เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 1097
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 1097
เรื่องเงิน เฟิงเมิ่งกรุ๊ปสามารถจ่ายได้แน่นอน ไม่มีปัญหาด้วยต่อให้ค่าเช่าขึ้นเป็นสามเท่า แต่เฟิงเมิ่งกรุ๊ปไม่มีวันยอมให้ใครเอาเปรียบและแบล็กเมล์กันแบบนี้ ต่อให้ต้องประสบปัญหามากแค่ไหน ก็ไม่มีทางยอมรับแน่นอน!
ดังนั้น สิ่งที่เทียนเฟยทำได้ในตอนนี้คือการรายงานเฟิ่มเมิ่งกรุ๊ปเท่านั้น เทียนเฟยจึงรีบกลับไปรายงานทันที
แล้วมันเป็นยังไงล่ะ
เมื่อเห็นเทียนเฟยหันหลังกลับเจ้าของบ้านก็หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่รีบร้อน สำหรับเจ้าของอาคารแล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหา ถ้าเฟิ่งเมิ่งกรุ๊ปไม่เช่า เดี๋ยวก็มีคนอื่นมาเช่า แต่สำหรับเฟิ่งเมิ่งกรุ๊ป ถ้าตอนนี้ไม่เข่า เดี๋ยวก็ต้องกลับมาเช่า เขาก็สามารถรีดไถเงินค่าเช่าเพิ่มได้อีก
ภายใต้คําสั่งของตระกูลหลี่ ไม่มีใครในสิงเตากล้าให้เทียนเฟยเช่าอาคารสำนักงาน ไม่มีใครกล้าหาเรื่องตระกูลหลี่โดยการให้เฟิ่งเมิ่งกรุ๊ปเช่าสินทรัพย์ของตนเอง เขาเชื่อว่าเทียนเฟยจะกลับมาหาเขาไม่ช้าก็เร็ว เมื่อถึงเวลานั้น ค่าเช่าจะไม่ใช่แค่สองเท่า เงื่อนไขการเช่าจะทวีความวุ่นวายขึ้นไปอีกแน่นอน
“ไม่เช่าเหรอ ได้ เมื่อคุณมาในครั้งต่อไป ค่าเช่าจะไม่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ผมจะขึ้นค่าเช่าโดยตรงเป็นสามเท่า!”
เทียนเฟยเดินออกจากอาคารสํานักงาน เขาโทรติดต่อหยางเฟิงและเล่าเรื่องทั้งหมดให้หยางเฟิงทราบ
“โอเค เข้าใจแล้ว”
หยางเฟิงตอบอย่างสบายๆ แล้ววางสายโทรศัพท์ แม้ว่าน้ําเสียงของเขาจะดูไม่รีบร้อนอะไร แต่เทียนเฟยก็สัมผัสได้ถึงร่องรอยความโกรธที่แฝงมาในน้ำเสียงนั้น
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาบ้าง หยางเฟิงเคยพูดไว้แล้วว่าถ้าเขาแก้ปัญหาไหนไม่ได้เอง หยางเฟิงจะช่วยเขาแก้ปัญหานั้นตามที่ควรจะเป็น
พอพูดถึงความสามารถของหยางเฟิงแล้ว เทียนเฟยรู้สึกมั่นใจและเบาใจขึ้นมาก ดูเหมือนว่าใครบางคนจะโชคร้าย แน่นอนว่าโชคร้ายหนักเลยล่ะ
ในขณะเดียวกันนี้เอง อีกด้านหนึ่ง
หยางเฟิงวางโทรศัพท์มือถือไว้ในมือและพูดกับไป๋หู่ที่ยืนข้างๆ เขาว่า “ไป๋หู่ ถึงตานายให้นายออกโรงแล้ว ไปจัดการเรื่องวุ่นๆ ให้จบซะ!”
“ครับ! ท่านจอมพล ผมทราบครับว่าต้องทําอะไร!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋หู่ก็แสดงความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขา เขามีความสุขที่สุดที่ได้มาต่างประเทศ
ในประเทศวุ่นวาย เต็มไปด้วยระเบียบมากมาย ต้องคอยระวังไม่ให้กระทบกระทั่งพวกคนใหญ่โตไร้ความสามารถทั้งหลายในนั้น แต่ที่นี่ไม่ใช่ ในเมื่อที่นี่ปกครองด้วยอิทธิพลมืด แสดงว่ากฎหมายอ่อนแอ บังคับคนไม่ได้มากนัก ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เล่นตามกฎหมาย เขาก็ไม่จําเป็นต้องถูกผูกมัดภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมายของที่นี่เช่นกัน ถ้าเจ้าของอาคารที่น่าขยะแขยงคนนี้กล้าปล้นตามไฟ กล้าฉวยโอกาสรีดไถพวกเขา มันก็ต้องกล้ารับผลที่ตามมาด้วย
ถ้าบังอาจแบล็กเมล์ท่านนายพลของเขาแบบนี้ มีแต่ความตายสถานเดียวรออยู่!
ขณะเดียวกัน
เจ้าของอาคารยังคงนั่งเอกเขนกอยู่ในอาคารสํานักงาน เขากำลังรอให้เทียนเฟยมาขอร้องเขาอย่างเชื่อฟังนอบน้อมอีกครั้ง เขามั่นใจมากว่าภายใต้อิทธิพลตระกูลหลี่ ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งตระกูลหลี่แน่นอน
ปัง!
ทันใดนั้นเอง ประตูไม้หนาหนักถูกเตะจนเปิดออกด้วยเท้า คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาข้างในห้องอย่างรวดเร็ว
เจ้าของบ้านถูกลากตัวออกจากเก้าอี้นวมสุดหรูของเขา ก่อนจะถูกยันลงมากองบนพื้นต่อหน้าไป๋หู่ คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับองครักษ์มังกรกลุ่มหนึ่ง
“แกเป็นใคร แกต้องการทําอะไร”
เมื่อเห็นไป๋หู่และคนอื่น ๆ เข้ามาด้วยท่าทางพร้อมมีเรื่อง ส่อแววว่าผู้มาเยือนไม่ได้ประสงค์ดีเลย เจ้าของอาคารก็ตะโกนเสียงดังทันทีด้วยความตกใจกลัว
“กูคือใครเหรอ กูมาจากเฟิงเมิ่งกรุ๊ปไง!”
ไป๋หู่ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระกับเจ้าของอาคารเลย เขาต้องการรีบทำให้จบเรื่องโดยไวที่สุด ยิ่งช้ายิ่งเสียเวลา เขาจึงไม่ลังเลใจในการใช้ความรุนแรงอย่างตรงไปตรงมา มือขวาของเขาคว้าเข้าที่คอ ยกเจ้าของบ้านขึ้นด้วยมือเดียว
“แกต้องการอะไร ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้!”
เจ้าของอาคารยังคงดิ้นรน พยายามกรีดร้องถึงจะแทบไม่มีเสียงออกมาเพราะมือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายบีบเค้นที่ลำคอของเขาอยู่ มือของไป๋หู่แข็งแรงเหมือนแหนบเหล็ก ทําให้เจ้าของบ้านไม่สามารถหลุดพ้นได้ ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ตาม!
“กูได้ยินมาว่ามึงไม่เต็มใจที่จะให้เฟิงเมิ่งกรุ๊ปเช่าอาคารสำนักงานของมึงใช่ไหม”
“กูได้ยินมาว่ามึงคือคนที่อยากยึดมัดจำค่าเช่าตึกของพวกกูใช่ไหม”
“ฉัน…”
เขาไม่รอให้เจ้าของบ้านพูดจบ มือซ้ายของไป๋หู่ก็ยกขึ้นตวัดใส่ใบหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
เพี๊ยะ!
เสียงตบหน้าดังก้องไปทั่วห้อง ไป๋หู่ตบหน้าเขาอย่างแรง แต่เขายังยั้งมืออยู่ไม่ให้ถึงตาย เพราะถ้าอีกฝ่ายตาย เขาก็จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้
“กูถามว่ามึงจะยอมให้เฟิงเมิ่งกรุ๊ปเช่าอาคารสำนักงานของมึงหรือยัง”
เจ้าของอาคารที่ถูกตบแก้มจนกลายเป็นสีแดงและบวม เจ้าของอาคารคนนั้นได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยท่าทางหวดกลัวและพยักหน้ารับเท่าที่ทำได้อย่างรวดเร็ว เขารู้สึกโกรธจนไม่กลัวตายขึ้นมาแล้ว!
เขากัดฟันพูดว่า “ฝันไปเถอะ ต่อให้พวกมึงจ่ายค่าเช่ากูสองเท่าของราคาแรกเริ่มที่ตกลงไว้ กูก็ไม่ให้พวกมึงเช่า ไม่มีใครกล้าให้เฟิงเมิ่งกรุ๊ปเช่าอาคารสำนักงานในสิงเตาหรอก ยกเว้นแต่มึงจะจ่ายค่าเช่าให้กูสิบเท่า!”
คราวนี้เจ้าของบ้านโกรธมาก เดิมทีเขาต้องการขึ้นราคาค่าเช่าที่ดินและอาคารสำนักงานของเขา รีดไถเฟิงเมิ่งกรุ๊ปอย่างช้าๆ โดยไม่ปรานีและกรงใจอีกฝ่ายแต่อย่างใด รีดไถจนอีกฝ่ายต้องยอมแพ้ แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่า ไป๋หู่ตรงเข้ามาตบหน้าเขาโดยไม่พูดอะไรสักคํา ไม่แม้แต่จะพูดอะไรไร้สาระเลยสักคำเดียว
ถ้าเกิดเป็นคนแล้วไม่ล้างแค้นอัปยศแบบนี้ อย่าเรียกตัวเองเป็นคนเลยดีกว่า!
เขาไม่เพียงแต่ต้องการเพิ่มค่าเช่า แต่เขายังต้องการเพิ่มค่าเช่าเป็นสิบเท่าเมื่อเทียบกับราคาแรกเริ่มที่บอกเทียนเฟยไว้ด้วย และเขาสาบานเลยว่า เขาจะทำให้เรื่องต่างๆ วุ่นวายจนเฟิงเมิ่งกรุ๊ปตั้งสำนักงานสาขาอยู่ในอาคารของเขาไม่ได้เลย
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
……
คราวนี้ไป๋หู่ไม่พูดจาอะไรแต่อย่างใด เขาอาศัยกำลังและหลักจิตวิทยาในการลงมือ เพียงแค่ตบหน้าซ้ายขวาด้วยมือซ้ายไปเรื่อยๆ เป็นจังหวะเวลาตามที่เขานับในใจ ใช้มือขวาบีบคอไว้ไม่ให้ต่อต้าน และรักษาระดับตำแหน่งที่มือซ้ายของเขาตบที่ใบหน้าอีกฝ่ายอยู่ในระดับเดิมในทุกครั้งที่ลงมือตบ
เพียงแค่ตบไปไม่กี่สิบที ท่าทางของเจ้าของอาคารก็หมดสภาพดิ้นรนต่อต้านแล้ว ใบหน้าของอีกฝ่ายบวมช้ำราวกับหัวหมู สีแดงก่ำและแผลเลือดซิบบนใบหน้าแสดงถึงร่องรอยการตบที่ไป๋หู่ยั้งมือและกะน้ำหนักมือในการตบแต่ละครั้งแล้ว
“พอแล้ว ขอร้องล่ะ จะเอาอะไร เอาไปได้เลยครับ ผมยังไม่อยากตาย”
เจ้าของอาคารขอร้องอย่างขมขื่นด้วยน้ำเสียงและท่าทีตะกุกตะกัก เขาถูกตบหน้าต่อเนื่องจนนับไม่ได้ว่ากี่ที เขารู้สึกเจ็บแสบไปทั่วทั้งใบหน้า ที่คอก็หายใจแทบไม่ออก ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ปรานี เขาคงถูกบีบคอตายไปนานแล้ว
ไป๋หู่มองไปที่เจ้าของอาคารที่อยู่ในสภาพน่าสังเวชและเยาะเย้ย “หน้าหนาจริงๆ ตบหน้าติดกันขนาดนั้นแล้วยังมีแผลแค่นี้ บวมแดงแค่นี้ ตอนแรกปากดี ตอนนี้อ้อนวอนขอความเมตตา”
“คราวนี้ กูจะใมห้โอกาสมึงนะ แต่ถ้ามึงเล่นไม่ซื่อ คิดจะขึ้นค่าเช่าสิบเท่าจริงๆ ล่ะก็ มาดูกันว่ากูจะเล่นมึงยังไงบ้าง มาดูกันว่ามึงจะโดนกูเล่นถึงตายไหม”