เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 12 ตบหน้าโจวห้าว
หยางเฟิงไม่รู้ว่าคนตระกูลหลัน ไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากไหน
พวกเขาคิดได้อย่างไรว่าบัตรเชิญใบนี้หม่าตงมอบให้แก่โจวห้าว
อาศัยที่โจวห้าวไม่รู้จักอายอย่างนั้นหรือ ?
โจวห้าวพูดขึ้นด้วยความโมโห : “หยางเฟิง นายเองไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาเสียบ้าง คนอย่างนาย คุณหม่าจะนำบัตรเชิญมามอบให้อย่างนั้นหรือ ?”
หลันเจิ้นเองก็พูดด้วยสีหน้าโกรธเคือง : “หลันซิน ดูลูกเขยของพวกเธอสิ เป็นพวกเสียไม่ดีจริง ๆ ด้วย รีบพากลับไปได้แล้ว ต่อไปตระกูลหลันของเราไม่ต้อนรับเขาอีก !”
โจวห้าวเดินเข้าไปหาเฉินเฟิง ยื่นมือออกไปแล้วพูดว่า : “หยางเฟิง อบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ที่เศรษฐีหม่ามอบให้ฉัน คืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
เผียะ !
เสียงดังสนั่น ใบหน้าของโจวห้าวบวมเป่งขึ้นทันที
หยางเฟิงพูดด้วยสีหน้าดูถูก : “ฉันไว้หน้านายแต่นายไม่ต้องการใช่ไหม ?”
เมื่อถูกตบเข้าไปหนึ่งฉาด โจวห้าวก็ตกตะลึงในทันที
แต่ไม่เพียงโจวห้าวที่ตกตะลึงเท่านั้น ทุกคนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
ไม่มีใครคาดคิดว่าหยางเฟิงจะกล้าตบโจวห้าว
“หยางเฟิง แกตายแน่ !”
เมื่อตั้งสติได้ โจวห้าวก็รู้สึกโมโหทันที เขาคิดจะพุ่งเข้าต่อสู้อย่างสุดกำลังกับหยางเฟิง
หยางเฟิงแสยะยิ้มหันมองโจวห้าว แล้วพูดว่า : “ทำไม นายอยากตายหรืออย่างไร ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฟิง โจวห้าวก็หยุดนิ่งในทันที
ในสายตาของโจวห้าว หยางเฟิงก็เป็นแค่คนบ้า
อีกทั้งยังเป็นคนบ้าที่ใช้กำลังอีกด้วย !
ทุกคนต่างรู้ดีว่า คนสติไม่ดีฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย
หากทำให้หยางเฟิงโกรธขึ้นมา จนเกิดอันตรายแก่ชีวิตของตนเอง เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าตนเองโชคร้ายหรอกหรือ ?
โจวห้าวทำเสียงฟึดฟัดแล้วพูดว่า : “ หึ หยางเฟิง ฉันเป็นถึงคนใหญ่คนโต จะไม่ถือสาลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลอย่างนายหรอกนะ”
“หยางเฟิง แกกล้าตบสามีฉัน แกอยากตายหรือไง !”
“หยางเฟิง แกเป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูล แต่กล้าตบลูกเขยของฉัน แกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใชไหม ?”
หลังจากเห็นโจวห้าวถูกตบหน้า หลันเฟิงและหลันจื่อสองพ่อลูกก็โกรธจนหน้าแดง
หยางเฟิงตบหน้าโจวห้าว ก็เท่ากับตบหน้าพวกเขาเช่นกัน
หลันเจิ้นพูดด้วยความโมโหยิ่งขึ้น : “หนางเฟิง แกไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ ตระกูลหลันของเราไม่ต้อนรับแก”
ตระกูลโจวกำลังจะกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง ต่อไปตระกูลหลันต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากตระกูลโจว
หยางเฟิงตบหน้าโจวห้าวเช่นนี้ ถ้าหากโจวห้าวไม่พอใจตระกูลหลันขึ้นมาจะทำเช่นไร ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลันเจิ้นก็นึกโกรธขึ้นในใจทันที
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการกล่าวโทษหยางเฟิงจากทุกคน ในที่สุดเย่เมิ่งเหยียนก็ไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป
“คุณตาคะ หยางเฟิงเองก็เป็นหลานเขยของคุณตา แต่หลังจากที่เขามาถึง ทุกคนก็เอาแต่ดูถูกเยาะเย้ยเขา”
“โจวห้าวคอยหาเรื่องหยางเฟิงอยู่ตลอด หยางเฟิงจึงตบหน้าเขาอย่างอดไม่ได้ แต่ทุกคนกลับกล่าวโทษหยางเฟิง”
“คุณตาคะ คุณตาลำเอียงจริง ๆ ไม่มีใครเห็นครอบครัวของเราเป็นคนของตระกูลหลันเลยสักคน”
ขณะที่พูด เย่เมิ่งเหยียนก็ร้องไห้ออกมา
งานเลี้ยงครอบครัวในคืนนี้ ครอบครัวของเย่เมิ่งเหยียนรู้สึกคับข้องใจอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เมิ่งเหยียน ดวงตาของหลันซินและเย่ไห่ก็แดงก่ำ
หลันเจิ้นสีหน้าเรียบเฉย และส่งเสียงฟึดฟัดออกมา
หยางเฟิงเดินเข้าไปกอดเย่เมิ่งเหยียน แล้วพูดด้วยความสงสาร : “เด็กโง่ ไม่ต้องร้องนะ คนพวกนี้ไม่คู่ควรให้คุณโมโห”
“หยางเฟิง พวกเราไปกันเถอะ !”
เย่เมิ่งเหยียนส่ายหัว เธอรู้สึกผิดหวังกับตระกูลหลันอย่างถึงที่สุดแล้ว
เมื่อเดินออกจากประตูของคฤหาสน์ตระกูลหลัน
เย่เมิ่งเหยียนหันมองหยางเฟิงแล้วถามว่า : “หยางเฟิง บัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ใบนั้น เศรษฐีหม่ามอบให้คุณจริงหรือ ?”
เมื่อเห็นว่าเย่เมิ่งเหยียนไม่เชื่อตนเอง หยางเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “เมิ่งเหยียน ผมเป็นสามีของคุณนะ คนอื่นไม่เชื่อผมก็ไม่เป็นไร ทำไมแม้แต่คุณเองก็ไม่เชื่อผมล่ะ ?”
หยางเฟิงรู้สึกจนใจจริง ๆ ตนเองพูดเรื่องจริง กลับไม่มีใครเชื่อสักคน แม้กระทั่งภรรยาของตนเองก็ไม่เชื่อ หรือพูดความจริงตอนนี้จะสายไปเสียแล้ว ?
เย่เมิ่งเหยียนใจอ่อนทันที เธอพยักหน้าแล้วพูดว่า : “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะยอมเชื่อคุณเป็นครั้งสุดท้าย หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ฉันต้องผิดหวังอีกแล้ว”
พูดจบ เย่เมิ่งเหยียนก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในตระกูลหลัน
หยางเฟิงไม่ได้เข้าไปในทันที แต่กลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
“เสือขาว งานเลี้ยงเจ็ดวันหลังจากนี้ ฉันจะไปเข้าร่วม นายช่วยเตรียมการให้ฉันหน่อย”
“ถึงตอนนั้น อาจจะมีพวกสวะบางคนไปเข้าร่วมงานเลี้ยง ถึงตอนนั้นนายจัดการให้ฉันด้วย……”
“อีกเรื่อง นายช่วยฉันติดต่อโรงพยาบาลตี้อีตงไห่ด้วย พรุ่งนี้ฉันจะพาลูกสาวไปผ่าตัด”
“แล้วก็ ช่วยฉันหาบ้านที่ดีที่สุดในตงไห่สักหลัง ฉันกับภรรยาและลูกสาวจะพักอยู่ในห้องใต้ดินได้อย่างไร ? พ่อตาแม่ยายของฉันจะมัวแต่พึ่งพาอาศัยผู้อื่นให้โดนดูถูกได้อย่างไร ?”
“ท่านแม่ทัพ ผมจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้ !”
จากนั้น หยางเฟิงก็กดวางสาย
……
งานเลี้ยงครอบครัวตระกูลหลันสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว
ถึงเวลาที่ต้องกลับ จู่ ๆ หลันเจิ้นก็พูดขึ้นว่า : “โจวห้าว คืนนี้นายกับหลันจื่อพักที่ตระกูลหลันสิ”
โจวห้าวพูดด้วยความยินดี : “ขอบคุณครับคุณปู่ !”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลันซินก็รีบพูดว่า : “คุณพ่อคะ หากพวกโจวห้าวพักที่ตระกูลหลัน แล้วพวกเราจะไปพักที่ไหนละคะ ?”
ตั้งแต่ที่ครอบครัวของเย่ไห่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่ พวกเขาก็พักอยู่ที่ตระกูลหลันมาตลอด
ห้องพักในตระกูลหลันมีจำกัด ตอนนี้โจวห้าวกับหลันจื่อจะพักที่ตระกูลหลัน นั่นไม่เท่ากับว่าพวกเขาไม่มีที่พักหรอกหรือ ?”
หลันเจิ้นหนัมองครอบครัวของหลันซิน แล้วขมวดคิ้วด้วยท่าทีรังเกียจ
“ครอบครัวของพวกแกไปพักที่บ้านหลังเก่าเถอะ เจ้าบ้าหยางเฟิงนั่น ถ้าพักในตระกูลหลันแล้วเกิดอาละวาดขึ้นมาจะทำอย่างไร ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลันเจิ้น หลันซินก็ดวงตาแดงก่ำทันที
บ้านเก่าของตระกูลหลัน ไม่มีใครพักมากว่าสิบปีแล้ว ทั้งผุพังทั้งเก่า ไม่ใช่ที่ที่จะให้คนพักอาศัยได้
หลันซินคิดจะพูดบางอย่าง แต่เย่ไห่ดึงเธอไว้แล้วพูดว่า : “ช่างเถอะ พวกเรากลับไปพักที่บ้านเก่าของตระกูลหลันกัน !”
เย่ไห่รู้ดีว่า ครอบครัวของพวกเขา ในสายตาของตระกูลหลันก็เป็นเพียงแค่คนนอก ลูกเขยตระกูลหลันอย่างตนเอง ไม่มีฐานะอะไรทั้งสิ้น
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่ไห่ก็อดไม่ได้ที่จะหันมองหยางเฟิง ทั้งสองต่างเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลเหมือนกัน ต่างมีความทุกข์แบบเดียวกัน !
โจวห้าวหันมองหยางเฟิงแล้วยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ : “หยางเฟิง คืนพรุ่งนี้อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะ ถึงตอนนั้นหากเข้าไปไม่ได้ อย่าพูดว่านายรู้จักฉันเด็ดขาด ฉันไม่อยากขายหน้า”
หยางเฟิงแสยะยิ้มแล้วพูดว่า : “อย่างนั้นหรือ ? ประโยคนี้ฉันควรพูดกับนายมากกว่า ถึงตอนนั้นหากนายเข้าไปไม่ได้ อย่าบอกว่ารู้จักกับฉันเด็ดขาด”
เชอะ !
สำหรับคำพูดของหยางเฟิง โจวห้าวไม่เก็บเอามาใส่ใจเลยสักนิด
คำพูดของคนสติไม่ดี ไม่มีใครเชื่อสักนิด
ครอบครัวของหลันซินเดินออกจากตระกูลหลัน ทุกคนต่างมีสีหน้าหม่นหมอง
ในที่สุดหลันซินก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีก
“หยางเฟิง เป็นเพราะแกคนเดียว หากไม่ใช่เพราะแก คืนนี้ครอบครัวของเราคงไม่กลายเป็นตัวตลก”
“หากไม่ใช่เพราะแก ครอบครัวของเราคงไม่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่ ตอนนี้แม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็ไม่มี”
“แกมันเป็นตัวซวยชัด ๆ ในเมื่อแกจากไปแล้ว ยังจะกลับมาอีกทำไม ? หรือชาติก่อนพวกเราติดค้างแกเอาไว้ ? แกไสหัวไปเดี๋ยวนี้ !”