เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่85 ขึ้นฝั่ง 1
” บททดสอบข้านั้นไม่ยากและไม่ง่ายเพียงแค่ต้องผ่านเรื่องราวในอดีตที่ทรมานมากที่สุดและบรรลุเป้าหมายเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งถึงจะสามารถผ่านบททดสอบของข้าได้..ถ้าไม่สำเร็จก็แค่ตายซึ้งเรื่องนี้ข้าได้บอกอู้เฉียงไปแล้วก่อนเริ่มทดสอบ… ”
” นี้ท่านกำลังจะบอกว่าอู้เฉียงกึ่งเป็นกึ่งตายใช่หรือไม่!! ” ไป๋หลงกล่าวขึ้ด้วยท่าทีไม่สู้ดีนัก
เฟิงหวงเห็นเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น..
” อย่าห่วงไปเลย…สหายของเจ้าไม่มาจบลงแค่นี้เป็นแน่บททดสอบใกล้จะมาถึงจุดตัดสินแล้ว ” เฟิงห่วงกล่าวก่อนจะกลายร่างเป็นดวงไฟสีทองเข้าไปในตัวของอู้เฉียง..
ไป๋หลงทำได้แค่เฝ้ามองและสั่งไม่ให้ใครเข้ามาภายในห้องนี้โดยเด็ดขาด…
ภายในจิตใจของอู้เฉียงที่กำลังอยู่ในสภาพแย่จนถึงที่สุด…
” อ้ากกกก!! อีกแล้วทำไมข้าถึงปกป้องเจ้าไม่ได้…เพราะข้ามันอ่อนแอไร้พลังอย่างงั้นรึ!!…ถ้าเกิดว่าข้าแข็งแกร่งกว่านี้นางก็คงจะไม่ถ้าตอนนั้นข้าสามารถตายแทนเจ้าได้ข้าก็จะ… ”
อู้เฉียงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดจนถึงที่สุด…บททดสอบที่เฟิงหวงให้อู้เฉียงนั้นคือการข้าวข้ามผ่านตัวเองภายในอดีตจะทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งและเป็นการผ่านบททดสอบโดยแท้จริง..อาจจะเป็นเรื่องที่ง่ายแต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน..
อู้เฉียงต้อนเจอกับเหตุการณ์ที่วนเวียนแบบนี้จนกว่าจะก้ามผ่านมันไปได้..ซึ่งเหตุการณ์เหล่านั้นวนเวียนภายในจิตใจของอู้เฉียงเป็นร้อยเป็นพันรอบแล้ว!!สภาพจิตใจใกล้จะสูญสิ้นเต็มที…
” ใช่เจ้ามันอ่อนแอ…อ่อนแอยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดแต่นั้นก็ไม่ใช่ที่สุดลุกขึ้นมาเจ้าโง่อย่ามาทำตัวน่าสมเพช!! เช่นนี้เมื่อครั้งนั้นข้ายอมปล่อยให้เจ้าได้ครอบครองพลังของข้าและข้าก็เฝ้าดูเจ้าอยู่ตลอดเวลา..กะอีแค่เรื่องแค่นี้เจ้ายังผ่านไปไม่ได้เห็นทีข้าคงต้องยึดร่างของเจ้า!! ”
เสียงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและแฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่างกล่าวขึ้น…
อู้เฉียงหันไปทางต้นเสียงและเจอกับตัวเองอีกคนหนึ่งที่เคยต่อสู้กันเมื่อครั้งยังฝึกฝนอยู่ ( ในตอนที่44 ) แต่ไม่ได้มาในรูปลักษณ์เงาสีดำเหมือนเมื่อครั้งก่อนแต่มาในรูปลักษ์ปกติทุกอย่างก่อนจะก้าวเดินมาและจับชายเสื้อของอู้เฉียงกระชากอู้เฉียงขึ้นมา…
” เจ้าคิดว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี้ภาพลวงตาพวกนั้นเจ้าเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง..นี้ไม่ใช่ที่ของเจ้าอดีตเหล่านี้เก็บไว้เป็นบทเรียนอันล้ำค่าซะ..แล้วเดินหน้าต่อไป!! ”
อู้เฉียงอีกคนกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว..และจดจ้องไปยังนัยน์ตาของอู้เฉียง…ก่อนอู้เฉียงร่างจริงจะฉายแววตามอันแรงกล้าขึ้นมาอีกครั้ง..
” หึ!!..ใครจะไปยอมให้เจ้ามาแย่งร่างข้ากันเล่า..แต่เจ้าจะใช้ร่างนี้ตอนไหนก็ได้เพราะเจ้าและข้าต่างเป็นคนๆเดียวกัน.. .” อู้เฉียงกล่าวขึ้น…
อู้เฉียงอีกคนได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปากขึ้น…
” เอ๋~~~เปลี่ยนไปเยอะนิ..เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าทำตัวไม่ได้เรื่องข้าจะมาแทนที่เจ้าในทันทีอีกอย่าง..มีแต่พวกกระจอกเท่านั้นแหละที่พูดว่า จะตายเพื่อนาง ถ้าเจ้าอยากจะปกป้องใครจริงๆ ก็จงอยู่ต่อไปเพื่อคนๆนั้นซะสิ!! ”
หลังจากหมดสิ้นคำพูดอู้เฉียงอีกคนก็สลายหายไป….
บรรยากาศและเรื่องราวต่างๆถูกเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง…แต่ครั้งนี้บรรยากาศรอบๆอู้เฉียงค่อยๆเปลี่ยนไป…
” นี้มันก็แค่อดีตเท่านั้น…ข้าขอสาบานว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกอดีตเหล่านี้เป็นเครื่องช่วยเตือนความจำข้า…แต่ถ้านี้คือบททดสอบจริงๆที่ข้าต้องเผชิญ…ข้าก็จะทำลาย!!ภาพเหล่านี้ทิ้งเพื่อก้าวเดินไปยังเส้นทางใหม่ที่ข้าเลือก… ”
อู้เฉียงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงและแววตาที่หนักแน่นภาพรอบๆค่อยแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง…ก่อนจะมีๆเสียงนึงดังขึ้นมา…
” อย่าได้โทษตัวเองเลยอู้เฉียง…ข้ามิได้หายไปไหนข้าอยู่ใกล้เจ้าเสมอ..เจ้าคือรักแรกของข้า!!นะอู้เฉียงจงก้าวเดินไปยังเส้นทางที่เจ้าเลือกและจงอย่าลืม…ข้ารักเจ้า ”
อู้เฉียงได้ยินน้ำเสียงที่แสนจะคุ้นเคยก่อนน้ำตาคลอแล้วหันกลับไปก็เจอกับเด็กสาวรูปงามเส้นผมสีดำดวงตาสีฟ้าสดรวมถึงผิวขาวละเอียดราวกับหยกชั้นดี…ที่อู้เฉียงเจอในบททดสอบเป็นร้อยเป็นพันรอบแต่ครั้งนี้กลับแปลกไปราวกับมีความคิดเป็นของตนเอง…อู้เฉียงยังไม่ได้หล่าวสิ่งใดภาพทั้งหมดก็สลายหายไปจนหมดสิ้น..
” จิงเหออออออ!!! ” อู้เฉียงกู่ร้องออกมาก่อนจะฟื้นตื่นขึ้นก็เจอกับไป๋หลงที่กำลังนั่งเฝ้าตนเองอยู่..
” ไงข้าว่าแล้วเจ้าต้องฟื้นขึ้นมาแล้ว..คนที่ชื่อจิงเหอนี้ใครกัน? ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัยเพราะก่อนอู้เฉียงจะตื่นก็ตะโกนชื่อนี้ออกมาจนไป๋หลงที่มีสภาพงัวเงียใกล้จะหลับเต็มทนต้องตาสว่างในทันที….
เมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยากจะอธิบายอารมณ์ในตอนนี้…
” นี้ข้าผ่านบททดสอบแล้วหรือ? แล้วข้าหลับไปนานเท่าไหร่? ”
” เจ้าผ่านบททดสอบแล้วข้ายินดีด้วยส่วนเวลาที่เจ้าหลับไปก็ราวๆ4ชั่วยามทิ้งให้ข้าต้องต่อสู้กับงูยักษ์อสูรทะเลอยู่คนเดียว…แต่ก็เอาเถอะในเมื่อเจ้าบ่ายเบี่ยงที่จะไม่ตอบข้าก็จะไม่คาดขั้นเจ้าในเรื่องนั้น..ข้าขอไปเดินเล่นข้างนอกส่วนเจ้าก็ปรับปรุงพลังของเจ้าให้เสถียรซะ..เพราะพลังของเจ้าเกือบเทียบเคียงข้าแล้วอาจจะทำให้พลังของเจ้าไม่เสถียรนัก.. ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงอิจฉาเล็กน้อยเพราะอยู่ๆก่อนที่อู้เฉียงจะฟื้นขึ้นมาระดับพลังของอู้เฉียงพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ ราชันย์นักรบขั้น3 !!! เพียงแค่ผ่านบททดสอบแตกต่างจากองตนที่ให้สรรพยากรที่มีค่าเป็นอย่างมากในการบ่มเพาะพลัง
” ท่านเฟิงหวงท่านจะใจดีเกินไปแล้วนะ… ” ไป๋หลงบ่นอีดออดในจิตใจก่อนจะมีเสียงแว่วๆดังขึ้น
” ใครว่าข้าใจดี…ข้าแค่ยกระดับให้เท่านั้นให้สมกับความพยาม!!..และอีกอย่างระดับพลังนี้คือเป็นระดับพลังที่อู้เฉียงรับได้ในยามนี้เท่านั้น”..ฟินิกส์หรือก็คือเฟิงหวงกล่าวขึ้นผ่านเข้ามายังจิตสำนึกโดยตรงของไป๋หลงจนไป๋หลงแทบจะกลืนคำพูดต่างๆลงคอไปในทันที….
” นี้ท่านการอ่านความคิดของผู้อื่นมันเสียมารยาทนะอีกอย่าง…ข้าขอฝากอู้เฉียงให้ท่านอบรมอีกสักพักก็แล้วกัน ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ขอร้องเอาไว้พร้อมกับเดินออกจากห้องพักไป…
หลังจากไป๋หลงเดินออกจากห้องพักไปเฟิงหวงก็ปรากฏกายต่อหน้าอู้เฉียงพร้อมกับเปลวเพลิงที่หมุนวนอยู่รอบตัวเป็นเปลวเพลิงที่ง่าสงามและทรงพลัง………………………………………………………………….