ1แต่อย่าลืมว่าพวกเราทั้งหมด11ตระกูลนั้นต่างก็คานอำนาจให้สมดุลกันอยู่!! การที่ท่านจะทำเอาพื้นที่ส่วนนี้ไปเกรงว่า การคานอำนาจจะเกิดการสั่นคลอนได้…จริงหรือไม่พวกท่านทั้งหลาย ” เสียงกล่าวออกมานั้นต่างเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมนั้นก็คือ ชุนเปียวนั้น เอง คล้อยตาไปมองกับผู้นำตระกูลอื่นๆที่เหลือเพื่อเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง…
” ใช่แล้ว..จริงของท่านชุนเปียว การที่หลี่หยางทำแบบนี้ดูเหมือนจะไม่หยามหน้ากันไปหน่อยหรือ? ” เสียงที่ดังขึ้นก็คือ อี้หลง ผู้นำตระกูลอี้นั้นเอง ชายวัยกลางคนที่ใบหน้ายังไม่มีให้เห็นถึงความแก่ชราถึงแม้ว่าบัจจุบันจะอายุร่วม100ปีแล้วก็ตามแต่ยังดูเหมือนชายวัยกลางคนอย่างไม่ผิดเพี้ยนด้วยเคล็ดวิชาบางอย่าง….
” ข้าก็คิดเช่นนั้น..การคานอำนาจอาจเกิดการเสียสมดุลได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ขอให้ท่านคิดใหม่อีกครั้งด้วยเถิด ”
เสียงเหล่าผู้นำตระกูลที่เหลือต่างกล่าวและแสดงความคิดเห็นออกมาทำให้หลี่หยางใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที…เห็นได้ชัดว่าชุนเปียวคือผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้…
ตึง!!
ในขณะนั้นเองก็มีคนในหน่วยรักษาความปลอดภัยวิ่งมาด้วยใบหน้าที่แตกตื่น…จนทำให้เหล่าผู้นำตระกูลต่างเกิดความสงสัยไม่เว้นแต่หลี่หยาง..
” เจ้ามีอะไรรู้หรือไม่ว่าการที่เจ้าเข้ามาโดยมิได้รับอนุญาติเช่นนี้มีโทษหนักขนาดไหน.. ” หลี่หยางกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจเพราะด้วยการที่ชุนเปียวเป็นตัวปลุกปั่นผู้นำตระกูลอื่นๆทำให้ หลี่หยางนั้นดำเนินแผนการได้ยากขึ้นไปอีก
คนในหน่วยรักษาความปลอดภัยได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหวาดกลัว
” กะ…เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!! มีบางอย่างบินขึ้นมาด้วยความเร็วเป็นแสงสีขาวหายลับไปบนท้องฟ้า พอพวกเราลงไปตรวจสอบก็พบว่าแรงกดดันเหล่านั้นต่างหายไปหมดสิ้น รวมทั้งแร่ ที่คาดว่าน่าจะเป็นแร่พิเศษ ก็หายไปหมดสิ้นขอรับ.. ”
หลี่หยางเมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าบิดเบี้ยวแทบจะเรียกได้ว่าเส้นเลือดที่เห็นตามใบหน้าปูดบวมออกมาด้วยโทสะอย่างสุดขีด…ระเบิดพลังระดับจักรพรรดิ์ขั้นที่7!! ออกมาจนห้องประชุมเกิดการสั่นไหวด้วยคลื่นพลังอันรุนแรงจนผู้นำตระกูลต่างๆต้องเค้นพลังมาคุ้มกันตนเอง… หลี่หยางแผดเสียงออกมาด้วยโทสะอันถึงขีดสุด
” ใครมันบังอาจมาหักหน้าข้าแบบนี้..ข้าจะไม่ปล่อยมันไว้เด็ดขาด!! ”
จบ…..