เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่74 สร้างเมือง 1
ไป๋หลงกล่าวอธิบายเรื่องของขงจือให้กับอู้เฉียงฟังซึ่งนี้เป็นครั้งแรกที่อู้เฉียงเห็นการปรากฏตัวของขงจือ….หลังจากขงจือได้แร่ศักดิ์ที่ได้มาจากไป๋หลง(แย่งมา) ไป๋หลงถึงแม้จะสงสัยแต่มิได้กล่าวถามสิ่งใดออกมา..ก่อนจะมุ่งหน้ากลับตระกูลชุนพร้อมกับบุตรแห่งราชันมังกรเพลิงที่เกาะแขนไป๋หลงตลอดเวลา…ไป๋หลงแปลกใจเล็กน้อยที่เด็กคนนี้ไม่ห่างตนแม้แต่ก้าวเดียว แต่ไป๋หลงมิได้ใส่ใจมุ่งหน้ากลับตระกูลชุนทันทีเพื่อทำภาระหน้าที่บางอย่างที่ติดค้างมาช้านาน….
……………………………………..
ณ.ตระกูลชุน
” ท่านพ่อเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ..ที่แร่ทั้งหมดโดนขโมยไปจนหมดสิ้น ” เสียงที่กล่าวถามด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจซึ่งก็คือชุนไห่ผู้ซึ่งเป็นพี่ของชุนยี่นั้นเอง..
” อืม…พ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นฝีมือของผู้ใดแต่น่าจะไม่ใช้ฝีมือของมนุษย์เป็นแน่.. ” ชุนเปียวกล่าวอธิบายให้ชุนไห่ได้ฟัง..
” เหตุใดท่านพ่อจึงคิดเช่นนั้น.. ” ชุนไห่กล่าวถามด้วยความใคร่รู้ในทันทีตามประสาเด็กที่ขี้สงสัยเป็นปกติ…
” เรื่องมันซับซ้อนเอาเป็นว่าชั่งมันเถอะ..แล้วนี้น้องของเจ้าหายไปไหนซะละเหตุใดข้ากลับมาถึงยังไม่เห็นนางเลย… ” ชุนเปียวกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเอ็นดูพลางลูบหัวของชุนไห่ เมื่อชุ่นไห่ได้ยินเช่นนั้นก็คลี่ยิ้มออกมาในทันที..
” ตามข้ามาสิท่านพ่อ ” ชุนไห่กล่าวอย่างมีเลศนัยบางอย่างพลางยิ้มระรื่นชื่นบานตลอดเวลาจนชุนเปียวรู้สึกเกิดความใคร่รู้ขึ้นและเดินตามชุนไห่ไปในทันที…
ลานกว้างภายในตระกูลชุนที่ตอนนี้มีหนึ่งหญิงสาวและหนึ่งบุรุษที่ส่งสายตาให้กันก่อนจะเข้าฟาดฟันกันด้วยเพลงกระบี่ ซึ่งทั้งสองคนนี้จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ นั้นก็คือไป๋หลงและชุนยี่นั่นเอง ชุนยี่ฟาดฟันกระบี่เหมันต์เข้าใส่ไป๋หลงอย่างต่อเนื่อง…ไป๋หลงเพียงเอี้ยวตัวหลบและนำกระบี่เล่มนึงออกมาแหวนมิติก่อนที่กระบี่ทั้งสองจะเข้าปะทะกัน..
เคร้ง!!
” ศิษย์พี่ชุ่นยี่..ท่านต้องตั้งสมาธิให้แน่วแน่ในการฟาดฟันแต่ละครั้งท่านต้องคุมพลังและควบคุมมันจนก่อเกิดเป็นรูปร่างเช่นนี้.. ” ไป๋หลงกล่าวจบก็รวบรวมพลังห่อหุมไว้ที่ตัวกระบี่ จนเกิดเป็นออร่าสีเหลืองทองก่อตัวขึ้นก่อนจะแปรปรวนไปเป็นรูปกระบี่ขนาดใหญ่แต่มิได้ใหญ่เท่ากับเมื่อครั้งต่อสู้กับตระกูลชิน….
ชุนยี่ได้เห็นมหาวิชาที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งจนสามารถผ่าภูเขาทั้งลูกได้ก็ตาลุกวาวแฝงไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย…
” ศิษย์น้องไป๋หลง…ข้าควรเรียกเจ้าว่าเช่นนี้หรือไม่ ทั้งส่วนสูง และอายุของเจ้านำหน้าหน้าข้าไปแล้ว ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าเช่นไร.. ” ชุนยี่กล่าวถามด้วยน้ำที่หยอกล้อเล็กน้อย..
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นเพียงยิ้มอ่อนออกมาและสลายพลังที่สร้างกระบี่ขึ้นเพราะรอยยิ้มของไป๋หลงจนหัวใจของชุนยี่เต้นผิดจังหวะ…
” แล้วแต่ศิษย์พี่..จะเรียกเถิด ” ไป๋หลงบอกกล่าวแก่ชุนยี่
ชุนยี่เพียงพยักหน้าและยิ้มออกมา ก่อนที่ไป๋หลงจะสอนการควบคุมพลังอีกครั้งนึงโดยหารู้ไหมว่ามีแววตา4คู่และอีกนับ10กำลังจ้องมองพวกตนทั้งคู้อยู่…หนึ่งในนั้นก็คืออู้เฉียงและเด็กน้อยสีผมโลหิตเพลิงที่มองไป๋หลงด้วยแววตาไม่พอใจเล็กน้อย…อาจจะเป็นเพราะหึงหวงก็เป็นได้
อู้เฉียงพยามเรียกเฟิงหวงหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อยได้เพียงแค่นั่งข้างสนามประลองกับเด็กน้อยอีกหนึ่งคนที่มีพลังพอจะเขย่าทั้งทวีปได้เพียงแค่ต้องการเท่านั้น…
” เป็นไงละท่านพ่อ…น้องของข้ากำลังตั้งใจฝึกวิชาอย่างหนักหน่วงกับศิษย์น้องไป๋หลง ” ชุนไห่กล่าวไว้ด้วยแฝงเลศนัยบางอย่าง….
ชุนเปียวเดินเข้ามาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันไม่ธรรมดาที่แผ่ออกมาจากไป๋หลงอีกไหนจะผู้ติดตามที่แอบมองอยู่ระยะไกลเพื่อเฝ้ามองนายของตน..ด้วยสัมผัสอันเฉียบคมชนชั้นจักรพรรดิ์ย่อมสามารถสัมผัสพลังได้บางส่วนก่อนที่ชุนเปียวจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง!!
” บะ..บ้าน่า!!ทำไมเด็กคนนี้ถึงมีธาตุแสงที่บริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นไม่มีทางที่มนุษย์จะมีความบริสุทธิ์ถึงระดับนี้ได้!!…ไม่สิเดี๋ยวก่อนบางที… ”
ขณะชุนเปียววกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึงก่อนจะเหลืออันไปมองบางอย่างที่นั่งอยู่ใกล้กับลานประลองทำให้ชุนเปียวถึงกับเบิกตากว้างขึ้นอีกครั้ง…
” ระดับ ราชันย์นักรบ!! เด็กตัวแค่นี้เเต่ระดับพลังกับเทียบเท่ากับผู้อาวุโสหรือไม่ก็สูงกว่าด้วยซ้ำเด็กคนนั้นเป็นใครกัน.. ”
ชุนยี่เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อมาก็หยุดการฝึกซ้อมในทันที..
” ท่านพ่อ..ท่านกลับมาแล้ว..เรื่องที่ประชุมเป็นเช่นไรบ้าง ” ชุนยี่กล่าวถามด้วยความเป็นห่วงเพราะช่วงนี้เห็นบิดาของตนมีท่าทีเคร่งเครียดอยู่เป็นประจำ..
ชุนเปียวได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น…
” เรื่องมันจบแล้วลูกพ่อ…แร่ทั้งหมดโดนขโมยไปหมดสิ้น!! โดยไม่รุ้ว่าเป็นฝีมือใครด้วยซ้ำทำเอา ท่านหลี่หยาง หัวเสียไปไม่น้อย.. ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เกือบจะสะดุดล้มลงตรงนั้นในขณะเดินมาหาชุนเปียว…
” คาราวะท่านชุนเปียว…ส่วนทั้งสองคนนั้นคือ สหายของข้าเอง ” ไป๋หลงประสานมือกล่าวตอบด้วยความนอบน้อม.. อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ประสานมือ แล้วโค้งตัวเล็กน้อย..เว้นก็แต่เด็กสาวผมสีแดงโลหิต…
” ไม่ต้องเป็นพิธีมากหรอก..ข้าได้ยินมาแล้วว่าเจ้าได้รับผลกระทบจากวิชาบางอย่างทำให้เป็นเช่นนี้..แล้วเจ้าบอกได้ไหมว่าวิชาที่เจ้าทั้งสองคนฝึกคือวิชาอะไร? ” ชุนเปียวกล่าวถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กำลังมองปฏิกริยาของไป๋หลง..
ไป๋หลงมีหรือจะไม่รู้ก่อนจะกล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น..
” วิชาต้องห้าม!! ขอรับ ” ไป๋หลงที่กล่าวโกหกออกมาเช่นนี้เพราะไม่ต้องการให้ชุนเปียวทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น…
ชุนเปียวได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตากว้างก่อนจะกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว…
” ถือว่าพวกเจ้าใจกล้ามากที่เสี่ยงฝึกวิชาแบบนั้นซึ่งนี้ก็คือผลที่เจ้าได้รับงั้นสินะ.. ”
” ขอรับ ” ไป๋หลงกล่าวตอบในทันที
” แล้วเจ้ามาที่นี้มีเหตุอันใดเช่นั้นหรือ มีอะไรให้ข้าช่วยก็บอกได้ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง.. ” ชุนเปียวกล่าวถามออกมาตรงๆเพราะครั้งหนึ่งไป๋หลงเคยมอบกระบี่เหมันต์ให้กับบุตรีของตนถือว่า ติดหนี่ครั้งใหญ่แล้ว
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาตรงๆในทันทีเพราะเหลือเวลาไม่ถึง2เดือนไป๋หลงจะต้องไปสอบเข้าสถาบันเทพมาร…
” ข้าอยากจะสร้างเมืองที่มนุษย์และอสูรอยู่ร่วมกันได้ขอรับ ”
ชุนเปียวได้ยินเช่นนั้นก็แข็งค้างแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตกตะลึังอย่างถึงที่สุด…
” อะไรนะ!! “