เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 1098
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 1098
เมื่อได้ยินคําพูดของไป๋หู่ เจ้าของอาคารก็หลั่งน้ําตาออกมาทันที เขาแค่ต้องการหาเงินเพิ่มอีกนิด และคนตรงหน้านี้กําลังขุ่มขู่หมายชีวิตของเขา!
ไป๋หู่ยิ้มเยาะอย่างเย็นชาและถามว่า “กูจะถามมึงเป็นครั้งสุดท้าย มึงต้องการยินยอมให้เฟิงเมิ่งกรุ๊ปเช่าอาคารสำนักงานของมึงหรือไม่”
“ชะ… เช่า ยะ… ยิมยอม… ยินยอมให้เช่าอาคารสำนักงานของผมครับ!”
ในขณะนี้เจ้าของบ้านไม่กล้าที่จะวางท่าแข็งข้อใดๆ เลย เขาโดนตบหน้าจนแทบประคองสติไว้ไม่ได้ ความถือดีและความตั้งใจจะแก้แค้นของเขานั้นหายไปตั้งแต่โดนตบจนไม่รู้เหนือใต้เป็นสิบทีแล้ว เขาไม่กล้ากระทั่งพูดจารุนแรงด้วยซ้ำ
คนผู้นี้ดูโหดเหี้ยมมากในแวบแรก และดูอารมณ์รุนแรงยิ่งกว่าเขา ดูจิตวิปริตยิ่งกว่าเขา คนอย่างเขาไม่มีทางและไม่มีวันต่อกรกับคนผู้นี้ได้แน่นอน
สัญชาตญาณของเจ้าของอาคารกรีดร้องว่า ถ้าขืนเขาไม่ตกลงที่ให้กับเฟิงเมิ่งกรุ๊ปเช่าอาคารสำนักงานของเขา เขาต้องถูกจับฉีกเป็นชิ้นๆ ตายอย่างทรมานแน่นอน
เมื่อเห็นว่าเจ้าของอาคารยอมแพ้อย่างง่ายดาย ดวงตาของไป๋หู่ก็กรอกกลิ้งไปมาทันที เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะรอให้เรื่องราวมาถึงจุดนี้ก่อนจะเดินเกมตามเป้าหมายต่อไป ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ออมมือกับคนน่าขยะแขยงแบบนี้มาถึงตอนนี้หรอก
เขายิ้มและพูดว่า “ฮ่า ฮ่า กูเปลี่ยนใจแล้ว กูไม่ได้อยากเช่าอาคารสํานักงานของมึงแล้ว แต่กูต้องการซื้ออาคารสํานักงานของมึงแทน ราคาเท่าไหร่ ว่ามาเลย”
อะไรนะ!
พอได้ยินสิ่งนี้ เจ้าของอาคารกลายเป็นใบ้อย่างสมบูรณ์ เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะลงเอยในรูปแบบนี้ หลังจากรู้ตัวและดึงสติกลับมาได้ เขาก็ตะโกนทันที
“ไม่ อย่าทําผมเลยครับ ขอร้องล่ะ ผมล่วงเกินตระกูลหลี่มากพอแล้วที่ให้พวกคุณเช่าอาคารสำนักงานของผม ถ้าผมขายอาคารสํานักงานของผมให้พวกคุณอีก ตระกูลหลี่จะไม่มีทางปรานีผมแน่นอนครับ ไว้ชีวิตผมเถอะ!”
อิทธิพลของตระกูลหลี่ในสิงเตามีมากเกินไป ตระกูลหลี่ในสิงเตาเปรียบเหมือนผู้ปกครองนอกกฎหมายของที่แห่งนี้ การปล่อยเช่าอาคารสำนักงานให้เฟิงเมิ่งกรุ๊ปถือเป็นการละเมิดคําสั่งห้ามของตระกูลหลี่ เป็นความเสี่ยงมากพออยู่แล้ว เขากล้าที่จะเสี่ยงระดับนี้เพราะญาติของเขาทำงานให้ตระกูลหลี่ โทษจึงไม่น่าจะหนักมากนัก
แต่ถ้าเขาขายอาคารสํานักงานให้กับเฟิงเมิ่งกรุ๊ป ตระกูลหลี่ต้องลงโทษเขาแน่นอน!
“ไม่ขายเรอะ” ไป๋หู่เหล่ตามอง ท่าทางอันตรายแฝงเร้นในดวงตาราวกับเสือที่มองเหยื่ออันโอชะ “งั้นกูจะเล่นงานมึงจนกว่ามึงจะยอมขาย!”
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
……
เสียงตบนั้นดังขึ้นต่อเนื่องอีกครั้ง
ไป่หูตบเขาอีกหลายสิบครั้ง เขาอาศัยหลักการเดิม ตำแหน่งตบตำแหน่งเดิม น้ำหนักการลงมือเหมือนเดิม จังหวะเวลาในการตบเท่าเดิม ท่าทางคนตบเหมือนเดิม ท่าทางคนถูกตบเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคือความรู้สึกของคนโดนตบหน้า
หลังการตบหลายอีกหลายสิบตีตามจังหวะเวลาที่กำหนดไว้ในใจของไป๋หู่ เขาก้มลงมองเจ้าของอาคารที่หมดสภาพไปแล้ว และถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ขายได้หรือยัง”
“ขาย! ผมขายแล้วครับ! ผมยอมขายแล้วครับ”
ในเวลานี้ เจ้าของอาคารถูกไป๋หู่ตบหน้าจนสติกระทบกระเทือน ปากเต็มไปด้วยเลือด ความหวาดกลัวของเขาเข้าครอบงำความรู้สึกทั้งปวง รวมถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นด้วย
หากไป๋หู่ลงมือหนักขึ้น เจ้าของอาคารจะถูกทุบตีจนตายแน่นอน ในตอนนี้ ความคิดทั้งหมดในหัวของเจ้าของอาคารคือการหนีไปให้พ้นจากไป๋หู่ให้ไวที่สุด
ใครจะอยากถูกปีศาจบ้าเลือดฆ่าตายตอนนี้กัน!
ถ้าเขาขายอาคารสำนักงานให้เฟิ่งเมิ่งกรุ๊ป เขาอาจจะหลบหนีอิทธิพลของตระกูลหลี่ไปที่อื่นได้ แต่ถ้าเขาไม่ได้ขายอาคารสํานักงานให้กับเฟิงเมิ่งกรุ๊ป เขาอาจจะตายที่นี่ในวันนี้เลย!
“ฉลาดมาก แค่ขายก็พอแล้ว!”
ไป๋หู่ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา เขาสั่งให้คนที่มาด้วยหยิบเอาสัญญาออกจากกระเป๋าเอกสารของเขา จากนั้นไป๋หู่โยนเอกสารการขายอาคารลงไปตรงหน้าเจ้าของอาคาร แล้วรีบพูดว่า “เอ้า รีบเซ็นสัญญาซะ”
เจ้าของบ้านหยิบสัญญาขึ้นมาและเหลือบมองมันและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ ท่าทางอีกฝ่ายเตรียมตัวมาอย่างดี เอาเอกสารทุกอย่างที่ต้องใช้มาพร้อมเลย!
โชคดีสำหรับเจ้าของอาคารที่ไป๋หู่ไม่ได้ใจดําเกินไปและราคาที่เขาให้ก็ไม่เลว
อันที่จริง ไป่หู่ก็เป็นคนมีเหตุผลเช่นกัน หากเจ้าของบ้านไม่ได้แบล็กเมล์เขาก่อน เขาคงไม่ได้ทำอะไรรุนแรงนัก แค่รีดไถอาคารสำนักงานแห่งนี้มาอยู่ในมือของเฟิ่งเมิ่งกรุ๊ป เท่านี้ก็เป็นบทลงโทษหนักพอแล้ว!
ในท้ายที่สุดเจ้าของอาคารสามารถเซ็นชื่อของเขาลงไปในเอกสารซื้อขายอาคารสำนักงานด้วยน้ำตาคลอเบ้าเท่านั้น เขารู้ดีว่าเขาจบสิ้นแล้วในสิงเตา แต่เขายังไม่ตาย และเริ่มต้นใหม่ที่อื่นได้
หลังจากได้รับสัญญา ไป๋หู่ก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาหันไปเหลือบมองเจ้าของอาคาร ก่อนจะหยิบบัตรเครดิตใบหนึ่งออกจากกระเป๋าเอกสารของเขาแล้วโยนมันลงไปและพูดเบา ๆ ว่า “แกออกไปได้แล้ว!”
เจ้าของอาคารหยิบบัตรเครดิตธนาคารขึ้นมา เขาไม่กล้าพูดอะไรสักคําและรีบวิ่งหนีไปราวกับว่าเขาได้รับการอภัยโทษจากโทษประหาร ราวกับต้องการหนีปีศาจตรงหน้าไปให้ไกลที่สุด!
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ไป๋หู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ และพูดว่า “ต่างประเทศดีกว่าในประเทศ จากนี้ไป ใครก็ตามที่กล้าไม่เชื่อฟังท่านจอมพล ฉันจะเล่นงานให้ยับจนกว่าจะยอมเลย!”
เมื่อไป๋หู่อยู่ในประเทศ ถึงเขาจะแสดงท่าทางโอหัง ทำท่าทางสะกดข่มคนอื่นมากมายแค่ไหน แต่เขาก็ต้องกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลทางสังคมบางอย่างเสมอ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อท่านจอมพลของเขา
แต่การมาที่สิงเตาแห่งนี้ เรื่องพวกนี้ไม่จําเป็นเลย สิงเตาอยู่นอกเขตปกครองประเทศ เขาจึงทําอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ ในความเป็นจริง ไป๋หู่สามารถแย่งอาคารสํานักงานนี้จากเจ้าของอาคารได้โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท
ต่อให้เขาจะทําเช่นนั้น เจ้าของอาคารก็ไม่กล้าทำอะไรแม้แต่ผายลม แต่ไป่หูไม่ได้ทําอย่างนั้น ยังไงเสีย เขาก็เป็นนักรบและไม่ใช่โจร เขามีหลักการของตัวเองในรูปแบบพฤติกรรมดุดันของเขา