เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่73 แร่ศักดิ์สิทธิ์ 2 จบ
หลังจากได้รับรายงานหัวหน้าตระกูลทั้ง11 ก็มุ่งหน้าไปที่หลุมขนาดใหญ่ที่เคยเป็นที่ตั้งของตระกูลชิน หลี่หยาง กระโดดลงมาในหลุมพร้อมกับหัวหน้าตระกูลที่เหลือ ชุนเปียวซึ่งก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ใดที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้….หลี่หยางมุ่งหน้าผ่านอุโมงค์มาก็เจอเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น สร้างความเดือดดาลให้กับหลี่หยางเป็นอย่างมากผู้ซึ่งเป็นตระกูลอันดับ1 แต่กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้
แม้กระทั่งวางเวรยามเอาไว้กว่าร้อยคนแต่มิอาจจับกุมผู้บุกรุกได้ยิ่งสร้างความอับอายเป็นอย่างมากเพราะเวรยามร้อยกว่าคนที่มีระดับราชันนักรบขั้น1!! เป็นอย่างต่ำยังมิอาจหยุดยั้งเรื่องท่เกิดขึ้นมาได้…หลี่หยางในตอนนี้เต็มไปด้วยความอับอายและโทสะอย่างถึงที่สุด…
” ไม่มี!!…หายไปหมดสิ้นแร่ทุกชิ้นโดนเอาออกไปทั้งหมดไม่เหลือแม้แต่น้อยมันผู้ใดกันที่กล้าทำเช่นนี้ ข้าจะฉีกร่างมันเป็นหมื่นๆชิ้น…พวกเจ้าทุกคนเร่งสืบหาข้อมูลซะว่า มีคนแปลกหน้าเข้ามาในบริเวณพื้นที่นี้หรือไม่…ถ้าไม่ได้ข้อมูลอย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก….ไสหัวไปซะ!! ”
หลี่หยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกึกก้องพร้อมกับใช้พลังชนชั้นระดับจักรพรรดิ์แฝงไว้ในคำพูดทุกประโยคเวรยามร้อยกว่าคนเมื่อได้ยินเช่นนั้นต่างขนลุกและกล่าวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นกลัว..
” ขอรับ นายท่าน.. ”
เวรยามร้อยกว่าคนต่างพากันแยกย้ายหาข้อมูลในทันที…เหลืือไว้แต่เพียงหัวหน้าตระกูลทั้ง11 ที่มีแต่ความเงียบเท่านั้นที่เข้ามาปกคลุม…จนในที่สุดก็มีเสียงๆนึงดังขึ้นทำลายความเงียบสงัดลงนั้นก็คือชุนเปียวนั้นเองผู้นำระกูลอันดับ 2 ในทวีปจรัสแสง!! รองจากตระกูลหลี่เพียงเรื่อง ทรัพยากรและโอสถ เท่านั้น….
” ไม่คิดเลยว่า..ท่านหลี่หยางจะทะลวงเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ์ขั้นที่7!! ได้แล้วข้าขอแสดงความยินดีด้วยแต่เวลานี้ในเมื่อยังหาตัวการไม่เจอ..ข้าว่าเราก็แยกย้ายกันก่อนเถอะ!!…อีกอย่างตามที่ข้าได้ยินตอนคนในหน่วยรักษาความปลอดภัยของท่านกล่าวขึ้นข้าก็เอะใจเล็กน้อย… ”
หลี่หยางเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดเข้าหากันในทันที…
” ท่านชุนเปียว…มีอะไรก็บอกมาอย่าปล่อยให้เวลาสูญเปล่าข้ายังต้องไปตามหาตัวการที่ทำเรื่องเช่นนี้มาลงโทษให้สาสม!! กับความผิดที่มันได้ก่อขึ้น.. ”
ชุนเปียวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมเล็กน้อย…
” พวกเราที่อยู่ที่นี้ทั้งหมดต่างอยู่ระดับชนชั้นจักรพรรดิ์ทั้งสิ้นถูกหรือไม่!! ”
” ก็ใช่..ถูกของท่านแล้วมันเกี่ยวข้องกันอย่างไรล่ะ..ท่านชุนเปียว ” เสียงที่กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยซึ่งก็คือ ตระกูลลำดับที่ 10 ตระกูลหลง หลงเซี่ยวไป๋ เป็นตระกูลที่มั่งคั่งด้านโอสถแต่ด้านทรัพยากรและกำลังคนนั้นน้อยกว่าตระกูลอื่นๆ ทำให้ต้องอยู่ลำดับที่10 มาช้านาน…
เหล่าผู้นำตระกูลต่างรู้สึกสงสัยในคำพูดของชุนเปียวทั้งสิ้น…ชุนเปียวนั้นเป็นที่รู้ในเมืองจรัสแสงว่า เป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดและมีปัญญาอย่างท่วมท้น จนได้รับการขนานนามว่า จอมปราชญ์!! ทำให้เหล่าผู้นำตระกูลต่างรอฟังคำพูดของชุนเปียวอย่างตั้งใจไม่เว้นแม้แต่หลี่หยาง…
หลี่หยางแม้เป็นเจ้าอารมณ์แต่มิได้โง่เขลา..หลายครั้งหลายคราปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลทำให้ตระกูลอื่นๆมิอยากสานสัมพันธ์ด้วย..ถ้ามีก็แค่พวกตระกูลที่หวังผลประโยชน์เท่านั้นหลี่หยางแม้ไม่ชอบหน้าชุนเปียวที่ขัดขวางแผนการตน…แต่มิได้เกรียจถึงขนาดจ้องเอาชีวิตเพราะการสูญเสียย่อมมิใช่สามัญและอาจทำให้พวกตระกูลที่หวังผลประโยชน์ ใช้เวลาช่วงนั้นฉวยโอกาศโค่นล้มตระกูลหลี่ก็เป็นได้…
ถึงกระนั้นหลี่อย่างก็ยอมรับในความสามารถของชุนเปียวในด้านนี้…
” พวกท่าน ลองคิดตามข้าดู…พวกเราต่างอยู่ชนชั้นระดับจักรพรรดิ์!!แต่มิอาจทนแรงกดดันนี้ได้เพียงแค่100อึดใจ!!ก็ต้องจำเป็นต้องล่าถอย ด้วยการใช้อาวุธอักขระชั้นสูงในการลงมาและกลับขึ้นไป…แต่เมื่อตอนที่หน่วยรักษาความปลอดภัยได้รายงานมา ว่า มีบางอย่างบินขึ้นมาด้วยความเร็วและหายไปบนท้องฟ้า…อย่างน้อยระดับพลังก็มิใช่สามัญ!! ” ชุนเปียวกล่าวพลางหันหน้ามองเหล่าผู้นำตระกูลก่อนจะกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม..
” ข้าว่าอาจจะมิใช่มนุษย์ก็เป็นได้!!…และระดับพลังย่อมมากว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี้ด้วยซ้ำ ระยะทางที่เราก้าวเข้ามา และอุโมงค์นี้อีก ต่อให้เป็นข้าหรือท่านหลี่หยาง..ก็มิอาจเข้ามาได้ถึงขนาดนี้ถ้ามีแรงกดดันประหลาดที่จะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาเรื่อยๆ…เพราะฉะนั้นข้าขอเตือนไว้ว่า ควรสืบหาข้อมูลให้ดีมิเช่นนั้น อาจหมายถึงการล่มสหลาย หากทำอะไรมิเข้าท่า…เรื่องทั้งหมดที่กล่าวมาขอให้พวกท่านคิดทบทวนด้วย โดยเฉพาะด่านหลี่หยาง..ข้าขอตัวก่อน ” ชุนเปียวกล่าวจบก็เดินจากไปในทันที
เหล่าผู้นำตระกูลที่เหลือต่างมองหน้ากันไปมาและตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันไปกลับตระกูลของตน…ส่วนหลี่หยางยืนอยู่และกำลังขบคิดบางอย่างก่อนจะกลับขึ้นมาบ่นปากหลุม
…………………………………………………………………
ตอนนี้ขงจือถ้ามีกายเนื้อคงจะอ้าปากค้างแข็งและตะลึงจนถึงสุดขีด…
ทะลวงเข้าขั้นราชันย์นักรบขั้น 1 !!
2
3
4
5
6
7
8
ราชันย์นักรบขั้นที่8!!
” ถึงขีดสุดแล้วสินะแบบนี้ต้องปรับพลังและความเสถียรให้มากกว่านี้…ไม่น่าเร่งดูดซับเร็วเกินไปเลย แต่ไม่เป็นไร ยังไงแร่พวกนี้ก็มีประโยชน์กับข้าในอนาคตแน่นอน…ระดับพลังสูงขึ้นแร่พวกนี้ก็จะส่งผลน้อยลงกว่าจะถึงระดับจักรพรรดิ์ละนะ…เอาละอู้เฉียงข้าคิดว่า ข้าจะสร้างเมืองที่อสูรและมนุษย์อยู่ด้วยกันได้เจ้าว่า ข้าควรเริ่มจากส่วนไหนดี.. ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงละลื่นหลังจากผ่านการดูดซับพลังมาและแร่พวกนี้ยังเหลืออีกเป็นตันๆ ภายในแหวนมิติ..
อู้เฉียงแม้จะตกตะลึงกับการเพิ่มระดับพลังที่ออกจะโกงและเอาเปรียบเช่นนี้แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือการจะสร้างเมืองนั้นถือว่าไม่ยากแต่การจะให้สัตว์อสูรและมนุษย์อยู่ร่วมกันแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้งยซ้ำ…
” ให้ตามเถอะเจ้ามันจะโกงเกินไปแล้วนะไอวิธีเพื่มพลังของเจ้านะ…ส่วนเรื่องเมืองข้าต้องรู้ก่อนว่าเหตุใดอยู่ๆเจ้าถึงคิดเช่นนั้น ” อู้เฉียงกล่าวถามด้วยความสงสัย และกำลังสมานบาดแผลภายในอย่างช้าๆผ่านเปลวเพลิงแห่งการรักษาของเฟิงห๋วง..
ขงจือเมื่อเห็นการดูดซับพลังจากแร่งศักดิ์ศิทธิ์ก็ตกตะลึงเป็นอย่างมากก่อนจะรวมพลังแล้วสร้างร่างจิต วิญญานและโผล่ออกมาต่อหน้าไป๋หลงนี้เป็นครั้งแรกที่ไป๋หลงได้เห็นร่างเต็มของอาจารย์ตน…
” ศิษย์รักของอาจารย์…เจ้าพอจะแบ่งแร่ศักดิ์สิทธิ์ให้ข้าได้บ้างหรือไม่?สักนิดก็ยังดี ” ขงจือกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม และคำพูดอันที่แสนจะแปลกประหลาดทำให้ไป๋หลง รู้สึกคลื่นไส้ในทันที…
” เหอะ!!… ไม่มีทางทีถึงช่วงอันตรายละไม่เคยช่วยข้าเลยพอทีนี้กลับทำมาพูดดีข้าไม่ให้..ชัดหรือไม่ข้า….ไม่…ให้ ”
ขงจืบใบหน้าเขียวคล้ำในทันที…กำหมัดแน่น ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็กล่าวเชิงยั่วประสาท
” เป็นแค่ร่างวิญญานจะทำอะไรข้าได้แน่จริงก็สั่งสอนข้าซะสิ..ท่าน..อา…จารย์ ”
ขงจือเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ฟาดมือลงบนศรีษะไป๋หลงในทันที…แต่มิใช่การฟาดมือธรรมดาแต่มันกลับแฝงไว้ด้วยพลังแปลกประหลาดบางอย่าง…คราแรกไป๋หลงมิได้คิดจะหลบแม้แต่น้อยแต่สัญตชาติญานการรับรู้ถึงอันตรายของไป๋หลงทำให้ไป๋หลงกระโดดออกมาได้ทันท่วงที…
ตึง!!
ที่ที่ไป๋หลงเคยอยู่เป็นหลุมรอยรูปฝ่ามือขนาดใหญ่ขึ้น..ขงจือเห็นเช่นนั้ก็กล่าวสวนกลับในทันที…
” โถ่วๆ…ศิษย์ข้าเจ้าจะหลบทำไมหละข้าแค่กะจะสั่งสอนเบาๆเท่านั้นเอง… ”
ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที…ก่อนจะสถบออกมา
” สั่งสอนบ้านท่านนะสิ!!..นี้ท่านกะเอาถึงตายเลยมิใช่รึไง.. ”
จบ….