เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่86 ขึ้นฝั่ง 2
เฟิงหวงก้าวเดินอย่างสง่างามก่อนจะประสานสายตากับอู้เฉียงความงดงามของเฟิงหวงนั้นเป็นความงามล้นทวีปเป็นแน่แท้ถ้าปรากฏตัวสู่ภายนอกเฟิงหวงจ้องมองอู้เฉียงก่อนจะกล่าวขึ้น…
” ในที่สุดเจ้าก็ได้ครอบครองพลังของข้าอย่างสมบูณ์!!…ต่อไปนี้เจ้าต้องแบกรับเกียรติยศของข้าไว้อย่าทำให้ผู้คนหรือใครดูหมิ่นว่าเจ้าไม่คู่ควรกับพลังของข้า..”
อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงมาดมั่น..
” ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังเป็นอันขาด…ข้าขอให้สัญญา ”
เฟิงหวงยกยิ้มขึ้นก่อนจะกล่าว
” แม่งูตัวน้อยของเจ้าอีกไม่นานก็ฟื้นแล้ว..อย่าได้เป็นห่วงข้าขอพักผ่อนหน่อยก็แล้วกันเจ้าก็ปรับพลังตัวเองให้เสถียรตามที่ไป๋หลงบอกเถอะ… ” เฟิงหวงกล่าวจบก็กลายเป็นดวงไฟสีส้มเข้ามาในร่างของอู้เฉียงในทันที..เมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็เบาใจเพราะเฟยเฟยกำลังจะฟื้นตัวเต็มที่..
” เอ่อ…คือข้าอยากจะถามท่านอย่างนึงในตอนนี้ข้ายังไม่มีวิชาที่ใช้เกี่ยวกับธาตุอัคคีแม้แต่น้อยเว้นก็แต่การรักษาที่แทบจะเรียกว่าฉีกกฏทุกอย่างเกี่ยวกับการรักษาบนโลกใบนี้…ก็มีแค่อัสนีสีทมิฬเท่านั้นที่เป็นกระบวนท่าโจมตี!! กับกระบวนท่าธรรมดาๆทั่วไปถ้าเป็นไปได้ข้าอยากจะฝึกวิชาของท่านได้หรือไม่? ”
อู้เฉียงกล่าวพลางทำน้ำเสียงราวกับพยามออดอ้อนก็มิปานราวกับเด็กอยากได้ของเล่นใหม่..เฟิงหวงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้น…
” มันก็ได้…ถ้าเจ้าต้องการก็จงรับไป!! ”
เฟิงหวงกล่าวจบในหัวของอู้เฉียงมีกระบวนท่าเข้ามาทั้งหมด10กระบวนท่าด้วยกันซึ้งแต่ละกระบวนท่านั้นล้วนน่ากลัวเป็นทั้งสิ้นการฝึกฝนย่อมยากราวกับปีนป่ายขึ้นจากเหวลึก…ซึ้งเฟิงห่วงที่เคยเป็นถึง1ในผู้พิทักษ์ประตูทั้ง4บนแดนสวรรค์ระดับฝีมือและกระบวนท่าย่อมมิใช่สามัญ!!! 1 ในกระบวนท่าที่อู้เฉียงเห็นเบิกตากว้างในทันทีเพราะกระบวนท่านี้ถ้าตนไม่ถึงแก่ชีวิตจะไม่มีทางฝึกหรือใช้วิชานี้เด็ดขาด!!
” นี้มัน!!! ”
สาเหตุที่เฟิงหวงมอบวิชานั้นให้อู้เฉียงเพราะต้องการเตือนให้อู้เฉียงไม่ประมาท เด็ดขาดในการต่อสู้แต่ละครั้งถึงแม้จะมีตนอยู่ก็ตามแต่ก็มีบางสถานที่ที่ทำให้สัตว์อสูรในพันธะสัญญาออกมาไม่ได้เช่นกัน…เฟิงหวงจึงมอบวิชาต้องห้าม ให้อู้เฉียงละลึกไว้…
หลังจากผ่านช่วงราตรีผ่านพ้นไปอีกไม่นานเรือลำนี้ก็จะเทียบฝั่งที่ทวีปมืด…ไป๋หลงสวมใส่ชุดศิษย์หลักแห่งสำนักหมื่นกระบี่เดินอย่างสง่างามขึ้นมาบนชั้นบนสุดของเรือตามที่ไป๋หลงได้ลั่นวาจาไว้เมื่อครั้งก่อนหน้านี้การที่ไป๋หลงเลือกจะเคลื่อนไหวในตอนเช้าเพราะผู้คนส่วนใหญ่บนเรือยังคงหลับอยู่ทำให้ไป๋หลงเคลื่อนไหวได้สะดวก …ส่วนอู้เฉียงนั้นขอตัวพักผ่อนต่อ ส่วน ฟา เว่ยเว่ย และ จี้กง เดินตามไป๋หลงขึ้นมา..โดยที่เว่ยเว่ยนั้นนั่งอยู่บนหัวของไป๋หลง…
ก่อนที่ไป๋หลงจะมาถึงกลุ่มคนจากสำนักอัสนีได้มารอไป๋หลงอยู่ก่อนแล้ว..ไป๋หลงมิได้แปลกใจสิ่งใดกับเรื่องก่อนหน้านี้พร้อมกับสัมผัสได้ว่ามีกลุ่มคนประมาณสิบกว่าคนกำลังเฝ้ามองไป๋หลงอยู่ในที่ที่มิอาจมองเห็นได้แต่กับไป๋หลงทำแบบนี้ก็ไร้ความหมายเมื่อเห็นเช่นนั้น ไป๋หลงโค้งตัวคำนับเจ้าสำนักอัสนี..
” ข้าไป๋หลงขอคาราวะ ท่านเจ้าสำนักอัสนีและผู้อาวุโสที่ซ่อนตัวอยู่ทุกท่าน!! ” ไป๋หลงกล่าวเน้นน้ำเสียงในช่วงท้ายเพื่อย้ำเตือนว่าอย่าทำตัวแอบซ่อนอยู่เช่นนั้น….ผู้อาวุโสทั้ง
เหล่าผู้อาวุโสทั้ง18คนทะยานตัวออกมาพร้อมกันก่อนจะล้อมไป๋หลงเอาไว้เป็นวงกลมด้วยใบหน้าที่ดุดัน..ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ปริยิ้มอ่อนออกมาก่อนจะกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาด!!
” นี้มันหมายความว่ายังไง?…ผู้อาววุโสนับสิบลุมล้อมตัวข้าและสหายของข้า..ข้าขอแนะนำอะไรสักอย่างนึงข้ามาที่นี้เพื่อทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่นางหวังฟางตรงนั้น..ถ้าพวกท่านอยากจะลองข้าก็จะจัดให้!! ถ้าพวกท่านอยากจะลองกระบี่นับหมื่นพุ่งใส่ก็ไม่ว่ากัน ”
หวังฟางและศิษย์คนอื่นๆต่างตกตะลึงที่ไป๋หลงกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมาต่อหน้าเจ้าสำนักและผู้อาวุโสเหล่านั้น..หวังฟางหันหน้าไปหาเจ้าสำนักก็ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าสำนักที่ห่างหายไปนาน..
ผู้อาวุโสต่างใบหน้าบิดเบี้ยวทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น..เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย…
” ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!! นานแล้วสินะ..ที่ข้าไม่ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้ว..พวกท่านเปิดทางให้เด็กนั่นเถิด..เจ้าทำได้ดีกว่าที่คิดเจ้าสำนักของเจ้าเป็นยังไงศิษย์ก็เป็นเช่นนั้นสินะ…หวังย่งสบายดีรึเปล่า!! ”
เจ้าสำนักอัสนีกล่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวเอ่ยขึ้น…ผู้อาวุโสทั้ง18คนเปิดทางให้ไป๋หลง..
” ก่อนอื่นเลยข้าต้องกล่าวขอโทษพวกท่านด้วยที่ข้ากล่าววาจาเช่นนั้นออกไป..ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะกล่าวล่วงเกินพวกท่านแม้แต่น้อย พวกท่านทดสอบข้า ข้าก็ทดสอบพวกท่านกลับ!!ว่าท่านจะคุมตัวเองอยู่รึ้ปล่าหรือจะพุ่งมาหาข้า… ”
เหล่าผู้อาวุโสได้ยินเช่นนั้นก็มิได้โกรธแค้นเคืองสิ่งใดแต่ตะหงิดๆตรงช่วงท้ายว่าเป็นการด่าทางอ้อมหรือกล่าวขออภัยจริงๆ….
” ท่านเจ้าสำนักสบายดีขอรับถึงแม้จะพึ่งเกิดเรื่องเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม… ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเคารพแก่เจ้าสำนักอัสนี…
เหล่าศิษย์จากสำนักอัสนีต่างจดจ้องไปบนหัวของไป๋หลงนั้นก็คือเว่ย เว่ย นั้นเอง ด้วยความที่เว่ยเว่ยในยามนี้นั้น เปล่งประกายความงามออกมาตั้งแต่เยาว์วัยแม้แต่เหล่าสาวงามจากสำนักอัสนีต่างหลงไหลในความงามนี้…
” นี้ๆมาหาพี่สาวมาม้ะ..เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะดูแลเจ้าเอง ”
” ไม่มาที่ข้าดีกว่าเดี๋ยวพี่สาวมีขนมให้กินด้วย ”
เหล่าศิษย์จากสำนักอัสนีที่ตามมาด้วยต่างหลงไหลในความงามส่วนเหล่าบุรุษต่างจดจ้องไปยังฟา..ส่วนจี้กงที่ใส่เสื้อสีขาวปิดคลุมทั้งตัวเผยให้เห็นเพียงดวงตาสีเหลืองอ่อนเท่านั้น…เว่ยเว่ยเกาะไป๋หลงไว้แน่นก่อนจะตะโกนออกมาสุดเสียง..
” ปะ ป๋าาาา!!! ”
เหล่าบรรดาศิษย์และผู้อาวุรอบๆต่างตกตะลึงก่อนที่เจ้าสำนักอัสนีกล่าวถามขึ้น..แม้คราแรกจะยังสงสัยเพราะบรรยากาศรอบๆที่แผ่ออกมาจะแปลกแต่ก็ไม่อาจจะสัมผัสอะไรได้มากไปกว่านี้..แต่คราวนี้กลับเรียกไป๋หลงว่า ปะป๋า สร้างความแปลกใจให้กับเจ้าสำนักเป็นอย่างมาก…ไป๋หลงเอ่ยขึ้นในทันทีเพื่อแก้ความเข้าใจผิด
” ทุกท่านโปรดใจเย็นลงก่อนเด็กคนนี้..คือว่า ” ไป๋หลงกล่าวเหตุผลโป้ปดแต่งเรื่องขึ้นเพราะมิอยากให้ใครรู้ที่มาที่ไปของ เว่ยเว่ย
” เรื่องเป็นเช่นนี้นี่เอง ” เหล่าศิษย์และบรรดาผู้อาวุโสต่างเอ่ยขึ้น
เจ้าสำนักอัสนีเห็นเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง…
” พวกเจ้าทั้งหมดลงจากชั้นนี้ไป…ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเด็กคนนี้!! ”
เมื่อเหล่าศิษย์ประมาณ20กว่าคนได้ยินเช่นนั้นก็ยอมรับคำสั่งแต่โดยดีและเดินลงไปชั้นล่างของเรือลำนี้…หลังจากเหล่าศิษย์เดินลงไปจนหมด เจ้าสำนักอัสนีนำเสาขนาดเล็กมา 4 เสาทั้ง4เสาล้วนลงอักขระที่ซับซ้อนไป๋หลงที่ไม่เชี่ยวชาญด้านนี้ไม่มากจึงทำให้ไม่สามารถมองรูปแบบการทำงานนี้ออกได้…
ฟึบ!!
เสาร์ทั้ง4 ถูกปักไว้รอบชั้นบนเรือแห่งนี้หลังจากเสาโดนปักครบทั้งเสาม่านพลังก็กางออกเป็นสี่เหลี่ยมในทันทีถึงแม้จะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแต่ก็สามารถสัมผัสถึงม่านพลังแห่งนี้ได้..เหล่าผู้อาวุโสและสหายของหวังฟางไม่ได้ลงไปด้วยเพราะพวกตนนั้นเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักจึงสามารถอยู่ที่นี้่ตรงนี้
” ไม่ต้องกังวลไป…ข้ากางม่านพลังเอาไว้เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกได้ยินการสนทนาครั้งนี้ก็เท่านั้นข้าอยากให้เจ้าแสดงอัสนีสีแดงให้ข้าเห็นได้หรือไม่? ” เจ้าสำนักกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ส่วนผู้อาวุโสทั้งงหมดนั้นล้วนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เพราะต้องคอยปกป้องเหล่าศิษย์และผู้คนภายในเรือ…หลังจากจบเรื่องรู้แค่ว่ามีศิษย์หลักจากสำนักหมื่นกระบี่มาช่วยไว้ก็แค่นี้แต่ อัสนีสีแดง!! นี้มัน…
” ทะ..ท่านบอกว่าอัสนีสีแดงทำไมข้าถึงไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้..เป็นความจริงแน่แท้แล้วรึ ”
” มิน่าเชื่อ…ยังเป็นผู้เยาว์แต่สามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้ ”
” เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ชั่งแต่เด็กนั่น ฝึกวิชาอัสนีของสำนักเราได้เช่นไร ”
เหล่าผู้อาวุโสต่างถกเถียงกันไปมาไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หยินสมุดเก่าๆเล่มนึงออกมาจากแหวนมิติก่อนจะยืนให้เจ้าสำนัก…
” ข้าฝึกเอาจากหนังสือเล่มนี้… ”
เจ้าสำนักอัสนีเมื่อสัมผัสกับหนังสือเล่มนี้ก็เบิกตากว้างในทันที…
” นี้มันเล่มต้นฉบับของการฝึกธาตุอัสนี!!..เจ้าเอามาจากที่ใดกัน!! ” เจ้าสำนักอัสนีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อยากรู้จนถึงขีดสุด..โดยปกติไป๋หลงบอกไปแล้วว่าเอามาจากท่านพ่อแต่ในตอนนี้ไป๋หลงมิอยากจะให้ใครทราบถึงที่มาของตน…
” ข้าเจอมันในตลาดมืด..เลยตัดสินใจซื้อมาเพราะเห็นว่ามันน่าสนใจดี ”
เหล่าผู้อาวุโสได้ยินเช่นนั้นก็เดือดดาลขึ้นมาในทันที..
” บัดซบ!! มันผู้ใดกันกล้าขโมยตำราของเรานำมาขายในสถานที่ชั้นต่ำแบบนั้น ” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวออกมาด้วยความเดือดดาล จนเจ้าสำนักต้องยกมือห้ามปราม..
” ไม่เป็นไรอย่างน้อยเราก็รู้ว่ามันอยู่กับเจ้าหนุ่มคนนี้ไม่เป็นไร.. ”
ไป๋หลงวิเคราะห์จากท่าทางและการแสดงออกแล้วเจ้าสำนักอัสนีเป็นผู้อาวุโสที่ควรค่าแก่การนับถือมิใช่น้อย…
” ถ้าท่านบอกว่าต้องการดูอัสนีสีแดงใช่หรือไม่…ไม่จำเป็นต้องใช้ ย่างก้าวอัสนีขั้นสมบูณ์!! ก็สามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนมันไปตามสถานการณ์..พวกท่านดูนี้เจ้าก็ด้วยหวังฟาง..อัสนีนั้นสามารถโจมตีและป้องกันการโจมตีได้เช่นกัน… ”
ไป๋หลงกล่าวจบอัสนีสีแดงโลหิตค่อยๆปกคลุมจากขาจนมาถึงหน้าอกและรูปร่างของมันคล้ายเกราะโบราณแตกต่างตรงที่ว่า….เกราะนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากอัสนียังไม่หมดเพียงเท่านั้นยังมีหอกที่ถูกสร้างขึ้นจากอัสนีสีแดงโลหิตนี้… เหล่าผู้อาวุโสเจ้าสำนักและกลุ่มของหวังฟางต่างตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นอย่างมาก…ก่อนที่ไป๋หลงจะเอ่ยขึ้น
” ข้าเรียกมันสั้นๆว่า ศาสตร์ตราอัสนี!!! ”