เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่97 แสดงเจตจำนง 1
รุ่งอรุณได้มาถึงไป๋หลงนอนเหยียดยาวก่อนจะลุกขึ้นบิดตัวไปมาก่อนจะเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำเมื่ออาบน้ำเสร็จไป๋หลงก็สวมใส่เครื่องแบบศิษย์หลักแห่งสำนักหมื่นกระบี่เช่นเดิมก่อนจะรวบเส้นผมสีดำอันมันขรับและงดงามไว้ดวงตาสีแดงใสเหมือนกับเทพองค์นั้นไม่มีผิด!!…
” ดูเหมือนว่าจะโดนส่งกลับมาโดยไม่รู้ตัวเลยสินะ..ว่าแต่ว่าอาจารย์หลังจากได้แร่ศักดิ์สิทธิ์ก็เงียบหายไปเลย ส่วนหลิงหลุนก็เงียบหายไปเหมือนกัน เห้อ…ตอนเที่ยงตรงสินะ การสอบรอบถัดไปจึงจะเริ่มขึ้น..” ไป๋หลงกล่าวจบก็ปลุกเว่ยเว่ย ที่เข้ามานอนในห้องตนเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
เส้นผมสีแดงโลหิตยาวสลวยผิวขาวเนียนดุจหยกตอนนี้เว่ยเว่ยกำลังหลับไหลหากมองจากภายนอกก็ไม่ต่างกับเด็กหญิงธรรมดาทั่วไปเลยแม้แต่น้อย…
” ปล่อยไว้แบบนี้ก็แล้วกัน..ก่อนอื่นต้องไปหา ฟา ก่อนสินะ ” ไป๋หลงกล่าวขึ้รก่อนจะออกจากห้องและมุ่หน้าไปยังห้องของฟา ในทันที…
ไป๋หลงเดินมาถึงฟาถูกปลดออกจากโซ่ตรวนอักขระและกำลังนั่งคุยกับอู้เฉียง..
” นายท่าน…ข้าได้ยินมาจากอู้เฉียงแล้วเมื่อคืนข้าคงขาดสตไปอีกแล้วใช่หรือไม่? ” ฟากล่าวถามขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย..
” ใช่ แล้วเจ้าจำเรื่องที่ตัวเองพูดหรือทำลงไปได้หรือไม่? ” ไป๋หลงกล่าวถามขึ้น..
ฟาได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าไปมาซึ้งภายในดวงตาสีฟ้าใสของฟานั้นมีความเศร้าหมองอยู่…
” ไม่เป็นไร..ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าคืนไหนที่พระจันทร์เป็นสีเลือดเจ้าถึงเป็นเช่นนั้น ” ไป๋หลงนั่งลงและกล่าถามฟาด้วยความรู้สึกสงสัย…
ฟาได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวอธิบายขึ้นในทันที…
” พลังนี้..ไม่สิควรจะเรียกว่าคำสาปเสียมากกว่า!! ”
” คำสาป? ” ไป๋หลงเอ่ยขึ้น
” ใช่ มันคือคำสาป ที่น่ารังเกียจสำหรับตัวข้า ในเหล่าราชวงศ์ของข้านั้นข้าเป็นคนเดียวที่มิอาจคุมคำสาปนี้ได้ในขณะที่ทุกคนสามารถควบคุมมันได้ทุกคน!!เว้นแต่เพียงตัวข้าเท่านั้น ถ้าตอนนั้นข้าสามารถควบคุมพลังนี้ได้ บิดา มารดา และน้องของข้า คงไม่ต้องตกตายอย่างน่าเวทนาเช่นนั้น ”
ฟากล่าวด้วยความเศร้าสลดและเจ็บแค้นอย่างถึงขีดสุด…
จี้กงขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวขึ้นราวกับคาดการณ์บางอย่างได้..
” เป็นไปได้หรือไม่ว่าตัวเจ้าจะมีพลังที่แข็งแกร่งจนเกินไป!! และเจ้าตอนนั้นและตอนนี้เองก็ไม่สามารถควบคุมมันได้เช่นกัน เจ้าเคยใช้พลัง จนถึงขีดจำกัดหรือไม่? ” จี้กงกล่าวถามขึ้นแสงท่าทางครุ่นคริด..
จี้กงนั้นในด้านพลังอาจจะอ่อนไม่สามารถเทียบเคียงกับเผ่าเทพตนอื่นได้แต่ได้การวิเคราะห์สถานการณ์ไม่ต่างกับไป๋หลงแม้แต่น้อย…
ฟาได้ยินเช่นนั้นก็หันมามองไป๋หลงก่อนจะเอ่ยขึ้น…
” ครั้งนึงข้าเคนต่อสู้กับนายท่านตอนนั้นราวกับว่าพลังของข้ามันเอ่อล้นออกมาอย่างแปลกประหลาด..ราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด!! ” ( จากตอนที่34)
หลังจากนั้นจี้กงก็ทำการชี้แนะและให้ตำราบางอย่างที่มีฝุ่นเกาะเต็มไปหมดถูกหยิบออกมาจากแหวนอักขระของจี้กง…
” หนังสือ เนตรจันทรา!! ” ฟาเอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึงเพราะหนังสือเล่มนี้เมื่อตอนเด็กๆ แม่ของตนนั้นอาจหนังสือเล่มนี้อยู่เป็นประจำ..แต่เมื่อตนเอ่ยถามแม่ของตนเอ่ยตอบกลับมาเพียงว่า ยังไม่ถึงเวลา บัดนี้หนังสือเล่มนั้นมาอยู่มนมือของตนแล้ว..เป็นเรื่องบังเอิญหรือโชคชะตากำหนดมากันแน่..ฟาได้แต่คิด
” ใช่ จงอ่านและทำความเข้าใจ และหมั่นฝึกฝนซะ!! ในอนาคตเจ้าต้องปกป้องนายท่านจากบางสิ่งที่แข็งแกร่งเกินบรรยาย พลังของเจ้าเป็นสิ่งจำเป็น!! ”
ฟาได้ยินเช่นนั้นก็โน้มตัวคาราวะ ไม่แม้แต่จะไต่ถามถึงหนังสือเล่มนี้แม้แต่น้อย…
” ไว้ข้าจะศึกษามันด้วยตนเอง.. ”
ไม่นาน เว่ยเว่ย ก็ เดินเข้ามาและนั่งบนตักของไป๋หลงใบหน้าของอู้เฉียงสีแดงเรื่อในทันทีเมื่อมองไปยังไป เว่ยเว่ยที่นั่งบตักไป๋หลง..ไป๋หลงเพียงยิ้มอ่อนออกมาเท่านั้น
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่กำหนดผู้คนเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัดแต่บรรยากาศกลับครึกครื้นกว่ารอบแรก..ไป๋หลงอู้เฉียงและเว่ยเว่ย มาถึง เหล่าผู้เข้าสอบ ต่างพากันตีตัวออกห่างอย่างเห็นได้ชัด..
” พวกเจ้าดู เทพสังหารมานู้นแล้ว!! ”
” อะไรนะ!! เทพสังหารมาแล้วอย่างงั้นรึ ”
” บัดซบ!! ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเทพสัหารเด็ดขาด!! ”
เหล่าผู้เข้าแข่งขันต่างเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตระหนกและแหวกทางให้ไป๋หลงกับสหาย ส่วนเผ่าเทพนั้นแน่นอนว่า เพียงสังเกตุการณ์บางอย่างเท่านั้น โดยมี ชิเอล เป็นผู้นำ ส่วนเผ่ามาร มีเมล เป็นผู้นำกลุ่ม โดยเมล และไป๋หลงตั้งแต่เข้ามาก็ได้สบตากันแล้วต่างฝ่ายต่าง ยอมรับในความแข็งแกร่ง และโหยหาการต่อสู้….
” เทพสังหาร? หมายถึงผู้ใดกัน? ” ไป๋หลงกล่าวด้วยงุนงง
อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็กุมขมับก่อนจะเอ่ยขึ้น..
” บางครั้งเจ้าก็มิได้ฉลาดไปเสียทุกเรื่องสินะ…ก็เจ้านั้นแหละเล่นเด่นซะขนาดนั้น ” อู้เฉียงกล่าวพลางตบบ่าไป๋หลงเบาๆ…
ไป๋หลงสะบัดมืออู้เฉียงออกในทันที..
” เห้อ..ว่าแต่ว่า พวกนั้นจะใช้พลังอักขระสิ้นเปลืองไปแล้ว ทำให้ที่นั่งขนาดใหญ่นั่นลอยขึ้นได้ คงจะต้องผลาญพลังอักขระจำนวนมหาศาลแน่ๆ ใช้ทรัพยากรได้เปลืองจริงๆ.. ” ไป๋หลงเอ่ยขึ้น
โดยที่นั่งที่ไป๋หลงกล่าวขึ้นนั้นคือ ที่นั่งพิเศษของเหล่าองค์จักรพรรดิ์ในทวีปต่างๆและเหล่าขุนนางชั้นสูงหลากหลายเผ่าพันธ์…
” เสียงเอะอะโวยวายอะไรข้างล่างกัน ” เสียงที่กล่าวออกมาแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย..
” เรียนนายท่าน ข้าได้ยินมาว่า เหล่าผู้เข้าแข่งขันข้างล่าง หวาดกลัวต่อการมาถึงของเทพสังหาร!! ขอรับ ” เสียงข้ารับใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้น..
” หืม? เทพสังหารอย่างงั้นรึ เจ้าหมายถึงใครกัน ” เสียงของชายร่างใหญ่ใบหน้าดุดันอายุราวๆ60ปีเศษแต่ใบหน้ายังหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยระดับพลังที่สูงทำให้การแก่ชราดูช้าลง..
” ข้าไม่แน่ใจเหมือนกัน..ขอรับ ”
” ไปสืบมา..เดี๋ยวนี้!! ”
” ขอรับ ”
” การแข่งปีนี้ดูท่าจะได้เห็นะไรสนุกซะแล้วสิ ฮ่าๆๆๆ ” ชายร่างใหญ่กล่าวจบก็นั่งกอดอกตามเดิม..
ไม่นานผู้อาวุโสชุดดำก็มาถึงเป็นผู้อาวุโสคนเดียวกับเมื่อวาน ก่อนจะกวาดสายตามองและหยุดที่ไป๋หลงก่อนจะแย้มยิ้มชราออกมา…
” เอาละ ในเมื่อพวกเจ้ามาพร้อมกันแล้ว การสอบครั้งนี้ กำหนดเวลา 2 วัน ภายในสองวันพวกเจ้าทุกคนต้องขึ้นไปบน ภูเขาที่เป็นที่ตั้งของสถาบันเทพมารให้ได้ก่อนอาทิตย์ตกดิน!! อีกอย่างพวกเจ้าสามารถล่าแก่นแท้อสูรนำมาเพิ่มคะแนน ให้ตัวเองได้ มีทั้งสมุนไพร และ ของวิเศษ ตั้งแต่โบราณกาลหลับไหลถ้าพวกเจ้ามีปัญญาและความสามารถพอ พวกเจ้าสมารถนำมันมาเป็นของตนเองได้เลย ห้ามสังหารกันเองเป็นอันขาด!! หากทำผิดขึ้นมาจะได้ตัดสิทธิ์ ในทันที พวกเราจะเฝ้าดูพวกเจ้าผ่าน ม่านน้ำอักขระ !! ”
ผู้อาวุโสชุดดำเอ่ยก่อนจะชี้ไปยังยังม่านน้ำขนาดใหญ่ที่จับภาพของทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้.
” ไม่อนุญาติให้ถามใดๆทั้งสิ้น…การสอบเริ่มได้!! ”
เหล่าผู้เข้าแข่ขันต่างตกตะลึง? อีกแล้ว? การสอบแบบฉับพลัน? เหล่าผู้เข้าแข่งขันต่างมุ่งหน้าเข้าไปในภูเขาในทันที..
ผิดกับไป๋หลงที่เดินไปอย่างเชื่องช้า…
” ระวังเงาไว้ สินะ!! ” ไป๋หลงบ่นพึมพำก่อนจะเดินเข้าภูเขาไปพร้อมกับอู้เฉียงและเว่ยเว่ยที่อยู่บนบ่าของไป๋หลงตามเคย…