เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่98 แสดงเจตจำนง 2
เหล่าผู้ชมต่างจับจ้องไปยังม่านน้ำอักขระขนาดใหญ่…ซึ้งตอนนี้เหล่าผู้เข้าแข่งขันเริ่มจับกลุ่มกัน5-6คนแต่ก็ยังมีการแบ่งแยกเผ่าพันธ์อย่างชัดเจนซึ้งไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่น้อย ซึ้งผู้นำของกลุ่มจะคัดสรรจากความแข็งแกร่งและความเป็นผู้นำและมีปัญญาที่หลักแหลม..ซึ้งเหล่าผู้ข้าแข่งขันต่างคิดรับมือและวางแผนล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว..
ภายในภูเขานั้นเมื่อเข้าไปแล้วจะไม่สามารถออกมาได้จนกว่าจะครบตามเวลาที่กำหนด เมื่อหมดเวลา เหล่าผู้เข้าสอบจะถูกส่งร่างออกมาไม่ว่าเป็นหรือตายก็ตาม!!
อย่างที่รู้ รู้กันว่าการสอบในครั้งนี้นั้นจะไม่มีการรับประกันชีวิตหรือการรับผิดชอบใดๆทั้นสิ้น ในภูเขาแห้งนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นขุสมบัติเลยก็ว่าได้…แต่ก็ยังมีสิ่งที่อันตรายอยู่ด้วยเช่นกันเป็นที่กักขังเหล่าอสูรและปีศาจร้ายต่างๆนาๆ ซึ้งหุบเขาแห่งนี้ก็ตามชื่อหุบเขาแห่งการจองจำ ไม่เฉพาะอสูรเท่านั้น มนุษย์ที่ทำความผิดร้ายแรงก็โดนจองจำไว้ที่แห่งนี้เช่นกัน!!
แน่นอนระดับพลังของเหล่าอสูรคืออสูรที่แท้จริง!! ทั้งสิ้น ตามตำนานเล่าว่าหุบเขาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ที่ยกระดับพลังตัวขึ้นอยู่ในขั้น เทพสงครามมขั้นปลาย!! ซึ้งมนุษย์ที่ขึ้นไปถึงขั้นได้เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน มีนามว่า เทพแห่งการทำลาย เห่ยเจี้ย !! ….ซึ้งเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธในตอนนั้น..
ของวิเศษณ์มากมายถูกผนึกไว้ ณ ที่แห่งนี้ สาเหตุหลักที่ทำไมไม่มีผู้ใดเข้ามาค้นหาสืบค้นเพราะ ประกาศิต แห่งเห่ยเจี้ย ” ผู้ใดก็ตามที่มีจิตใจละโมภโลภมากจิตใจไม่บริสุทธิ์ใฝ่หาแต่พลังแยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ออก..หวังอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนจะต้องเกิดความวิบัติ ขึ้นกับตัวผู้นั้นและทั้งตระกูลจักต้องล่มสลายมลายสิ้นด้วยความโง่เขลา ” ประกาศิตนี้ถูกเขียนและสลักไว้ในภูเขาแห่งนี้..
นั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สมบัติมากมายยังไม่ถูกค้นพบแต่การสอบครั้งล่าสุดมีศิษย์หญิงคนนึงสามารถครอบครองของวิเศษณ์บางอย่าง!!ซึ้งได้มาจากหุบเขาแห่งนี้ซึ้งแน่นอนว่า สมบัติและของวิเศษณ์ทุกชิ้น เห่ยเจี้ยเป็นคนสร้างขึ้นเองทั้งสิ้น!!!
เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงกันเป็นอย่างมากในช่วงนั้น บางคนสงสัยและเกิดความอิจฉาตาร้อน ซึ้งหลังจากนั้นไม่นานศิษย์หญิงคนดังกล่าวก็ได้รับ ฉายาที่ศิษย์ในสถาบันเทพมารเมื่อได้ยินชื่อนี้ต่างสั่นสะท้านตามไปตามกัน ศิษย์ต้องห้ามแห่งสถาบันเทพมาร!! ซึ้งของวิเศษณ์ที่นางนั้นได้มายังเป็นปริศนายังไม่เคยเห็นนางใช้ของวิเศษณ์ชิ้นนั้นในการต่อสู้แม้แต่น้อย…
ในตอนนี้ม่านน้ำอักขระได้ขึ้นชื่อผู้เข้าสอบทั้งหมดไว้และยังสามารถรับรู้ได้ด้วยว่าผู้เข้าสอบคนนั้นสังหารสิ่งใดได้หรือได้รับของวิเศษณ์จะสังเกตุได้เมื่อใดก็ตามที่ผู้เข้าสอบคนนั้น ได้รับสมบัติหรือของวิเศษณ์ จะปรากฏแสงสีทอง เรืองรองออกมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และถ้าเป็นสมุนไพร หรือ ของทั่วไป จะปรากฏแสงสีน้ำเงินขึ้นมา และใครก็ตามที่สิ้นลมหายใจลง ชื่อจะหายไปจากม่านน้ำขนาดใหญ่นี้ทันทีขณะนั้นเอง..
” เจ้าดูนั่นสิ ชื่อมันเริ่มหายไปทีละชื่อรึเปล่า? ” หนึ่งในผู้รับชมผ่านม่านน้ำอักขระกล่าวขึ้น..
” หืม? ใช้ตาฝาดรึเปล่านั้นมันชื่อของพวกหัวกะ… ” ชายผู้นั้นกล่าวไม่ทันจบก็ต้องตกตะลึงเมื่อรายชื่อนับสิบหายไปอย่างรวดเร็ว..
” เกิดอะไรขึ้น!! ม่านวารีทำไมยังไม่แสดงภาพของเหล่าผู้เข้าสอบ ”
ไม่นานม่านน้ำอักขระนับสิก็โผ่ลขึ้นมากลางอากาศ ปรากฏภาพของเหล่าผู้เข้าแข่งขันต่างถูกไล่ล่าสังหารจากบางอย่าง…
องค์จักรพรรดิ์ซ้วนตี้ แห่งทวีปมืดกล่าวด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่เศร้าหมอง..
” น่าเศร้ายิ่งนัก คิเมร่า!! สัตว์อสูรที่ถูกจองจำไว้เป็นเวลากว่าห้าร้อยปี ระดับพลังต่างกันเกินไปน่าสงสารเหล่าผู้เยาว์ที่มากความสามารถแต่กลับมาตกตายก่อนเพราะพลังยังไม่กล้าแกร่งพอ… ”
เมื่อเหล่าผู้คนที่อยู่รอบข้างได้ยินต่างก็ส่งเสียงออกมาด้วยควาตกตะลึง..
” อะไรนะ!! คิเมร่า อย่างงั้นรึ บ้าไปแล้ว!!! เมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว มันทำลายเมืองทั้งเมืองได้เพียงตัวเดียว ”
” ระดับพลังต่างกันเกินไป การทดสอบครั้งนี้ดูจะไม่ง่ายเหมือนที่คิดซะแล้ว ”
เหล่าผู้ชมต่างส่งเสียงด้วยความแตกตื่นผิดกับผู้อาวุโส และ เหล่าคณาศิษย์ที่ติดตามผู้อาวุโสชุดดำต่างเฝ้ามองด้วยแววตาเรียบเฉย..
” ท่านอาจารย์..ท่านคิดว่าจะมีผู้เข้าสอบคนไหนสามารถสยบ สัตว์อสูรตัวนั้นได้หรือไม่? ยกเว้น เผ่าเทพและมารบางตนเท่านั้น ถ้าเป็นมนุษย์ทั่วไปเป็นไปได้ยากมาก ” บุรุษหล่อเหล่าสวมใส่อาภรณ์สีขาวขริบทอง เส้น ผมสีม่วงพลิ้วไสวตามสายลม กล่าวขึ้นพลางจดจ้อง ม่ายน้ำอักขระ
” รอดูต่อไปเดี๋ยว ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันฮ่าๆๆๆ!! อาจจะมีบางอย่างที่ทำให้เจ้าและข้าต้องตกตะลึงก็เป็นได้ ” ผู้อาวุโสชุดดำกล่าวออกมาพลางหัวเราะออกมา …
ศิษย์ผู้นั้นดูจะแปลกใจไม่น้อยร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นอาจารย์ของตนหัวเราะร่าออกมาเช่นนี้มาก่อน…
ภายในหุบเขาจองจำ…….
” อ๊ากกกกกแขนข้า..ช่วยข้าด้วย!! ”
” บัดซบ!! นี้มันตัวบ้าอะไรกัน กระบวนท่าและอาวุธอักขระทำอะไรมันไม่ได้เลย จบเห่แน่ ”
” พวกเจ้า อย่าพึ่งยอมแพ้สิ ถ้าพวกเราไม่สู้มัน มันไล่ตามสังหารพวกเราเป็นแน่ มีแต่ต้องสู้เท่านั้น!! ” ผู้เข้าสอบหญิงสาวใบหน้านั้นเต็มใบด้วยเลือดของพรรคพวกที่สาดกระเซ็นมาโดนใบหน้าแต่ก็ไม่สามารถปกปิดความงบงามของนางได้ ถึงแม้นางจะพูดไปเช่นนั้นแต่จะเอาชนะ สัตว์อสูรแบบนี้ เปรียบเสมือน หิ่งห้อยบินเข้ากองไฟเสียมากกว่า..แต่ก็ยังลุกขึ้นสู้สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ชมอยู่จากด้านนอกพอสมควร..
” เหอะ!! อยากสู้เจ้าก็สู้ไปคนเดียวสิ..เอางี้เป็นไงเจ้าถ่วงเวลามันเอาไว้ให้พวกข้าหนีไปได้เช่นนี้เป็ไงเล่า ” เสียงของผู้เข้าทดสอบเอ่ยขึ้นเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว
” สารเลว!! ” ศิษย์หญิงเอ่ยขึ้นด้วยความเดือดดาล
ทันใดนั้น ผู้เข้าสอบที่ตามหลังมาใช้ฝ่ามือโจมตีเข้าที่แผ่นหลังอันขาวนวลของศิษย์หญิงผู้นั้นทันที…
ตึง!!
ศิษย์หญิงกระอักเลือดออกมาทำให้เสียการทรงตัวล่วงลงจากต้นไม้ที่เหยียบย่างก่อนจะล่วงลงและกระแทกพื้นแต่โชคดีที่นางนั้นสร้างม่านพลังคุ้มกันเอาไว้ตลอดเวลาทำให้แรงโจมตีเมื่อกี้อ่อนลงในระดับหนึ่ง…
” อึก!! พวกเจ้ามันสารเลว กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ” ศิษย์หญิงเอ่ยขึ้นพลางสถบออกมาด้วยความช้ำใจก่อนจะลุกยืนหยัดขึ้น..
ร่างสัตว์อสูรขนาดใหญ่จ้องลงมายังศิษย์หญิงผู้นั้นดวงตาแดงก่ำปีกข้างหลัง กระพือ ส่วนหางที่เป็นงูก็เตรียมที่จะพ่นพิษออกมาแผ่พลังระดับ ชนชั้น ราชันย์อสูรออกา!! เมื่อเทียบกับนางที่อยู่แค่ระดับ นักรบที่แท้จริง!! เปรียบเสมือนมดกับช้างเลยก็ว่าได้ ที่จะถูกบดขยี้ได้ตลอดเวลา..
” คิดว่าข้าจะยอมตายง่ายๆอย่างงั้นรึ!! แม้นข้าต้องตายข้าก็จะฝากลอยแผลไว้กับเจ้า ปลดปล่อยศาสตร์จิตวิญญาณ!! ” หญิงสาวกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่กึกก้องบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปในทันที..
ดาบสีแดงโลหิตเล่มหนึ่งกำลังออกมาจากมิติที่ว่างเปล่าเป็นศาตร์จิตวิญญาณโดยแท้จริง..
” ดาบโลหิต จงกลืนกิน!! ”
ดาบเล่มสีแดงฉานดูดเลือดบริเวณโดยรอบทั้งหมดจากผู้เข้าสอบที่ถูกสังหารไปและรวมถึงเลือดของตนเองอีกด้วย..
เหล่าผู้ชมต่างตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าในผู้เข้าแข่งขันจะมีผู้ที่ใช้ศาสตร์ตราจิตวิญญาญได้…ซึ้งในที่แห่งนี้มีผู้ที่สามารถใช้ศาสตร์ตราจิตวิญญาณนั้นได้น้อยมากๆ..
” ไม่น่าเชื่อ!! เด็กนั่นจะใช้ศาสตร์ตราจิตวิญญาณได้ เห็นทีต้องไปสืบข้อมูลของเด็กคนนี้ซะแล้ว ”
” อัจฉริยะโดยแท้ แม้นจะโดนพวกพ้องหักหลังแต่ก็ยังยืนหยัดสู้ น่าชื่นชม!! ”
แน่นอนว่าการแข่งทั้งหมดถูกจับตามองโดยเหล่าผู้อาวุโส ผู้เข้าสอบที่หักหลังพวกพ้องนั้นถูกปรับตกไปแล้วโดยไม่รู้ตัว…
แต่ดูเหมือนว่าอสูรตนนี้จะไม่แสดงท่าทีหวาดหวั่นอะไรเลยแม้แต่น้อยกลับกันมันราวกับสนุกที่เหยื่อของมันกำลังจะลุกขึ้นสู้ขณะนั้น คิเมร่า ก็ก็อ้าปากกว้างขึ้น เกิดเป็นลำแสงพุ่งตรงไปหาศิษย์หญิงผู้นี้ทันที..
” นี้มัน..แย่แล้ว!! ”
หญิงสาวกล่าวขึ้นด้วยความวิตกกังวลดาบโลหิตของนางนั้นก็ตามชื่อใช้เลือดเป็นพลังในการขับเคลื่อนพลังไร้เลือดก็ไร้พลัง กลับกันถ้าเลือดมหาศาลพลังของมันก็จะมหาศาลตามไปด้วย ซึ้งในตอนนี้นางนั้นเสียเลือดเยอะจนเกินไป…ลำแสงสีม่วงพุ่งออกมาจากปากของ คิเมร่า ทันใดนั้นก็มีบางอย่างพุ่งออกมาจากป่า…
ตู้มมมมมมม!!
ลำแสงสีม่วงถูกปล่อยออกมาในระยะประชิดนางทำได้แค่ยกดาบโลหิตขึ้นมาป้องกันแค่นั้นนางคาดการณ์ไว้ว่า นางอาจจะบาดเจ็บซาหัสก็เป็นได้นางจึงรีดเค้นเลือดเพื่อส่งไปยังดาบโลหิต..ผ่านไปไม่กี่อึดใจนางเห็น เด็กหนุ่มผู้หนึ่งอายุไล่เลี่ยกัน เส้นผมสีดำมันวาว ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาสีแดงใส กำลังใช้แขน เปล่าๆ ตั้งรับการโจมตีไว้!!
มือเปล่า? หรือว่าเขาจะมีอาวุธพิเศษที่ใช้ป้องกัน ที่มือกัน? บ้าไปกันใหญ่แล้วแค่แขนข้างเดียวตั้งรับการโจมตีแบบนี้ได้ สัตว์ประหลาดชัดๆ
นางได้แต่คิดทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มตรงหน้าก็เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง…
” เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า? ข้าได้ยินเสียงการต่อสู้กันเลยรีบมาดูนึกว่าเป็นสหายของข้า..พอดีข้าพลัดหลงกับเพื่อนระหว่าทางนะ ฮ่าๆ ” เด็กหนุ่มที่เอ่ยขึ้นนั้นก็คือไป๋หลงนั้นเอง…ได้พลัดหลงกับอู้เฉียงและเว่ยเว่ยไปเสียแล้ว…
หลังจากกลุ่มควันหายไป หล่าผู้ชมเห็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าคิเมร่าตัวนั้น…ขณะนั้นเองเมื่อเห็นว่าเหยื่อของมันยังไม่ตายและมีแถมมีคนมาขัดขวางมัน ทำให้โทสะของมันพุ่งขึ้นไปอีก..คิเมร่าเตรียมจะโจมตีอีกรอบทันใดนั้นเอง เมื่อกลุ่มควันหายไป มันได้สบตากับไป๋หลงลึกลงไปภายในแววตาของไป๋หลง มีสัญลักษณ์ปีกสีดำทมิฬอยู่คู่หนึ่งหลับไหลอยู่!! เมื่อมันได้เห็น คิเมร่าตัวนั้นก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวเพียงได้มอง เหลือเพียงแค่…..
ความหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด!!!!