เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่8 กระบี่ตัดสวรรค์
หลังจากที่มู่จินกล่าวเริ่มการประลองชายร่างท้วม ก็นำอาวุธออกมาจากแหวนมิติ สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนจำนวนมากมันคือ อาวุธระดับ4ดาว(พาราดิน) หลายคนต่างมองว่าชายร่างท้วมเป็คขี้ขลาดที่ใช้อาวุธระดับนี้ มันคือ ขวานทะลายศิลา อาวุธระดับ4ดาว!! ที่หาได้ค่อนข้างยาก แต่หาได้ทำให้ชายร่างท้วมสะทกสะท้านไม่ มันเพียง แสยะยิ้มแล้ว แล้วมองไปยังหน้าไป๋หลงที่ไม่ได้แสดงสีหน้ากังวลมาแต่น้อยทำให้มันขมวดคิ้วเล็กน้อย..
“เจ้าว่าข้าไม่ได้น่ะ เจ้าไม่ได้บอกให้ข้าห้ามใช้อาวุธนิ ฮ่าๆๆ ” ชายร่างท้วม เอ่ยพลางหัวเราะด้วยความชอบใจแต่สายตาต่างๆพามองมันว่าน่ารังเกียจยิ่งนักพวกตระกูลชิน
“ก็จริงของเจ้าข้าไม่ได้ตั้งกฏ งั้นข้าก็จะใช้อาวุธด้วยเช่นกันเพราะข้าก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองไม่สามารถนำอาวุธขึ้นมาได้ ” ไป๋หลวกล่าวจบก็นำกระบี่เล่มนึงที่มีไอความเย็นออกมามันคือกระบี่ เหมันต์ อาวุธระดับ6ดาว (ราชันย์) เมื่อทุกคนที่ได้อาวุธเล่ม ทุกคนแถวระแวกนั้นตกตะลึง โดยเฉพาะชุนยี่ ที่ได้เห็นกระบี่เล่มนั้น ชุนยี่ หันไปมองหน้า ชุนไห่ ทันที..
” ทะ…ท่านพี่กระบี่เล่มนั้นมัน!! ” ชุนยี่ผู้เป็นน้องพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึง
“ไม่ผิดแน่มันคือ กระบี่เหมันต์ อาวุธระดับ6ดาว (ราชันย์) ไม่ผิดแน่ โดยเฉพาะไอเย็นที่แผ่ออกมา ขนาดพวกเราอยู่ตรงนี้ยังสามารถสัมผัสไอเย็นได้!!” ชุนไห่ผู้เป็นพี่กล่าวด้วยน้ำเสียงตกตะลึงเล็กน้อยไม้แพ้กัน
“กระบี่เล่มนั้น มัน เหมาะกับธาตุของเจ้าอย่างมากชุนยี่ เพราะธาตุในตัวของเจ้ามีธาตุน้ำแข็งอยู่”
ชุนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเพราะน้องของมันนั้นไม่สามารถหาอาวุธคู่กายได้เลยเพราะทนพลังธาตุของนางไม่ได้
“ท่านพี่ไม่มีทางที่ข้าจะครอบครองได้หรอกกระบี่เล่มนั้นเป็นอาวุธระดับ6ดาว แถมยังเป็นของคนผู้นั้น อีกอย่างข้าไม่ชอบแย่งของคนอื่นด้วย แต่ถึงคิดจะแย่งข้าว่าพวกเรานี้แหละที่จะเป็นฝ่ายที่เสียใจ” ชุนยี่พูดด้วยน้ำเสียงโมโห ชุนไห่เล็กน้อย
” นี้ชุนยี่ข้าเป็นพี่เจ้าน่ะข้าไม่ได้มีนิสัยลักขโมยของคนอื่นสักหน่อย ข้าแค่อยอยากจะซื้อมันเท่านั้น ถึงแม้จะใช้ทรัพย์กรเกือบทั้งหมดของตระกูลชุน ข้าก็จะนำกระบี่เล่มนั้นมาให้เจ้าเองหลังจากจบการประลองนี้ ข้าจะขอซื้อหรือไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ” ชุนไห่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพราะมันนั้นอยากให้น้องสาวได้ดีกว่าตนเอง
“ไม่น่ะท่- ” ชุนยี่พูดไม่ทันจบก็โดนชุนไห่ห้ามไว้
“ไม่มีแต่ ข้าจะลองดู ” ชุนไห่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นเดิม
“แล้วแต่ท่านเชอะ ข้าดูการประลองต่อดีกว่า” หลังจากชุนยี่กล่าวจบก็หันไปมองการประลองต่อ ชุนไห่ได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองการประลองต่อ
กลับมาทางด้านไป๋หลง
” นะ..นี้เจ้ามะ..มี อาวุธระดับ6ดาวได้อย่างไรในเมืองนี้ การจะมีอาวุธระดับนี้ได้ต้องเป็นตระกูลใหญ่เท่านั้นเจ้ามีมันได้อย่างไนบอกข้ามา!! ” ชายร่างท้วมกล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาลแต่ไป๋หลงหาได้สนใจเพียงแค่ยกยิ้มที่มุมปาก
“ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย ในกฏไม่ได้บอกให้อีกฝ่ายบอกที่มาของอาวุธ นิ ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดสี
“เจ้า ได้ วันนี้ถ้าข้าฆ่าเจ้าไม่ได้อย่าเรียกข้าว่า หมิงเย่!! ” หมิงเย่คือชื่อของชายร่างท้วมได้พุ่งเข้ามาหาไป๋หลงแต่ไป๋หลงไม่ได้หลบเพียงแค่ นำกระบี่เหมันต์ขึ้นมารับ
เปล้ง!!
เสียงของขวานและกระบี่ปะทะกันเสียงดังสนั่นไปทั่วไปยิ่งนานเข้าผู้ชมยิ่งมีมากขึ้นด้วย หมิงเย่ถอยหลังไปสามก้าวจากการประทะเมื่อกี้ ไป๋หลงถอยเพียงครึ่งก้าวสร้างความเดือดดาล อาฆาตแค้นแก่ หมิงเย่เป็นอย่างมาก
“ฝีมือใช่ได้นิข้าประหลาดเจ้าไปหน่อยอย่าได้ลำพองใจให้มากนัก” หมิงเย่กล่าวด้วยน้ำเสีงดูแคลน
“หึ เดี๋ยวนี้เขาใช้ปากสู้กันแล้งเรอะ!! ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
” ได้ วันนี้เจ้าไม่ตายดีแน่!! ” หมิงเย่พุ่งไปหาไป๋หลงใช้กระบวนท่า ขวานสะบั้นชีวัน ใส่ไป๋หลง ไป๋หลงเอียงตัวหลบเล็กน้อยก่อนจะใช้เท้าที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้า บาทาอัสนี เตะเข้าไปที่หน้า หมิงเย่อย่างจัง หมิ่งเยว่ กลิ้งไปกับพื้น ตอนนี้หน้าของหมิงเย่บวมป่อง เลือดไหลไม่หยุด พยามลุกขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล
” เจ้าคือคนแรกที่ทำให้ข้าต้องใช้สิ่งนี้ ศาสตร์ตราจิตวิณญาน ข้าจะใช้สิ่งนี้จัดการเจ้า จงภูมิใจซะเถอะ ”
หมิงเย่กล่าวจบ ก็ เก็บขวานทะลายศิลาเก็บเข้าแหวนมิติ มันตั้งสมาธิกำลังจะเรียก ศาตร์ตราจิตวิณญานออกมา แต่ทันใดนั้นเอง…
ตู้มม!!
เสียงเท้าก็ไป๋หลงเตะเข้าไปที่หน้าอกของหมิงเย่ที่กำลังทำสมาธิเพื่อเรียกอาวุธของมันออกมา หมิงเย่ กระอักเลือดออกมาคำโตแววตาแดงก่ำจ้องมองไปที่ไป๋หลง…
” บัดซบ เจ้ารอบโจมตีข้าไอ้คนขี้ขลาด!!” หมิงเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
“หึ เห็นข้าเป็นคนใจบุญให้ศัตรู เรียกอาวุธออกมาอย่างงั้นรึ ตลกสิ้นดี!! มันเป็นความโง่ของเจ้าต่างหากที่ประมาทการประลองนี้เกินไป ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
” วันนี้ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ ” หมิงเย่คุยถ่วงเวลาสุดท้ายมันก็สมารถเรียกอาวุธ จิตวิณญาณ ออกมาได้ แรงกดดันที่ออกมาจากอาวุธจิตวิณญาณสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนจำนวนมาก…
“ไม่น่าเชื่อเจ้าหมิงเย่ นั้นสามารถเรียกอาวุธวิณญาณ ระดับพาลาดินออกมาได้ข้าว่าผลการประลองเริ่มไม่แน่นอนซะแล้วถึงคนผู้นั้นจะมีอาวุธระดับ6 ดาวแต่เสียเปรียบอาวุธจิตวิณญานอยู่ดี!! ” เสียงคนตระกูลชุนที่ออกมาเพราะจะตามตัวนายน้อยไปพบกับผู้นำตระกูลแต่มาเจอเข้ากับการประลองจึงหยุดรอดูผลการประลอง
“เงียบแล้วรอดู” ชายอีกคนกล่าว
” ฮ่าๆๆ เป็นไงล่ะ อาวุธจิตวิณญานของข้าระดับ พาลาดิน มันชื่อว่าหอกทลายภูผา เจ้าจงดีใจเสียเถอะที่ตายด้วย อาวุธจิตวิณญาณของข้า ฮ่าๆๆ ”
หมิ่งเย่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งราวกับการประลองนี้รู้ผลแล้ว
” อย่างงั้นรึ น่าหัวเราะสิ้นดีงั้นมาจบการประลองน้ำเน่านี้ซะที!! ”
กระบี่ตัดสวรรค์!!
ไป๋หลงชี้กระบี่ขึ้นไปบนทองฟ้ากำเนิดรูปลักษณ์กระบี่สีทองขนาดใหญ่ กำลังอยู่เหนือหัวของไป๋หลง ไม่มีใครรู้จักว่านี้คือกระบวนท่าอะไรกันแน่..ยกเว้นสองพี่น้องตระกูล ชุน ที่ได้ศึกษาวิชา ที่สำนักหมื่นกระบี่ วิชาที่ไป๋หลงใช้อยู่นั้นคือหนึ่งใน10วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของวิชากระบี่ ท่าที่ ไป๋หลงใช้คือ วิชาที่อยู่อันดับ1 ใน10วิชากระบี่คือ กระบี่ตัดสวรรค์!!
“ท่านพี่ไม่มีทาง ไม่น่าเป็นไปได้!! ” ชุนยี่กล้าวด้วยน้ำเสียงตกตะลึง
” พี่ก็คิดว่าไม่ใช้แต่ดู กระบวนท่านั้น มันเหมือนอยู่8ส่วนใน10 ทำให้ข้าสับสนเหมือนกันชุนยี่ติดต่อเจ้าสำนักให้มาที่นี้โดยเร็ว!!”
ขณะเดียวกันที่สำหนักหมื่นกระบี่แสงสีทองอร่ามที่ก่อตัวเป็นกระบี่ขนาดใหญ่อยู่กลางเมืองจรัสแสงเป็นที่สะดุดตาเป็นอย่างมาก….
” ท่านเจ้าสำนักโปรดออกมาดูข้างนอกด้วย มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!! ” ผู้อาวุโสของสำนักหมื่นกระบี่กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
” มีสิ่งใดเกิดขึ้น? ” ชายร่างสูงใหญ่หนวดเคราสีขาวยาวเฟื้อยใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์
“ข้าว่าท่านมาดูเองดีกว่า ”
เจ้าสำนักหมื่นกระบี่ออกมาข้างนอก เห็นประกายแสงสีทอง รวมตัวกันเป็นรูปกระบี่ขนาดใหญ่สีทองอร่าม เจ้าสำนักได้เห็นก็เบิกตากว้าง
” นะ นะ นี้มันวิชา กระบี่ตัดสวรรค์ไม่ผิดแน่!! สำนักเรามีฉบับคัดลอกอยู่แต่ฉบับจริงนั้นหายสาปสูญเมื่อนานมาแล้ว ว่สแต่ใครเป็นคนใช้กระบ่วนท่านั้นกันน่ะข้าอยากจะรู้ซะแล้วสิ ” เจ้าสำนักกล่าวด้วยน้ำเสียงสงสัย
ตัดมาทางด้านไป๋หลง
” นะ นี้มันกระบวนท่าอะไรกัน ชั่งน่าเกรงขามยิ่งนัก เจ้าเป็นใครกันแน่!! ” หมิ่งเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตะลึง
” หึ คนที่ใกล้จะตายรู้ไปก็เท่านั้น เอาล่ะ ตายซะ!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมา ฟาดกระบี่สีทองอร่ามขนาดใหญ่ใส่หมิงเย่ หมิงเย่นำ อาวุธจิตวิณญาน ขึ้นมาต้านรับไว้แต่ อาวุธจิตวิณญาณ เกิดการแตกร้าว สร้างความตกตะลึงให้แก่หมิ่งเย่เป็นอย่างมาก
” บ้าน่าไม่มีทางนี้เจ้า…”
หมิงเย่พูดไม่ทันจบร่างของมันก็โดนแสง สีทองกลืนกินไปจนร่างกายสูญสลายไปในที่สุด หลังจากนั้นกระบี่สีทองขาดใหญ่ก็หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะนั้นเองเหตุการณ์กำลังจะจบแต่…
“หยุดถ้าเจ้าไม่อยากให้สองแม่ลูกอสูรนี้ตาย!! ก็จงยอมคุกเค่าและตามข้ามาถือว่าข้าเตือนแล้วน่ะ ฮ่าๆๆ ” ชายที่คอยรับหมิงเย่เห็นเหตุการณ์จบลง จึง หาวิธีเอาตัวรอดขณะที่มู่จินเหรอ รอบเข้าไปหาสองแม่ลูกสัตว์อสูร เพื่อจับเป็นตัวประกัน…
“เป็นไงจะยองหรือไม่ยอมล่ะ ”
มู่จินและมู่หลานเดือดดาลเป็นอย่างมากในความประมาทของตนเองขณะที่ไป๋หลงจะใช้ท่า ย่างก้าวอัตสนี เพื่อพุ้งเข้าไปหา มันนั้น ก็ปรากฏร่างผู้หญิงเข้ามาใช้กระบี่แทงไปยังชาย ที่จับสองแม่ลูกอสูรเป็นตัวประกัน ผู้หญิงคนนั้นก็คือ ชุนยี่ นั้นเอง นางเห็นว่ามันผู้คิดไม่ซื่อจึงกระโดดลงมาจากร้านน้ำชา ไป๋หลงเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงยังไม่ได้ขยับตัวแต่ในใจก็แอบนับถือเด็กหญิงคนนี้ที่มีใจที่มีความคุณธรรม
“เจ้ามันชั่งชัวช้ายิ่งนัก จับคนไม่มีทางสู้เป็นตัวประกัน ” ชุนยี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ไป๋หลง เดินมาหาชุนยี่แล้วโค้งคำนับเพื่อเป็นการขอบคุณ
“ขอบคุณแม่นาง ที่ช่วยคนของข้าไว้ ” ไป๋หลงความด้วยความนอบน้อมสร้างยินดีปิติแก่ชุนยี่เป็นอย่างมากที่คนผู้นี้ไม่ได้มีนิสัยเย่อหยิ่ง
” เอ้ะ..เมื่อกี้ท่านว่าคนของ- ” ชุนยี่กล่าวไม่ทันจบก็โดนผู้เป็นพี่ชุนไห่ขัดซะก่อน
” นี้เจ้าไม่ซิ ท่านจอมยุทธ์ ข้าอยากเจรจา!!”
” เจรจา ? ”
จบ..