เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 164
คิดว่าจะทำลายก็ทำลายอย่างงั้นหรอ?
ในช่วงเวลานี้
เฉ่าซือไห่มองตรงไปที่หยางเฟิงด้วยสายตาอาฆาต
หากข้าไม่ฆ่ามัน แก๊งเขียวก็ไม่มีวันที่จะได้อยู่อย่างสงบสุข
ไม่สำคัญว่าหยางเฟิงนั้นตัวตนจริงจะเป็นใครมาจากไหน
ไม่สำคัญที่ว่าทำไมเจ้าสำนักหง และหัวหน้าเหล่าบรรดาสี่ตระกูลใหญ่ต้องเคารพนับถือเจ้า?
คิดว่าจะทำลายแก๊งเขียว?
ไม่ว่าจะเป็นใครใหญ่มาจากไหนก็ไม่ได้!
“จำไว้ เจ้ามีเวลาแค่สามวัน“
“ภายในระยะเวลาสามวัน หากเจ้าไม่สามารถทำลายแก๊งเขียวได่ละก็”
“สำนักหง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อไปบนโลกนี้แล้วล่ะ”
หยางเฟิงไม่ได้ให้ความสนใจกับเฉ่าซือไห่เท่าไหร่นัก แต่ทว่ากับมองไปที่เฉินตงด้วยสายตาเย็นชา
หยาดเหงื่อที่ไหลรินจากหน้าผากของเฉินตงที่หลังไหลลงมา
ถ้าทำลายแก๊งเขียวไม่ได้ ถ้าอย่างงั้นสำนักหงก็ไม่ควรที่จะอยู่ต่อไป?
ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
พอได้ยินถึงคำนี้
เฉินตงไม่ได้มีความสงสัยอะไรในคำพูดจริงของหยางเฟิงเลย
เขาได้รีบร้อนพูดถามอย่างเคารพ “ขอความกรุณาให้คุณหยางไว้วางใจ ภายในระยะเวลาสามวัน ข้าจะทำลายแก๊งเขียวให้ได้”
หยางเฟิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่หันหน้าไปหาเย่เมิ่งเหยียนพร้อมทั้งถามด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ที่รัก กินอิ่มหรือยังล่ะ”
เมื่อหนึ่งนาทีก่อน ยังเป็นจอมร้ายที่น่ากลัว
แต่ทว่านาทีนี้ กลับกลายเป็นคนที่รักเมียสะอย่างงั้น
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกงงงวยเป็นอย่างมาก
คนหนึ่งคนทำไมถึงมีสองนิสัยที่แตงต่างกันอย่างสิ้นเชิงนะ?
แต่ว่าสองนิสัยอย่างงี้ ปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจนบนตัวของหยางเฟิง
เย่เมิ่งเหยียนยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “อิ่มแล้วล่ะ”
“ในเมื่อกินอิ่มแล้ว ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ”
หยางเฟิงจับมือเย่เมิ่งเหยียน ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป
ราวกับว่าหยางเฟิงและเย่เมิ่งเหยียนมาที่งานเลี้ยง ก็เพียงเพราะแค่มากินข้าวอย่างงั้นหรอ?
”เมื่อมองหยางเฟิงและเย่เมิ่งเหยียนเดินจากไป เฉ่าซือไห่ได้ตะโกนด้วยสีหน้าที่โมโหร้าย “เจ้ามาเพื่อก่อกวนงานเลี้ยงของข้า คิดจะไปก็ไป เจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวอะไรอย่างงั้นหรอ?”
เมื่อเสียงสิ้นสุดลง
สาวกแก๊งเขียวนับไม่ถ้วนได้เข้าไปขวางทางหยางเฟิงและเย่เมิ่งเหยียนพร้อมทั้งทำหน้าตาสายตาที่อาฆาต
โดยแท้จริงแล้วสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้ เฉ่าซือไห่จงใจจะทำให้ทั้งสี่ทัพนั้นหวาดกลัว
แต่ทว่าวันนี้หยางเฟิงกลับทำให้มันเป็นเรื่องตลกขบขัน
ถ้าหากจำให้หยางเฟิงเดินจากไปอย่างง่ายๆล่ะก็
ถ้าอย่างงั้นต่อไปนี้ ข้าจะอยู่ต่อไปในเมืองหู้ไห่ได้อย่างไร?
เมื่อถึงเวลาแก๊งเขียวทั้งหมดก็คงเป็นของตลกสำหรับเมืองหู้ไห่แล้วล่ะ!
หยางเฟิงไม่ได้สนใจเฉ่าซือไห่ เพียงแต่หันหลังไป แล้วมองไปที่เฉินตงด้วยสายตาที่เย็นชา
เมื่อมองดูเหตุการณ์ตอนนี้
เฉินตงรีบตะโกนขึ้นมาว่า “หากเจ้าลองกล้าที่จะไม่เหยียดหยามท่านหยางเฟิงล่ะก็ เจ้าได้ตายอย่างไร้ความปราณีแน่”
เปรี๊ยง!
โว้ โว้!
ภายใต้คำสั่ง
มีสาวกสำนักหงหลายร้อยคนวิ่งเข้ามาจากทางด้านหน้าประตูโรงแรม
สาวกทั้งหมดของสำนักหงนี้ แต่ละคนนั้นมีรูปร่างที่กำยำที่เต็มไปด้วยความรุนแรง
โดยที่มือนั้นถืออาวุธแหลมคมที่ยืนคุมเชิงกับสาวกแก๊งเขียว
เมืองมองถึงตอนนี้ เฉ่าซือไห่ตะโกนไปที่เฉินตงอย่างเสียงดัง “เฉินตง พวกสำนักหงของเจ้าต้องการจะประกาศสงครามกับแก๊งเขียวของข้าอย่างงั้นใช่มั้ย?”
เฉินตงไม่มองพร้อมพูดทั้ง “เฉ่าซือไห่ หากใครที่ไม่เคารพคุณหยาง ก็เท่ากับว่าไม่เคารพพวกข้าสำนักหงเหมือนกัน”
“เจ้า…”
เฉ่าซือไห่ไม่คิดเลยว่า เพื่อหยางเฟิง เฉินตงจะกล้าพูดเหมือนตบหน้าข้าแบบนี้
หรือว่าพวกเขามันไม่กลัวที่มันจะทำให้ทั้งสองแก๊งเกิดสงครามครั้งใหญ่อย่างงั้นหรอ?
ท่านผู้นำทั้งสี่ตระกูลใหญ่ได้แต่มองและสบตา ก่อนที่จะพยักหน้า
“ใครที่ไม่เคารพคุณหยาง ก็เท่ากับว่าไม่เคารพตระกูลหวงเหมือนกัน!”
“ใครที่ไม่เคารพคุณหยาง ก็เท่ากับว่าไม่เคารพตระกูลหลินเหมือนกัน!”
“ใครที่ไม่เคารพคุณหยาง ก็เท่ากับว่าไม่เคารพตระกูลจางเหมือนกัน!”
“ใครที่ไม่เคารพคุณหยาง ก็เท่ากับว่าไม่เคารพตระกูลตู้เหมือนกัน!”
โว้ โว้!
สักครู่หนึ่ง
คนของทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก็ค่อยๆทะลักกันเข้ามาภายใน
ภายในชั่วพริบตา งานเลี้ยงทั้งหมดก็มีผู้คนล้อมรอบมากมายเต็มไปหมด
เมื่อเช่นนี้ สีหน้าของเฉ่าซือไห่นั้นได้เปลี่ยนไปราวกับศพไปแล้ว
เขาไม่คิดเลยว่า เพื่อหยางเฟิง ทั้งสี่ตระกูลใหญ่จะกล้ามาเป็นศัตรูกับแก๊งเขียว
หรือว่าพวกเขาจะไม่กลัวตายกัน?
เฉ่าซือไห่พูดด้วยสีหน้าที่มัวหมอง “ท่านทั้งสี่ตระกูลใหญ่ ท่านคิดดีแล้วหรอที่จะมาเป็นศัตรูกับแก๊งเขียว”