เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 1070
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 1070
พอได้ยินคำพูดของพ่อบ้าน เย่หรงยืนขึ้นด้วยความตกใจในทันที เขามั่นใจว่าหยางเฟิงต้องมาจัดการเขาแน่ แต่เขาไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ และคนของเขาจะทำอะไรไม่ได้เลยขนาดนี้
ที่นี่มีองครักษ์ตระกูลเย่หลายพันคนอยู่ องครักษ์พวกนั้นทำอะไรหยางเฟิงกับคนอื่นไม่ได้เลยหรือไงกัน
“แล้วหยางเฟิงล่ะ มันอยู่ที่ไหน”
เย่หรงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอำมหิต ท่าทางเขาต้องลงมือเองแล้ว
“หยางเฟิง…”
พอพูดได้แค่นี้ พ่อบ้านก็พูดไม่ออกแล้ว เขาไม่รู้จะพูดยังไงให้เจ้านายของเขาเข้าใจ
“ขอโทษด้วยนะ ท่านเจ้าบ้านตระกูลเย่ ผมผ่านประตูทางเดินเข้าห้องทำงานเข้ามาแล้วน่ะ”
เสียงขี้เล่นหยอกเย้าของหยางเฟิงดังขึ้นที่มุมหนึ่งของทางเดินหน้าห้องทำงาน เขาค่อย ๆ เดินออกจากมุมมืดมาให้เย่หรงได้เห็นเต็มตาว่าคนพูดคือหยางเฟิงจริงๆ
เป็นไปไม่ได้ หยางเฟิงทำได้ยังไงกัน
แน่นอนว่าเย่หรงตะลึง ตกใจ และพูดไม่ออก นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปทำได้ ยอดฝีมือที่คอยคุ้นกันเขาจำนวนหลายร้อยคนนอกห้องทำงานแห่งนี้ไม่ใช่ยอดฝีมือทั่วไประดับองค์รักษ์ตระกูลเย่ ฝีมืออยู่ระดับเหนือกว่าขั้นปรมาจารย์กันทุกคน
หยางเฟิงจัดการคนระดับนี้จำนวนขนาดนี้ได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ
เย่หรงกําหมัดแน่น เขาหันหลังกลับมาทางหน้าต่าง เดินไปเปิดประตูหน้าต่างมองออกไป ที่ตรงนั้นสามารถมองเห็นลานกว้างและทางเดินหลักได้
เมื่อเขามองออกไปเห็นองครักษ์หลายร้อยคนนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ด้านนอกห้องทำงานของเขา ที่มากไปกว่านั้นคือ เขาจำได้ว่าในบรรดาหลายร้อยร่างที่นอนอยู่นั้น นั่นคือร้อยยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ ยอดฝีมือระดับเหนือกว่าปรมาจารย์ที่เขาจัดเตรียมไว้
ไม่มีใครรอด ไม่มีเหลือเลยสักคนเดียว!
บัดซบเอ๊ย!
ทันมใดนั้น สีหน้าของเย่หรงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว
หยางเฟิงคนนี้ คนที่ทำได้ขนาดนี้…
ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
ยอดฝีมือระดับเหนือกว่าขั้นปรมาจารย์หลายร้อยคนยังหยุดเขาไม่ได้เลย!
ทันใดนั้น ร่างหนึ่งปรากฏออกมาเบื้องหลังเย่หรง เงาร่างนั้นตั้งท่าพร้อมต่อสู้เพื่อปกป้องเย่หรง แต่เย่หรงกลับยกมือขึ้นห้าม แล้วออกคำสั่งว่า
“ตอนนี้ อย่าเพิ่งออกมา พอมีโอกาสเมื่อไหร่ จัดการมันในท่าเดียวเลย!”
พอพูดจบ เย่หรงเดินตรงไปเปิดประตูห้องทำงานของเขาออก
ที่ด้านนอกประตู พ่อบ้านตระกูลเย่ยังคงยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น สีหน้าของเขาซีดเผือดอย่างรุนแรง ซีดเผือดจนดูไร้สีเลือดเพราะความกลัว ด้านหลังเขาคือหยางเฟิง คนที่บุกฝ่าเข้ามาถึงหน้าห้องทำงานนี้ได้โดยที่พ่อบ้านอย่างเขาไม่รู้ตัวเลย
หยางเฟิงมองเย่หรง ก่อนจะกล่าวทักทายว่า “สวัสดี ท่านประมุขตระกูลเย่ เราได้พบกันอีกแล้วนะครับ!”
หยางเฟิงยื่นมือออกมาแตะบ่าของพ่อบ้าน กล่าวอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนักว่า “นี่ ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของคุณแล้ว คุณรีบไปดีกว่าครับ”
พอได้ยินคำพูดนั้น พ่อบ้านก็รู้สึกราวกับนักโทษประหารบรนลานประหารที่รอดพ้นจากคำสั่งประหารมาได้ เขารีบวิ่งไปในทันทีด้วยความหวาดกลัว เขาเห็นกับตาตัวเองว่าหยางเฟิงจัดการองครักษ์ตระกูลเย่นอกห้องทำงานแห่งนี้ยังไง เขาเห็นชัดเจนว่าหยางเฟิงจัดการคนที่แข็งแกร่งระดับมหาปรมาจารย์อย่างไงบ้าง
ไม่ว่ายังไง เขาขอเอาตัวรอดจากตรงนี้ก่อน!
เย่หรงมองหยางเฟิงไม่กระพริบตา เขาพูดออกมาว่า “ให้ตาย หยางเฟิง ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะกล้ามาถึงตรงนี้ได้”
“เขาพูดกันว่า มารยาทต้องมาก่อน เมื่อแขกมาเยือน ก็ต้องเชิญแขกนั่งไม่ใช่เหรอครับ”
หยางเฟิงกล่าวตอบพลางหัวเราะในลำคอ เขาชอบสีหน้าของเย่หรงในตอนนี้เหลือเกิน
“เชิญ!”
เย่หรงไม่ได้กล่าวอะไรไร้สาระออกมา ทำเพียงแค่เชิญหยางเฟิงเข้าไปในห้องทำงานตามมารยาทเท่านั้น เขาหันหลังกลับ เดินนำหยางเฟิงเข้ามาที่มุมพูดคุยภายในในห้องทำงาน
ใบหน้าของหยางเฟิงไม่มีความกังวลใจใดๆ เขาทำราวกับตัวเองอยู่บ้าน และนี่เป็นแค่ห้องทำงานในบ้านเขาเท่านั้น
ดูจากสถานการณ์และท่าทางหยางเฟิงในตอนนี้แล้ว เย่หรงรู้สึกไม่ดีอย่างมาก เขากังวล ครุ่นคิดอย่างสับสน และพยายามรักษาท่าทางของประมุขตระกูลเย่ไปพร้อมกัน
เขาไม่รู้ว่าหยางเฟิงมั่นใจในฝีมือร้ายกาจของตัวเองจนเกินไป ไม่แยแสจนเกินไป หรือเตรียมตัวมาอย่างดีจนไม่กลัวอะไรทั้งนั้นเลย
หยางเฟิงเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก เย่หรงยอมรับในเรื่องนี้ เพราะไม่เพียงแต่หยางเฟิงจัดการกับสำนักหง เด็ดแขนเขาไปข้างหนึ่งแล้ว องค์รักษ์ชั้นยอดหลายร้อยที่เขาบ่มเพาะมาก็ไม่ใช่คู่มือของหยางเฟิงเลย
ด้วยฝีมือระดับนี้ เย่หรงเกรงว่าหยางเฟิงจะเป็นยอดฝีมือในระดับขั้นเปลี่ยนผ่านเทพเซียน!
หลังจากหยางเฟิงเข้ามาในห้องทำงานแล้ว เขาก็นั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางเอกเขนก ไม่สนใจไยดีในความสุภาพต่อเจ้าบ้านตามมารยาทเลย
เย่หรงมองหยางเฟิงด้วยความระแวดระวัง ก่อนจะถามออกไปว่า “หยางเฟิง แกต้องการจะทำอะไรกันแน่”
มีสำนวนโด่งดังในประเทศบ้านเกิดของพวกเขาว่า “คนดีไม่มา คนที่มาท่าทางไม่ดี” แน่นอนว่าหยางเฟิงมาคราวนี้ในเวลานี้ เข้ากับสำนวนบทนี้ชัดเจนเลย
“คุณมาจากสำนักยมบาลใช่ไหม”
หยางเฟิงไม่ได้พูดอะไรอ้อมค้อม เขาถามอย่างตรงไปตรงมาเลย
“แกพูดบ้าอะไรของแก ฉันไม่เคยได้ยินชื่อสำนักนี้เลย!”
พอได้ยินคำถามของหยางเฟิง สีหน้าของเย่หรงเปลี่ยนไปในพริบตา และเขารีบปฏิเสธทันที