เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 139
จ้าวหวูจี๋ล้มกองลงบนพื้น เงยหัวขึ้นมา มองดูเสือขาวด้วยสีหน้าไม่คาดคิด
ในสายตาของเขา เสือขาวเป็นเหมือนอย่างคนบ้าคนหนึ่ง
เหมือนอย่างกับไม่เคยเหน็ดเหนื่อย
ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งฮึกเหิม
นี่เป็นคนแปลกประหลาดอะไรกันแน่?
เสือขาวจ้องมองดูจ้าวหวูจี๋ พูดขึ้นอย่างผยองว่า “มา มาอีก ผมยังไม่สะใจเลย”
ได้ยินแบบนี้
ในใจจ้าวหวูจี๋เกิดความหวาดกลัว
เขาเป็นปรมาจารย์ครึ่งขั้น เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักปาจี๋ เป็นนักสู้อันดับหนึ่งของมณฑลเจียงหนาน
แต่อยู่ตรงหน้าเสือขาว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้
หยางเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ พร้อมพูดอย่างใจร้อนว่า “เสือขาว รีบหน่อย ผมยังต้องรีบกลับไปทานข้าวกับภรรยา?”
ตอนนี้ก็สิบเอ็ดโมงแล้ว รอรับกลับไปถึงตงไห่ก็จะเลยเวลาทานข้าวแล้ว
เสือขาวไม่กล้าชักช้า
ถ่วงเวลาท่านแม่ทัพทานข้าวกับภรรยา ถือเป็นโทษอย่างหนัก
“ตาย”
เสือขาวจ้องมองดูจ้าวหวูจี๋ แล้วตะโกนพูดขึ้น
จากนั้นต่อยพุ่งไปหมัด พร้อมพลังที่รุนแรง
หมัดนี้ ทรงพลังอย่างมาก
มีเสียงแตกหักเป็นเสี่ยงๆดังขึ้นในอากาศ
จ้าวหวูจี๋เห็นแล้วก็ตกตะลึง เขาไม่ได้หยิ่งผยองแม้แต่น้อย
“หมัดปาจี๋”
เสียงตะโกนดัง
แล้วจ้าวหวูจี๋ก็พุ่งออกไป
บูม
ทันใดนั้น หมัดของทั้งสองกระทบกัน
ปัง
จ้าวหวูจี๋กระเด็นบินลอยออกไป
ชนถูกเสาอันหนึ่งของห้องโถง
เสาทั้งเสาพังทลายถล่มลงมา
ร่างกายจ้าวหวูจี๋ไถลกองบนพื้น
อั๊ก
เขากระอักออกมาเป็นเลือด
เสื้อผ้าบนกายเปื้อนไปด้วยเลือด
เครื่องในทั้งหมดแตกหัก
จ้าวหวูจี๋เงยหน้าขึ้น จ้องมองดูหยางเฟิง พร้อมถามขึ้นด้วยสีหน้าย่ำแย่ว่า “พวกคุณเป็นใครกันแน่?”
หยางเฟิงโยนบุหรี่ในมือทิ้งไป เดินเข้าไปหาอย่างเชื่องช้า
จ้องมองจ้าวหวูจี๋จากที่สูง พร้อมพูดขึ้นว่า “จ้าวหวูจี๋ คุณเป็นหัวหน้าสำนักสำนักปาจี๋มาสามสิบปี สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว รัศมีร้อยลี้ถูกคุณทำให้บรรยากาศเลวร้าย ประชาชนเดือดร้อนเป็นทุกข์ วันนี้คุณตายไป ล้วนเป็นเพราะหาเรื่องใส่ตัว”
ได้ยินคำพูดของหยางเฟิง จ้าวหวูจี๋เงียบไม่พูดไม่จา
เมื่อสามสิบปีก่อน เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักสำนักปาจี๋ กระหยิ่มใจอย่างที่สุด
เห็นว่าตนเองอยู่สูงกว่าคนอื่น เห็นประชาชนธรรมดาเป็นเหมือนอย่างมด
ปล่อยให้ศิษย์สำนักปาจี๋กดขี่ข่มเหง กระทำเรื่องชั่วมากมาย
วันนี้คิดไม่ถึงว่า เวรกรรมตามมาสนองแล้ว
“ส่วนผมเป็นใคร……”
หยางเฟิงหันหน้าเดินไป อย่างไม่หันกลับมาอีก
“เทพมรณะมาเยือน ทุกชาติยอมจำนน”
“เทพมรณะมาเยือน ทุกชาติยอมจำนน”
“เทพมรณะมาเยือน ทุกชาติยอมจำนน”
……
นักสู้สำนักเทพมรณะทั้งหมด มองดูหยางเฟิงจากไปด้วยสานตาเร้าร้อน
นี่คือเทพในใจของพวกเขา
“เทพมรณะ? คุณคือแม่ทัพเทพมรณะ”
ทันใดนั้น จ้าวหวูจี๋จ้องมองแผ่นหลังหยางเฟิงแล้วตะโกนพูดขึ้น
ตามที่ได้ยินมา เมื่อหลายเดือนก่อน แม่ทัพเทพมรณะมาเยือนตงไห่
แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็น
จ้าวหวูจี๋นึกว่าเป็นคำร่ำลือ
แต่คิดไม่ถึงว่า
ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นแม่ทัพเทพมรณะในตำนาน
“เทพมรณะมาเยือน ทุกชาติยอมจำนน….”
จ้าวหวูจี๋หัวเราะอย่างน่าสังเวชพร้อมพึมพำพูดคนเดียว
แม่ทัพเทพมรณะ เสาหลักแห่งอาณาจักร คนเดียวหนึ่งประเทศ เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม
มีเขาอยู่ ศัตรูไม่กล้าละเมิดพรมแดน
มีเขาอยู่ ต้าเซี่ยไม่ต้องเป็นกังวล
“วันนี้ตายอยู่ในมือแม่ทัพเทพมรณะ ผมจ้าวหวูจี๋ตายอย่างไม่เสียใจ”
อั๊ก
กระอักเลือดออกมา
จ้าวหวูจี๋เอียงหัว ดวงตาทั้งคู่ค่อยหลับลง……
อีกวันหนึ่ง
ชาวบ้านในพื้นที่ที่ไปตัดฟืนบนเทือกเขาหยุนเมิ่ง เห็นสำนักปาจี๋ก็เคยคึกคักเงียบสงบ
ด้วยความแปลกประหลาดใจ จึงเข้าไปดู
แล้วก็เห็น สนามสำนักปาจี๋เกลื่อนกลาดไปด้วยศพ
ศิษย์สำนักปาจี๋ ที่เคยตั้งตนสูงส่ง วางอำนาจบาตรใหญ่ล้วนกลายเป็นศพจนหมด
โดยเฉพาะหัวหน้าสำนักสำนักปาจี๋จ้าวหวูจี๋ พิงอยู่ข้างเสาที่หักพังแล้ว ดวงตาทั้งคู่เหลือกโต ราวกับก่อนตาย มองเห็นภาพที่น่าสะพรึงกลัว