เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่79 กระบวนท่าราชันย์
ไป๋หลงเดินทางกลับมายังเมืองจรัสแสงและกลับมาที่ตระกูลชุนอีกครั้งพร้อมกับฟาและเด็กสาวผมแดงโลหิตก่อนจะบอกเส้นทางในการเดินทางให้กับชุนเปียวแม้ชุนเปียวจะสงสัยอยู่บ้างว่าเหตุใดไป๋หลงถึงไปที่ไกลนับพันลี้!!ได้ในระยะเวลาอันสั้นแต่การจะไปถามในเรื่องส่วนนี้มันก็ไม่ควร…
” งั้นข้าขอตัวกลับป่าอสูรก่อน…เรื่องอุปกรณ์และแรงงานคนข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว ” ไป๋หลงกล่าวจบเตรียมจะเดินทางกลับก็มีเสียงของชุนเปียวดังขึ้นอีกครั้ง…
” เดี๋ยวก่อนนี้ก็ค่ำแล้วพวกเจ้าพักที่นี้ก่อนก็ได้เดี๋ยวข้าจะให้คนจัดหาที่พักให้..ถือซะว่าเป็นการขอบคุณที่เจ้าช่วยฝึกวิชาให้กับชุนยี่ ” ชุนเปียวกล่าวเชิญชวนไป๋หลง เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ตอบตกลงในทันที..
” ข้าขอรบกวนท่านแล้ว..แล้วนี้ชุนยี่กับชุนไห่อยู่ที่ไหนหรือท่านชุนเปียว.. ”
ชุนเปียวก็บอกกล่าวแก่ไป๋หลงในทันที…
” ทั้ง2คนกลับสำนักหมื่นกระบี่ไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้เอง..” ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หยิบบางอย่างออกมาจากแหวนมิติ 3 เม็ด เป็นโอสถชนิดหนึ่งซึงเป็นสีขาวใสและกลิ่นอายสีขาวที่แผ่ออกมาของมันคือ โอสถระดับราชันย์ชั้นสูง แม้ตระกูลชุนจะมีโอสถแบบนี้อยู่บ้างแต่ไม่มีโอสถสีขาวใสขนาดนี้มาก่อนสร้างความประหลาดใจให้แก่ชุนเปียวเป็นอย่างยิ่ง…
” นี้คือโอสถทะลวงสวรรค์!!ความบริสุธิ์9ส่วน ใช้ยกระดับพลังในขณะบ่มเพาะเมื่อใช้แล้วการทะลวงขั้นพลังจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นและไม่ติดขัด… ข้าขอฝากให้ ชุนยี่และชุนไห่ รวมถึงท่านด้วย ข้าสัมผัสได้ว่าชุนยี่และชุนไห่กำลังจะเลื่อนระดับพลังส่วนท่านที่อยู่ขั้นจักรพรรดิ์!!!ข้าแนะนำให้ท่านใช้ตอนที่ท่านจะเข้าระดับจักรพรรดิ์ที่แท้จริงจะทำให้ท่านเลื่อนขั้นพลังได้โดยง่าย.. ”
ไป๋หลงกล่าวอธิบายพลางแย้มยิ้ม ชุนเปียวถึงกับสั่นสะท้านในทันทีไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติของเม็ดยาและการที่ไป๋หลงล่วงรู้ระดับพลังของตนเองทั้งๆที่ตนคิดว่าปกปิดระดับพลังไว้มิดชิดแล้วนั้นเอง..
” จะ..เจ้ารู้ได้ยังไงกันว่าข้าอยู่ระดับขั้นจักรพรรดิ์!! แล้วโอสถทั้ง3เม็ดนี้เจ้า.. ” ชุนเปียวกล่าวขึ้นด้วยความสงสัยจนถึงขีดสุดไม่สามารถล่วงรู้ได้แม้แต่น้อยว่าไป๋หลงใช้วิธีการใดยังมิอาจทราบได้ฉายา จอมปราชญ์ ชั่งน่าขันยิ่งนัก…
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม..
” ผู้เยาว์ต้องขอประทานอภัย…ข้ามีวิชาบางอย่างทำให้สามารถเห็นระดับคลื่นพลังจากภายในได้ไม่ว่าจะพยามปกปิดขนาดไหนก็ตามแต่ก็ยังมิสามารถบอกระดับพลังในขั้นนั้นได้รู้แค่ว่า คนผู้นั้นมีระดับพลังอยู่ชนชั้นอะไรแค่นั้น อย่างท่านชุนเปียว อยู่ชนชั้นจักรพรรดิ์!! แต่ข้าก็ไม่สามารถวัดระดับขั้นพลังของท่านได้ ส่วนโอสถ ข้าไม่ได้เป็นคนทำขึ้นข้าแค่หยิบติดมือมาตอนเข้าไปในคลังสมบัติของท่านพ่อเท่านั้น… ”
ชุนเปียวได้ยินเช่นนั้นถอนหายใจอย่างหนักหน่วง…
” เฮ้อ..ได้เจอและรู้จักกับเจ้าเพียงไม่นานเหมือนจะทำข้าอายุสั้นไปหลายปีเลยทีเดียว ”
ไป๋หลงได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมาและยื่นโอสถโอสถทั้ง3เม็ดให้ชุนเปียว…
” ท่านรับเอาไว้ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนที่ท่านช่วยเหลือด้านอุปกรณ์และกำลังคนข้าตอบแทนแค่นี้ยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำไว้มีโอกาสข้าจะต้องทดแทนบุญคุณนี้อย่างแน่นอน.. ”
ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ชุนเปียวได้ยินเช่นนั้นก็รับมาโอสถมาจากไป๋หลงในทันทีพร้อมกับกล่าวขอบคุณไป๋หลง…
” เจ้าพาแขกของข้าทั้งหมดไปพักในห้องที่จัดเตรียมไว้ ” ชุนเปียวกล่าวสั่งกับข้ารับใช้ที่ยืนอยู่…
” ขอรับนายท่าน.. ”
ไป๋หลงกล่าวขอบคุณชุนเปียวอีกครั้งก่อนจะเดินตามข้ารับใช้คนนั้นไปหาที่พัก…เมื่อไป๋หลงมาถึงที่พักซึ่งเป็นห้องที่กว้างขวางพอสมควรก่อนจะกล่าวบอกกับคนรับใช้คนนั้น…
” พวกข้าพักรวมกันแค่ห้องเดียวก็พอแล้ว..ขอบใจเจ้ามาก ”
” แต่ว่า… ”
ข้ารับใช้คนนั้นกำลังจะกล่าวต่อแต่โดนไป๋หลงกล่าวห้ามไว้..
” ไม่เป็นไร..เจ้าไปได้แล้วข้าเหนื่อยข้าขอตัวก่อนนะ… ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงอย่างผิดสังเกตุเมื่อข้ารับใช้ผู้นั้นได้ยินก็ไม่ได้กล่าวแย้งอะไรอีก…ฟาปิดประตูในทันทีก่อนจะเข้ามาประคองไป๋หลง..
ไป๋หลงอยู่ๆก็กระอักเลือดออกมาคำโตในทันทีเป็นเลือดสีดำที่เห็นแล้วน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก..
” อึกก!!…บัดซบข้าประมาทวิชานี้เกินไปไม่คิดเลยว่าวิชานี้จะย้อนคือแก่ผู้ใช้หากไม่กล้าแกร่งพอ..ร้อยมังกรถล่มปฐพีเป็นวิชาดาบสองคมชัดๆ.. ” ไป๋หลงสถบออกมาก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งบนเตียงเด็กสาวผมโลหิตเห็นเช่นนั้นก็น้ำตาคลอในทันที…
” ปะ.ป๋าเจ็บมั้ย ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เอามือมาลูบหัวด้วยความอ่อนโยนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม..
” ไม่เจ็บเลย..แค่นี้สบายมากอีกอย่างต่อไปนี้เจ้าชื่อว่า เว่ยเว่ย แปลว่าเด็กสาวผู้มีผมแดงเพลิง ”
เว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นก็กอดไป๋หลงเอาหน้าถูไปถูมาบนชายเสื้อของไป๋หลงฟาเพียงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้นก่อนจะอมยิ้มเล็กน้อยออกมา….
” หึ!!..ข้าก็บอกแล้วว่าอย่าพึ่งฝึกให้เจ้าเข้าใจหลักการณ์ก่อน เทพวิชา ไม่ใช่วิชาเด็กเล่นพลาดก็หมายถึงชีวิตของเจ้าเอง…แต่ข้าก็อดแปลกใจไม่ได้ ข้าเรียกมังกรเพลิง ออกมาเป็นร้อยตัวแต่เจ้ากับเรียกออกมาได้หนึ่งตัวแถมไอตัวที่เจ้าเรียกออกมายังพุ่งใส่เจ้าอีกข้าละ ฮ่าๆๆๆๆ!! ” เสียงเยาะเย้ยนี้ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนแต่เป็นเสียงของขงจือนั้นเองดังขึ้นภายในจิตใจ ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เพียงเงียบเท่านั้นมิได้กล่าวตอบโต้อะไรไป…
” เจ้าต้องต่อสู้กับมันและทำให้มันยอมรับให้ได้ข้าบอกได้เท่านี้แหละ ” ขงจือกล่าวออกมาก่อนจะเงียบหายไป
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มวิเคราะห์บางอย่างก่อนจะกินโอสถหวนคืน!! เพื่อฟื้นนฟูบาดแผลภายในและเข้าสู่ห้วงสมาธิจนถึงเช้าบาดแผลภายในฟื้นฟูเกือบเต็มที่แล้ว..ฟาหรือก็คือเอลฟ์สาวเฝ้าไป่หลงทั้งคืนส่วน เว่ยเว่ย นั้นก็ตามติดไป๋หลงตลอดเวลา…
ไป๋หลงกล่าวลาชุนเปียวและมุ่งหน้ากลับป่าอสูรในทันที..
ณ..ตระกูลหลี่
” สั่งให้คนของเราจับตาดูเด็กนี้ซะ!!…เป็นไงบ้างได้ข้อมูลอะไรมาบ้างหรือไม่ที่ข้าให้ไปสืบมา.. ” เสียงที่เคร่งขรึมดังขึ้นนั้นก็คือหลี่หยางผู้เป็นบิดาหลี่อานนั้นเอง..
” เรียนท่านผู้นำ ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนี้ได้เข้าไปในวังหลวงขององค์จักรพรรดิ์ถังหน่านเหิงแห่งทวีปจรัสแสงขอรับ!! ”
หลี่หยางได้ยินเช่นนั้นเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงก่อนจะล้มเลิกความคิดการจับตายในทันทีเพราะอาจจะมีปัญหาใหญ่ที่เกินกว่าตระกูลหลี่ก็เป็นได้…
” เจ้าเด็กนี้เป็นใครกันแน่..มีความสัมพันธ์แบบไหนกับองค์จักรพรรดิ์กัน ” หลี่หยางกล่าวขึ้นด้วยความไม่สบอารมณ์…
ขณะนั้นเองก็มีรายงานใหม่เข้ามาทันที..
” ทะ..ท่านผู้นำเด็กนั่นเดินทางเข้าไปในป่าอสูรขอรับ!! ”
” !!!!! ”
……………………………………………………………………………………..
ณ.ป่าอสูร
ไป๋หลงสัมผัสได้ว่ามีคนสะกดรอยตามมาตลอดทางแต่เมื่อตนเข้ามาในป่าอสูรพวกนั้นก็หยุดติดตามมาในทันที….
” คนจากจระกูลหลี่? ปล่อยไปก่อนแล้วกันตอนนี้มีอย่างอื่นที่สำคัญกว่า.. ” ไป๋หลงใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้าเข้าใจกลางป่าอสูรพร้อมกับเอลฟ์สาวและเว่ยเว่ย
ไป๋หลงเข้ามาก็เจอกับเต้าจี้ซึ่งเต้าจี้เมื่อเจอกับไป๋หลงก็จดจำได้ในทันทีก่อนจะปล่อยให้ไป๋หลงผ่านเข้าไป…
ไป๋หลงเดินเข้ามาภายในที่พักของไป๋หยางก็เจอกับอู้เฉียง จี้กง ลิ่วหลงกุน มู่จิน มู่หลาน และไป๋หยางนั่งอยู่รอบโต๊ะกลมพร้อมกับใบหน้าที่จริงจังและเคร่งเครียจเป็นอย่างมาก..อยู่ๆลิ่วหลงกุนก็กล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ..
” อาหารของมนุษย์ชั่งน่ากลัวยิ่งนัก…”
” ท่านลิ่วหลงกุนอาหารของมนุษย์เหตุใดถึงน่ากลัวถึงเพียงนี้ ” จี้กงกล่าวเสริม
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีเพราะอาหารที่อู้หยาแม่ของอู้เฉียงเป็นคนปลุงขึ้นสามารถสังหารยอดฝีมือชนชั้นจักรพรรดิ์ได้เลยทีเดียว…
” เอิ่ม…พวกท่านข้ากลับมาแล้ว ” ไป๋หลงเอ่ยขึ้นก่อนที่ทุกสายตาจะมองมาที่ไป๋หลง
” นายท่าน..ท่านกลับมาแล้ว ” จี้กงกล่าวด้วยความยินดี
ส่วนที่เหลือก็รู้สึกดีใจที่ไป๋หลงกลับมาเว้นก็แต่เพียงไป่หยางที่กำลังหน้าอมทุกข์อยู่…
” ท่านพ่อ..ข้ากลับมาแล้ว ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นและโผเข้ากอดไป๋หยาง..
ไป๋หยางเห็นเช่นนั้นก็เหมือนมีลูกเกาทัณฑ์ปักเข้ากลางอกเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย..
” นี้เจ้า….ดีแล้วที่เจ้ากลับมาลูกข้า ” ไป๋หยางกอดไป๋หลงตอบในทันที ไป๋หยางสามารถรับรู้ได้ถึงแววตาที่ไป๋หลงมองมานั้นคือสายตาของคนที่โหยหาผู้เป็นพ่อ ไป๋หยางรู้ได้ในทันทีว่าไป๋หลงนั้นรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว แต่ไป่หลงก็ยังนับถือตนเป็นบิดามิเคยเปลี่ยนเเปลง
” ไม่ว่ายังไงท่านก็คือพ่อของข้า..ไป๋หลงผู้นี้ ”
ลิ่วหลงกุนรู้สึกประหลาดใจและสงสัยอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะเดินมาหาไป๋หลงแล้วมอบบางอย่างให้…
” นายน้อย..ข้ามีบางอย่างจะมอบให้ท่าน ” ลิ่วหลงกุนหยิบบางอย่างออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นไปให้กับไป๋หลง..
ไป๋หลงสงสัยเล็กน้อยก่อนจะรับมาทันใดนั้นตัวอักษรบนหนังสือเก่าๆเล็มนี้ก็ส่องประกายแสงสีทองขึ้น…
” กระบวนท่าราชันย์!!! ”
จบ..