เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่9 ให้ข้า
หลังจากจบการประลองลูกน้องของหมิงเย่ หนีกันไปคนละทิศคนละทาง ไป๋หลงไม่ได้สนใจพวกมันจึงปล่อยมันไปส่วนคนที่คิดจะจับแม่ลูกอสูรนั้นโดน ชุนยี่สังหารไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นชุนไห่ ได้เข้ามาหาไป๋หลงเพื่อเจรจาบางอย่าง
” เอ่อ..ไม่ทราบว่าท่านจอมยุทธ์ข้าขอเวลาสักครู่ได้หรือไม่ ” ชุนไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อมเพราะมันรู้ว่าคนเบื้องหน้าไม่สามารถล่วงเกินได้หรือจะพูดให้ถูกคือห้ามล่วงเกินเด็ดขาด
ไป๋หลงเห็นชุนไห่ที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงให้ความเคารพก็รู้สึกเขิลอายนิดหน่อย แต่ไม่สามารถมองเห็นได้เพราะหน้ากากที่ใส่อยู่ ไป๋หลงสังเกตุว่าชุนไห่นั้นมาดีไม่ได้มาร้ายจึงได้เอ่ยตอบกลับไป
” ได้ แต่ก่อนอื่นข้าขอเครียเรื่องตรงนี้ก่อนได้หรือไม่ “ไป๋หลงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงนอบน้อมถ่อมตน
“ได้ ขอรับ ไม่มีปัญหา ” ชุนไห่ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ให้เกียรติ แก่ไป๋หลง
” ท่าน ชื่ออะไร หรือและท่านมาจากไหน” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ผู้ป็นแม่ที่ตอนนี้อุ้มผู้เป็นลูกอยู่ ผู้เป็นแม่นั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีปีกนกอยู่ข้างหลังมือและเท้าคล้ายกับ ของเหยี่ยว จงอยปากสั้นนิดนึง ใส่เสื้อผ้าฉีกขาด ทำให้ไป๋หลงหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
” เรียน ท่านจอมยุทธ์ ข้าชื่อ หน่านเหอ ส่วนลูก นั้นชื่อ หน่านเหิง พวกเราสองแม่ลูกโดนจับมาเป็นทาสเมื่อเดือนที่แล้วขณะที่ข้ากำลังอาหารอยู่นั้นข้าไปโดนกับดักของพวกที่จับข้ามา ส่วนลูกข้านั้นแอบตามข้ามาจึงโดนจับมาด้วย พวกเราอาศัยอยู่ในป่าอสูรแต่อยู่ได้เพียงเขตรนอกเท่านั้นเพราะไม่กล้าเข้าไปลึก เพราะกลัวว่าจะเจอกับอสูรที่แข็งแกร่งเข้ามาทำร้ายพวกข้าพวกข้าสองแม่ลูกจึงต้องอาศัยเขตรนอก พวกอสูรที่อ่อนแอส่วนใหญ่จะอยู่เพียงแค่เขตรนอกเท่านั้น นั้นจึงเป็นเหตุที่พวกเราโดนจับมาเพราะอ่อนแอเกินไปส่วนสามีของข้านั้นโดนพวกมนุษย์จับมาก่อนหน้าพวกข้า ตอนนี้ไม่รู้มีชีวิตอยู่อีกหรือไม่” หน่านเหอ กล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่เป็นอย่างมาก ไป๋หลงได้ยินดังนั้นจึงหันหน้าไปมองมู่จินแบะมู่หลาน ทั้งสองพยักหน้าให้เชิงบอกว่าที่หน่านเหอกล่าวมาถูกหมดทุกอย่าง ไป๋หลงที่เห็นเช่นนั้นจึงตกใจไม่ใช่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้ในป่าอสูรด้วย
” มู่จิน มูหลาน พาสองแม่ลูก ไปรักษาด้วย ข้าขอฝากพวกเจ้าด้วยล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวเชิงออกคำสั่ง
“แต่- ” มู่จินกล่าวไม่ทันจบก็โดน พูดขัดขึ้นซะก่อน
“ไม่มีแต่ นี้คือคำสั่งไปได้แล้ว ข้าฝากด้วยล่ะพาสองแม่ลูก ไปที่คฤหาส และทำการรักษา ”
” ขอรับนายน้อย ดูแลตัวเองด้วย พวกข้าจะรีบกลับมาหลักจากรักษาพวกเขาเสร็จ ” มู่จินกล่าวจบก็นำตัวสองแม่ลูกขึ้นมาอุ้มไว้ในท่าอุ้มเจ้าสาว หลังจากนั้นมู่จินก็ กระโดดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับมู่หลาน ไม่ได้สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คนเท่าไหร่ เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่มู่จินทำไว้ คือการระเบิดพลังระดับจักรพรรดิออกมา ทำให้ผู้คนแถวนี้ไม่ค่อยตกตะลึงเท่าไหร
หลังจากมู่จินและมู่หลาน เดินทางกลับไปที่ป่าอสูร สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาที่ไป๋หลง บ้างก็หวาดกลังบ้างก็ชื่นชม แต่ไม่ได้ทำให้ไป๋หลงสนใจแม้แต่น้อย ไป๋หลงหันกลับมาทางด้านชุนไห่ที่ยืนรออยู่
“เอาล่ะ ข้าว่าไปพูดกันตรงอื่นเถอะตรงนี้คนเยอะเกินไป ” ไป๋หลวกล่าวบอกแก่ชุนไห่
“งั้นเอาเป็น ที่ตระกูลของพวกข้าได้หรือไม่ ” ชุนไห่กล่าวออกมาเชิงแนะนำ
“ก็ได้ ” ไป๋หลงตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่ได้คิดอะไร
“เชิญตามพวกข้ามา ” ชุนไห่ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ
“พวกข้า? ” ไป๋หลงกล่าวมาด้วยความ งง
” อ้อ ข้าลืมแนะนำตัว ขอท่านอย่าได้ถือสา ตัวข้ามีนามว่าชุนไห่ ส่วน น้องของข้าที่อยู่ตรงนั้นชื่อชุนยี่ ” ชุนไห่กลาวออกมาด้วยความนอบน้อม
ไป๋หลงพยักหน้า แล้วเดินฝ่าฝูงชนออกไป ไม่เชิงเดินฝ่าแต่ทางที่ไป๋หลงเดินนั้นมีแต่คนหลีกทางให้ ทำให้ไม่ต้องลำบากเท่าไหร่ ชุนไห่และชุนยี่เดินนำไป๋หลง เพื่อไปยังตระกูลของพวกตนระหว่างทางไป๋หลงก็สังเกตุว่ามีคนตามมาแต่ดูถ้าว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายจึงปล่อยไป ไป๋หลงเดินดูสิ่งของรอบๆมีทั้งอาหารอาวุธเครื่องประดับ เดินไปสักพักก็มาถึง ตระกูลชุน เป็นตระกูลใหญ่เช่นเดียวกับตระกูลชิน ชุนไห่และชุนยี่ที่เดินมาถึง ทหารยามเห็นว่าเป็นผู้ใดทหารยามสองคนนั้นจึงกล่าวออกมา
” คาราว่ะ คุณหนูและคุณชาย ” ทหารยามสองคนนั้นกล่าวมาด้วยความเคารพแต่มันสังเกตุเห็นไป๋หลงตามาด้วยจึงเอ่ยถามชุ่นไห่
” คุณชาย ไม่ทราบว่าคน ผู้นี้เป็นใคร ” ทหารยามคนนึงร่างกายจัดว่าส่มส่วนใบหน้าหล่อเหลาคมคายอายุราวๆ30 กว่า ระดับพลังอยู่ที่นักรบที่แท้จริงขั้น2
” ท่านผู้นี้คือแขกที่ข้าเชิญมา ” ชุนไห่กล่าวตอบแก่ทหารยาม เมื่อทหารยามได้ยินเช่นนั้นก็ให้ความเคารพไป๋หลง ไป๋หลง พยักหน้าและเดินตามชุนยี่และชุนไห่ไป ทหารยามเห็นไป๋หลงใส่หน้ากากรูปอสูรจึงไม่ได่กล่าวอะไรออกมาเพราะมันจะเป็นการเสียมารยาทแก่แขกของคุณชาย
“เอาล่ะ ข้าขอไปตามท่านพ่อมาก่อน ชุนยี่เจ้าคอยดูแลท่านจอมยุทธ์ก็แล้วกันเดี๋ยวข้ามา ” ชุนไห่กล่าวจบก็มุ่งหน้าไปที่ผู้นำตระกูลชุนทันทีหรือเรียกอีกนัยนึงก็คือ พ่อของชุนไห่และชุนยี่นั้นเอง ตระกูลชุนนั้นเป็น1ใน12 ตระกูลใหญ่เช่นเดียวกับตระกูลชิน ผายในตระกูลชุนนั้น มีทั้งแจกัน เครื่องประดับอัญมณีเกือบทั้งห้องโถงนั้นเต็มไปด้วยความงดงาม ก่อนเข้ามา ก็มีลานฝึกยุทธ์ขนาดใหญ่ ให้คนภายในตระกูลฝึกฝนกัน ตระกูลชุนนั้นมีพื้นที่เยอะเป็นอันดับ3 ในทั้งหมด12 ถือว่า ตระกูลชุนนั้นมีอำนาจพอสมควร หลังจากชุนไห่ไปตามท่านพ่อในห้องโถงเหลือแค่ ชุนยี่ที่นั่งอยู่คนละฝั่งของไป๋หลงชุนยี่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเพราะกลัวจะทำให้ไป๋หลงไม่พอใจ ไป๋หลงเป็นคนไม่คือยชอบความเงียบจึงเป็นฝ่ายเริ่มสนทนาก่อน
“ตระกูลของชื่อว่าอะไรรึ ทั้งใหญ่โต มีสิ่งของสวยงามเช่นนี้ ที่คฤหาสของท่านพ่อข้าแตกต่างจากตระกูลของเจ้ามากเลยล่ะ ฮ่าๆๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน แต่ชุนยี่ที่ได้ยินเสียงใกล้ๆ เหมือนเป็นเสียงของผู้เยาว์แต่ไม่น่าจะใช่ เพราะไม่มีผู้เยาว์คนไหนสามารถใช้พลังระดับนั้นได้หรอกชุนยี่จึงหยุดคิดไร้สาระแล้วกล่าวตอบแก่ไป๋หลงด้วยความนอบน้อม
“ตระกูลของท่านพ่อข้าคือ ตระกูลชุน ถึงท่านจะบอกว่าตระกูลของข้ามีขนาดใหญ่แต่เทียบไม่ได้กับตระกูลใหญ่ที่เหลือหรอก ” ชุนยี่กล่าวออกมาด้วยความถ่อมตน
” งั้นเหรอ ว่าแต่เจ้ารู้จักตระกูลชินหรือไม่? ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทำให้ชุนยี่รู้สึกได้ถึง ความโกรธที่แฝงไว้ในคำพูด
” เรียนท่านจอมยุทธ์ ตระกูลชินนั้นเป็นตระกูลที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายอัมหิต และเท่าที่ข้ารู้ตระกูลชินนั้นจับสัตว์อสูรมาเป็นทาสมากมายและใช้อย่างทารุณ แต่ฝีมือของพวกตระกูลชินจัดได้ว่า เป็นของจริงเลยทีเดียว ส่วนผู้นำตระกูลชิน ชินหลง นั้นได้ข่าวมาว่า พึ่งขึ้นระดับจักรพรรดิขั้นที่1 ได้ไม่นานมานี้เอง มีแค่นี้แหละที่ข้ารู้ ” ชุนยี่กล่าวตอบตามความที่รู้มา
” ว่าแต่ท่านถามทำไมหรือ? ” ชุนยี่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย
” หึหึ ข้าจะไปเยี่ยมเยียน พวกมันสักหน่อย ” ไป๋หลงหัวเราะและพูดอย่างเย็นชา ทำให้ชุนยี่ที่นั่งอยู่กับสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ผ่านไปสักพักชุนไห่และผู้นำตระกูลชุนนั้นเดินออกมาอย่างเร่งรีบเพราะได้นินเรื่องที่ชุนไห่เล่าให้ฟัง ตัวมันจึงรีบมาด้วยความรีบร้อนไม่ว่าแลกด้วยอะไรก็ต้องให้ได้กระบี่เล่มนั้นมาให้ได้แต่ที่สำคัญที่สุดคือจะไม่ใช้วิธีแย่งชิงเด็ดขาดเพราะนั้นคือ นิสัยของชุนเปียวผู้นำตระกูลชุน
“ท่านจอมยุทธ์ ข้าขอแนะนำนี่คือท่านชุนเปียว เป็นผู้นำตระกูลชุน เป็นบิดาของข้าและชุนยี่ ” ชุนไห่กล่าวแนะนำแก่ไป๋หลง ชุนเปียวที่เห็นไป๋หบง ลองใช้พลังในการสังเกตุตรวจสอบดูพลังแต่ไม่สามรถมองเห็นได้ทำให้ผู้นำตระกูลชุนเลิกสนใจและจะกล่าวทำความเคารพไป๋หลงโดยการก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการให้เกียรติ
” ข้าผู้นำตระกูลชุน ขอคาร- ” ชุนเปียวกล่าวไม่ทันจบก็โดนไป๋หลงขัด
“ข้าเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสมเท่าไหร ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงให้เกียรติ
” ไม่เหมาะสมอย่างไร? ” ชุนเปียว งง กับการกระทำและคำพูดของไป๋หลง
“งั้นท่านคอยดู ” ไป๋หลงกล่าวจบก็เอามือมาจับหน้ากากและดึงออกพร้อมกับปลดผ้าคลุมออก ทำให้ ชุนเปียว ชุนไห่และชุนยี่ ที่อ้าปากค้างตกตะลึง ทั้งความหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ดวงตาสีแดงราวกับอัญมณี ผิวที่เนียนขาวดุจสตรี ผมยาว สลวยปลิวไปตามสายลม เส้นผมสีดำเงางามทำให้หญิงใดที่ได้เห็น ต้องอิจฉาและหลงไหลเป็นแน่แท้
” ทีนี้ท่านคิดว่าเหมาะสมอีกหรือไม่ล่ะท้านผู้นำตระกูล ฮ่าๆๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขันยิ้มแย้มแจ่มใสทำให้ชุนยี่ที่เห็นรอยยิ้มนั้นหน้าแดงเป็นลูกตำลึงและก้มหน้าลงทันทีด้วยความเขิลอาย
” นะ นะ นี้เจ้าเป็นผู้เยาว์ รึ ? ” ชุนเปียวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ
” อย่างที่ท่านเข้าใจอีก4 เดือนข้าก็จะอายุ7 ปีแล้ว ” เมื่อไป๋หลงกล่าวออกมสร้างความตกตะลึงให้กับชุนเปียว ชุนไห่ และ ชุนยี่เข้าไปอีก ชุนเปียวตั้งสติได้และกล่าวถามแก่ไป๋หลง
“เจ้ามีชื่อว่าอะไร ” ชุนเปียวกล่าวถามแก่ไป๋หลง
“ข้ามีชื่อ ว่า ไป๋หลง ” ผู้นำตระกูลได้ยินเช่นนั้นจึงครุ่นคิดเหมือนได้ยินมาจากไหน แต่ก็นึกไม่ออกจึงข้ามไปก่อน
” เอาล่ะว่าแต่มีอะไรจะเจราจาล่ะชุ่นไห่ข้าเห็นท่านอยากจะเจรจาอะไรกับข้าอย่างงั้นเหรอ? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่ชุนไห่
” คือ ข้าจะขอพูดตามตรงไม่อ้อมค้อมน่ะ กระบี่ที่เจ้าใช้น่ะ กระบี่เหมันต์ มันเป็นสิ่งจำเป็นแก่ชุนยี่อย่างมากเลยเพราะไม่มีอาวุธชนิดใดที่ทนพลังความเย็น ของนางได้เลยทำให้อาวุธเหล่านั้น กลายเป็นน้ำแข็ง และแตกสลายไปในที่สุดอีกอย่างนางยังไม่สามารถเรียกอาวุธจิตวิณญาณของตัวเองออกมาได้นี้จึงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับนาง ไม่ว่าแลกเปลี่ยนเป็นอะไรข้าขอแลกหรือ ข้าจะให้ราคาเจ้า ร้อยล้านเหรียญเพชรหรือจะเป็นโอสถระดับจักรพรรดิ ข้าก็ยินดีแลกเพราะจะนั้นได้โปรดไตร่ตรองด้วย ” ชุนไห่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง มองมาทางไป๋หลง ไป๋หลงนั้นส่วนตัวแล้วกระบี่เล่มนี้ไม่สำคัญอะไรเลยไป๋หลงแค่หยิบออกมาแค่1เล่มแต่ในห้องคลังสมบัตืของพ่อตนนั้นมีกระบี่แบบอื่นแยู่อีก20 ถึง 30 กว่าเล่มจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
“ท่านหมายถึงกระบี่เล่มนี้งั้นเหรอ ” ไป๋หลงกล่าวจบก็หยิบกระบี่เหมันต์ ออกมาจากแหวนมิติ สร้างความตกตะลึงให้ชุนเปียวเป็นอย่างมากเพราะไม่คิดว่าผู้เยาว์เช่นนี้จะมีอาวุธระดับนี้ได้
” ชะ ใช่ กระบี่เล่มนี้แหละ กระบี่เหมันต์ อาวุธระดับ6ดาว ชนชั้นราชัน ” ชุนไห่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
” แลกเปลี่ยนอย่างงั้นหรือ ก็ได้ข้าจะแรก แต่ก่อนอื่นข้าขอถามท่าน ศิษย์ พี่ ชุนยี่ ” ไป๋หลงกล่าวด้วยให้ความเคารพ
” ทำไมตอนนั้นท่านถึงช่วยแม่ลูกอสูรคู่นั้นทั้งที่ตามจริงปล่อยให้พวกเขาโดนจับเป็นตัวประกันก็ได้ ” ไป๋หลงกล่าวถามชุนยี่
“เพราะข้าเกรียจการคิดไม่ซื่อและการคดโกงการข่มเหงผู้ที่ไม่มีทางสู้มากที่สุดถึฝข้าจะตายข้าก็จะไม่ยอมก้มหัวให้กับคนที่ข่มเหงข้าเด็ดขาดนั้นคือเหตุผลที่ข้สเข้าไปช่วยแม่ลูกอสูรคู่นั้น ” ชุนยี่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มในใจและรู้สึกดีกับนิสัยของชุนยี่ที่มีความตรงไปตรงมาไม่โกหกในคำพูดแม้แต่น้อย
“เอาล่ะ กระบี่เล่มเหมันต์เล่มนี้ข้ายกให้ท่าน ถือว่าเป็นการชดใช้ที่ท่านช่วยคนของข้าไว้ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สร้างความแปลกใจและตกตะลึงเป็นอย่างมาก เพราะชุนเปียวที่กำลังเตรียมทรัพย์สินภายในตระกูลเกือบทั้งและโอสถล้ำค่าอีกมาก กลับต้องชะงัก
” เจ้าว่าอะไรเจ้าจะยกให้ข้าอย่างงั้นเหรอ นี้มันระดับ6 ดาวชนชั้นราชันเลยน่ะ ” ชุนยี่กล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง ไป๋หลงเพียงยิ้มตอบ
” ข้าไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วในระดับของอาวุธอีกอย่าง ตอนใช้มันรู้สึกเย็นมากเลยล่ะ ข้าก็เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นะฮ่าๆฟ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน
ชุนเปียวที่ได้ยินเช่นนั้น ก็คิดว่า นี้มันเหตุผลที่บ้าบอที่สุดที่เคยได้ยินมาเลยที่มีคนไม่เห็นค่าาวุธระดับนี้
“แล้วต้องการอะไรเป็นการแลกเปลี่ยนล่ะ ” ชุนยี่กล่าวถามแก่ไป๋หลง
” ข้าต้องการตัวท่าน ”
“……………..”
” อะไรน่ะ!! ” ชุนเปียวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึงรวมถึงชุนไห่ที่ อ้าปากค้าง ชุนยี่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงเขิลอาย จนดูน่ารักเป็นอย่างมาก
” ข้าลอเล่นน่ะ ฮ่าๆ ข้อแลกเปลี่ยนนั้นไม่ต้องหรอก ข้าแค่อยากจะลองใจท่านเท่านั้นศิษย์พี่ชุนยี่ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน
ชุนเปียวที่ได้สติ จึงคิดถึงคำพูดที่พูดว่าคนของข้า ที่ออกจากปาก ไป๋หลงเมื่อกี้จึงถามแก่ไป๋หลง
” เดี๋ยวน่ะ ที่เจ้าพูดว่า คนของข้าหมายถึงอะไร อธิบายให้ข้าฟังหน่อยสิ ? ” ชุนเปียวกล่าวด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ข้าก็นึกว่าท่านจะถามอะไร ก็สองแม่ลูกอสูรคู่นั้นอาศัยอยู่ในป่าอสูรของข้าแล้วทำไมข้าจึงเรียกว่าคนของข้าไม่ได้ในเมื่อท่านพ่อของข้าเป็นคนปกครองป่าอสูร ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ เกิดความเงียบขึ้นถายในห้องโถงก่อนจะมีเสียงดังขึ้น
อะไรน่ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
จบ…