เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่84 บททดสอบ
” น..นี้มัน!! ”
อสรพิษ7สีกล่าวด้วยน้ำเสียงอันตกตะลึงปนความหวาดกลัว…เพราะตัวตนที่อยู่เบื้องหน้านั้นเป็นตัวตนที่มิอาจแตะต้องและยุ่งเกี่ยวได้แม้แต่น้อยในยุทธภพนี้ไม่มีใครโง่พอที่จะสร้างความขุ่นเคืองใจหรือแม้แต่กล้ามีปัญหาด้วยแม้แต่น้อย…ตัวตนที่เหนือขึ้นไปจนมนุษย์และอสูรชั้นต่ำมิอาจเทียบ เผ่าเทพ!!
” ขะ…ข้าอภัยท่านเทพผู้ส่ง!!!ข้ามิคิดว่าท่านจะแปลงกายมาเป็นมนุษยเช่นนี้โปรดท่านให้อภัยและเมตตาข้าด้วย ”
อสรพิษทะเลโบราณ7สีหยุดการปลดปล่อยพิษและก้มหัวลงต่ำลงขณะพูดกับไป๋หลง…ไป๋หลงก็มีท่าทีตกตะลึงมิใช่น้อยที่อยู่ๆการต่อสู้อันดุเดือดก็จบลงด้วยการที่ไป๋หลงเผยปีกอันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นเผ่าเทพ!!…
คราแรกนั้นไป๋หลงตั้งใจจะใช้ปีกในการโจมตีทางอากาศและเผด็จศึกแต่ไม่คิดเลยว่ามันจะลงเอยมาแบบนี้…
” เจ้ารู้จักเผ่าเทพ!!ด้วยอย่างงั้นรึ? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อสพิษ7สีที่กำลังย่อขนาดตัวจากใหญ่มหึมาเหลือเพียงตัวเท่างูทั่วไปแต่ยังคงลักษณะของเกร็ดสีรุ้งเอาไว้
อสรพิษ7สีได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยความหวาดกลัวและเคารพผสมปนเปกันไป…
” เรียนท่านเทพผู้สูงส่งตัว ตัวข้านั้นคือ อสรพิษ7สีเป็นสัตว์อสูรทะเลเชื่อสายโบราณ!! ตัวข้านั้นอยู่มาหนึ่งพันปีแล้ว…เรื่องของเผ่าเทพแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงกันมากนักเพราะการจะเจอตัวเผ่าเทพนั้นยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเว้นก็แต่เพียง…สถาบันเทพมารเท่านั้นเมืองใต้น้ำมีบันทึกมากมายเกี่ยวกับเผ่าเทพรูปร่างลักษณะต่างๆเอาไว้ยิ่งเป็นปีกสีขาวนวลอันบริสุทธิ์และสูงส่งเช่นท่านย่อมระบุตัวได้อย่างชัดเจน… ”
ไป๋หลงพยามควบคุมอารมณ์และพลังด้านลบที่คอยครอบงำไป๋หลงอยู่ตลอดเวลาเป็นเรื่องที่ยากมากที่ไป๋หลงคงสภาพของปีกแต่ละข้างให้มีสีเดียวกัน!!! สีขาวคือด้าน คุณธรรมเมตตา ปราณี และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สีดำคือ ความเย็นชา ตายด้านไม่รู้สึกผิดชอบชั่วหรือดี มีแต่ความกระหาย ซึ้งเป็นด้านที่ไป๋หลงไม่อยากให้หลุดออกมามากที่สุด…
” ข้าหายสงสัยแล้ว..คราแรกข้าก็มิคิดหรอกว่ามนุษย์ที่ไหนจะมีพลังมหาศาลและกระบวนท่าที่ร้ายกาจเช่นนี้บอกตามตรงถ้าข้าไม่มีความสามารถดูดซับพลังข้าคงตายไปนานแล้ว.. ”
อสรพิษ7สีกล่าวขึ้นเพราะคราแรกก็อดสงสัยมิได้ที่มนุษย์ที่ไหนจะมีกระบวนท่าร้ายกาจเช่นนี้ซึ้งเรื่องนี้ได้รับการคลี่คลายแล้ว…ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวต่อในทันที…
” งั้น…ข้ามีบางอย่างอยากจะถามเจ้าสักหน่อยถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรนั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าข้าไม่สามารถบังคับใครให้ทำตามที่บอกได้หรอก.. ”
อสรพิษ7สีได้ยินเช่นนั้นก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้เพราะในตำรานั้นเทพส่วนใหญ่มีนิสัยจองหองและโอหังอวดอ้างพลังและสะกดข่มเผ่าพันธ์ที่ด้อยกว่า…แต่นี้กลับตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง..
” เชิญท่านถามข้ามาได้เลย..ข้าจะตอบท่านทุกเรื่อง ” อสรพิษ7สีกล่าวด้วยความเคารพ..
” พลังที่เจ้าดูดซับไปนั้น…เจ้าเก็บไปไว้ที่ไหนแล้วการดูดซับพลังของเจ้ามีขีดจำกัดหรือไม่ ” ไป๋หลงกล่าวด้วยความใคร่รู้..
” เรื่องนั้น..ข้าจะบอกท่านเองพลังของข้านั้น.. ”
สรพิษ7สีกล่าวบอกเล่าอธิบายเกี่ยวกับพลังของตนอย่างละเอียดเพราะมิกล้าจะโป้ปดต่อหน้าเผ่าเทพที่สูงส่งผ่านไปไม่นานไป๋หลงก็ทำสีหน้าจริงจังและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่คาดหวัง..
” แต่อีกอย่างนึงคือข้าอยากให้เจ้ามาเป็นสัตว์อสูรในพันธัญสัญญากับข้า!!ได้หรือไม่ ” ไป๋หลงกล่าวบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงในทันที…
สรพิษ7สีเบิกตากว้างในทันที…
” นะ…นี้ท่านเอาจริงอย่างงั้นรึ!! ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยความสงสัยว่าเหตุใดอสรพิษ7สีถึงกล่าวเช่นนี้…
” ทำไม?..หรือเจ้าไม่ต้องการเป็นสัตว์อสูรในพันธะสัญญาของข้า ”
” มิใช่เช่นนั้นนั้น..แต่พวกเผ่าเทพนั้นจะไม่มีทางนำสัตว์อสูรระดับต่ำและรูปร่างเช่นข้าหรอก..เท่าที่ข้าอ่านเจอเผ่าเทพห่วงเรื่องความสง่าผ่าเผยของตนเป็นที่สุดจึงไม่อยากนำสัตว์อสูรเช่นพวกข้ามาเป็นสัตว์อสูร ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็สถบออกมาในทันที..
” ไร้สาระสิ้นดี!!ข้าไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นสรุป…เจ้าจะมาเป็นสัตว์อสูรในพันธะสัญญาของข้าใช่หรือไม่?”
สรพิษ7สีลืมตัวไปเพราะลืมไปว่าเผ่าเทพก็ยืนอยู่ตรงหน้าของตนเองอยู่1ตน…เมื่ออสรพิษ7สีได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคารพ..
” ถ้าท่านไม่รังเกียจ..ก็เป็นเกียรติของข้าที่ได้มีนายเหนือหัวเป็นเทพผู้สูงศักดิ์..ตัวข้าอสูรทะเลอสรพิษ7สีเชื่อสายโบราณ..ขอให้คำสัตย์ ข้าขอยอมรับ ท่านเป็นนายเหนือข้าแต่เพียงผู้เดียว.. ”
” ข้าไป๋หลง..ขอทำพันธะสัญญากับสรพิษ7สีต่อไปนี้เจ้าชื่อ อาเป่า!! ” ไป๋หลงกล่าวพร้อมกับตั้งชื่อให้ ก่อนจะเกิดประกายแสงสว่างจ้าขึ้นภายในนี้จนสามารถมองเห็นได้จากข้างนอกอย่างชัดเจน
” ข้างในเกิดอะไรขึ้นกัน..หรือว่าการต่อสู้จบลงแล้ว? ” ศิษน้องร่างเล็กกล่าวด้วยความกังวล..
” ดูนั่นผ่านน้ำกำลังลดระดับลงแล้ว ” เหอจิงหัวกล่าวขึ้นพลางจ้องมองไปยังม่านน้ำที่กำลังลดต่ำเรื่อยๆจนเห็นข้างในปรากฏร่างของเด็กหนุ่มผู้นึกที่นอนอยู่บนผิวน้ำ..
” สัตว์อสูรทะเลนั้นหายไปไหนแล้วมันตายแล้วยัง ” เสียงของลูกเรือเอ่ยขึ้น..
” มันหายไปแล้ว..ไปช่วยเขาก่อนเร็วคงหมดสติหลังจากใช้พลังไปจนถึงขีดสุด ” เสียงของเหอจิงหัว เอ่ยขึ้น…
” ข้าไปเอง.. ”
หวังฟางทะยานร่างไปบนผิวน้ำก่อนบริเวณผิวน้ำตรงนั้นจะกลายเป็นน้ำแข็ง..และเข้าไปหาไป๋หลง
” น่าแปลก!!…ไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อยชีพจรปกติระดับพลังคงที่.. ” หวังฟางเอ่ยขึ้นทันใดนั้นเองไป๋หลงก็ค่อยๆยืนขึ้นเพราะบริเวณนั้นน้ำทั้งหมดบริเวณนั้นถูกแช่แข็งจนหมด…
” ข้าขอบใจท่านมากนะ..ที่อุตรส่าลงมาช่วยข้าเอาเป็นว่าพรุ้งนี้เที่ยงท่านอยากจะถามอะไรข้าจะตอบให้เอง ก่อนอื่นข้าขอตัวก่อนนะ.. ” ไป๋หลงกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะหายไปพร้อมกับประกายอัสนีสีแดง…ทิ้งไว้เพียงหวังฟางที่อึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำยังมิได้กล่าววอะไรแม้แต่น้อย..
……………………………………………………………………………
ทางด้านห้องพักของไป๋หลงและอู้เฉียง…
” เสียงดังขนาดนี้เจ้ายังหลับลงอีกนะอู้… ” ไป๋หลงกล่าวไม่ทันจบก่อนจะเปิดประตูเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่อ่อนลงเรื่อยๆของอู้เฉียงและเพลิงอ่อนๆที่ปกคลุมทั่วร่างของอู้เฉัยงกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ…
” นี้มันเกิดอะไรขึ้น!! ”
ไป๋หลงกล่าวพร้อมกับตรงไปยังอู้เฉียง ส่วนจี้กง ฟา และ เว่ยเว่ยนั้นยังมาไม่ถึงห้องพัก…
” ใจเย็นลงก่อนทายาทแห่งจอมราชันย์!! ” เสียงที่ทรงพลังและน่าเกรงขามกล่าวขึ้น ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับไปด้านหลังก็เจอกับสตรีเส้นผมสีแดงเพลิงที่แตกต่างจากเว่ยเว่ย นัยน์ตาสีแดงเพลิง ผิวกายขาวถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงนั้นก็คือ1ในสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ ฟินิกส์…
” อู้เฉียงในยามนี้กำลังพยามผ่านบททดสอบที่ข้าสร้างขึ้นภายในจิตใจ..ซึ้งแน่อนถ้าพลาดก็มีแต่ความตายเท่านั้น.. ” เฟิงหวงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม..
” บททดสอบอะไรที่ท่านใช้ทดสอบอู้เฉัยง!! ” ไป๋หลงกล่าวขึ้น..
” บททดสอบข้านั้นไม่ยากและไม่ง่ายเพียงแค่ต้องผ่านเรื่องราวในอดีตที่ทรมานมากที่สุดและบรรลุเป้าหมายเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งถึงจะสามารถผ่านบททดสอบของข้าได้..ถ้าไม่สำเร็จก็แค่ตายซึ้งเรื่องนี้ข้าได้บอกอู้เฉียงไปแล้วก่อนเริ่มทดสอบ… ”
จบ…