เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 17 ห้ามเข้า
หลันเฟิงขมวดคิ้ว : “พวกคุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ? พวกเราเป็นคนของตระกูลหลัน ทำไมถึงห้ามเข้า ?”
บอดี้การ์ดพูดอย่างไม่แยแส : “ไม่ผิดหรอกครับ คนที่มีรายชื่อในบัญชีดำ ห้ามเข้าโดยเด็ดขาด”
หลันเจิ้นพูดด้วยความโมโห : “เจ้าพวกบ้า ฉันเป็นผู้นำตระกูลหลันนะ พวกแกกล้าขวางฉันหรือ ?”
บอดี้การ์ดพูดด้วยสีหน้าดูถูก : “ตระกูลหลันอะไรกัน ? ไม้เห็นจะเคยได้ยิน ถ้าหากพวกคุณยังกล้าก่อความวุ่นวายที่นี่อีก อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจก็แล้วกัน !”
“โจวห้าว นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ? หรือบัตรเชิญที่นายให้พวกเราตระกูลหลันเป็นของปลอม ?”
หลันเจิ้นหันมองโจวห้าว แล้วถามอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อโจวห้าวเห็นดังนั้นก็พูดขึ้นว่า : “คุณปู่ครับ ได้โปรดรอสักครู่นะครับ ผมจะพาหลันจื่อเข้าไปก่อน จากนั้นจะลองไปถามดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
พวกของหลันเจิ้นเองก็จนปัญญา จึงได้แต่พยักหน้าด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ
จากนั้น โจวห้าวก็ดินเข้าไป
“โปรดแสดงบัตรเชิญด้วยครับ !”
บอดี้การ์ดขวางโจวห้าวไว้ทันทีแล้วพูดขึ้น
โจวห้าวสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วยื่นบัตรเชิญของตนเองให้กับบอดี้การ์ด
เมื่อบอดี้การ์ดเห็นบัตรเชิญ ก็แสดงสีหน้าเย็นชาออกมาเช่นเดียวกัน แล้วพูดว่า : “ขอโทษด้วยครับ คุณเองก็มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำเช่นกัน ห้ามเข้าครับ !”
“อะไรนะ ? แกพูดเหลวไหลอะไร ? ฉันเป็นคุณชายของตระกูลโจวผู้สูงส่ง พวกแกกลับห้ามไม่ให้ฉันเข้าไปข้างใน !”
โจวห้าวโกรธจนตัวสั่น ในฐานะที่เป็นคุณชายของตระกูลโจว เขาเคยโดนดูถูกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ยิ่งไปกว่านั้น อีกไม่นาน ตระกูลโจวก็จะขึ้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของตงไห่แล้ว
ถ้าหากปล่อยให้คนอื่นรู้เข้า ว่าแม้แต่งานเลี้ยงตนเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไป
แล้วตระกูลโจวจะไม่กลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นอย่างนั้นหรือ ?
“ผมบอกแล้วว่า หากพวกคุณยังก่อความวุ่นวายที่นี่อีก อย่าหาว่าพวกผมไม่เกรงใจ”
เมื่อพูดจบ บรรดาบอดี้การ์ดกว่าสิบคนก็จ้องมองพวกของโจวห้าวตาเขม็ง
เมื่อพวกของโจวห้าวเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่กล้าโวยวายอีก
“พวกแกรอก่อนเถอะ รอให้พ่อของฉันมาถึงก่อน ฉันจะแสดงให้พวกแกได้เห็น”
เมื่อเห็นว่าจนปัญญาที่จะเข้าไปได้ พวกของโจวห้าวจึงทำได้เพียงยืนรออยู่ข้าง ๆ อย่างอดทน
รอให้พ่อของโจวห้าว ผู่นำตระกูลโจวมาถึง เขาจะต้องแสดงให้พวกบอดี้การ์ดพวกนี้ได้เห็นแน่นอน
ตอนนี้เอง มีรถคาดิลแลคคันหนึ่งขับเข้ามาจอด
ผู้นำของตระกูลเย่ เย่เทียน เดินลงมาจากรถ
คนที่เดินมาพร้อมกับเย่เทียนด้วยก็คือพวกเย่กวงและเย่ชิว
แต่ตอนนี้เย่กวงและเย่ชิวกลับถือไม้เท้า ช่างดูตลกไม่น้อย
สีหน้าของทั้งสองคนต่างไม่ค่อยสู้ดีนัก
วันนี้พวกเขาไปหาหมอที่โรงพยาบาลตี้อีตงไห่ คิดไม่ถึงว่าหยางเฟิงจะเรียกคนมาหักขาของพวกเขา
แต่คินนี้เป็นงานเลี้ยงของหม่าตง ถึงแม้ขาทั้งสองข้างจะหัก แต่เย่กวงและเย่ชิวก็ยังคงใช้ไม้ค้ำพยุงตัวมา
“คุณปู่ ไอ้สารเลวหยางเฟิงน่ารังเกียจจริง ๆ กล้าหักขาของพวกเราได้ ปู่จะต้องแก้แค้นให้พวกเรานะครับ !”
เย่ชิวพูดสียงเสียงดังด้วยความโกรธแค้น
“ใช่แล้วครับพ่อ หยางเฟิงนั่นหยิ่งยโสกินไปแล้ว เขาเป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลย่ของเราเท่านั้น แต่กลับพูดว่าภายในเวลาเจ็ดวัน ให้เราไปคุกเข่าต่อหน้าเย่เมิ่งเหยียน ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี !” เย่กวงพูดด้วยสีหน้าโกรธแค้น
เย่เทียนส่งเสียงฟึดฟัดแล้วพูดว่า : “พวกแกวางใจเถอะ หลังจากจบงานเลี้ยงเมื่อไหร่ ฉันจะให้คนไปจัดการเจ้าหยางเฟิงให้ตาย ฉันจะให้มันได้รู้จุดจบของการล่วงเกินตระกูลเย่เรา”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียน เย่กวงและเย่ชิวทั้งสองคน ก็แสดงสีหน้าดุร้ายออกมา
“ช้าก่อน โปรดแสดงบัตรเชิญด้วยครับ !”
เมื่อพวกของเย่เทียนเดินมาถึงประตู บอดี้การ์ดก็ขวางพวกเขาเอาไว้
เย่ชิวตะคอกเสียงดัง : “โอหัง พวกเราเป็นคนของตระกูลเย่ พวกแกกล้าขวางพวกเราหรือ ?”
บอดี้การ์ดพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน : “ไม่ว่าพวกคุณเป็นใคร หากมาร่วมงานเลี้ยงก็ต้องแสดงบัตรเชิญครับ”
เย่เทียนพูดเบา ๆ ว่า : “เอาละ หยิบบัตรเชิญออกมา !”
ถึงแม้ตระกูลเย่จะเป็นตระกูลอันดับรองของตงไห่ แต่อย่างไรเสียหม่าตงก็เป็นอภิมหาเศรษฐีของตงไห่ ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะล่วงเกินได้
หึ !
เย่ชิวส่งเสียงฟึดฟัดออกมา แล้วยื่นบัตรเชิญออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก
บอดี้การ์ดหันมองบัตรเชิญ จากนั้นก็โยนบัตรเชิญลงบนพื้นทันที
“ไอ้บ้าเอ๊ย แกทำอะไรของแกน่ะ ?”
เมื่อเห็นดังนั้น เย่ชิวก็ใบหน้าเขียวคล้ำ และตะโกนด้วยความโกรธ
บอดี้การ์ดทำสีหน้าไม่แยแส : “ขอโทษด้วยครับ พวกคุณมีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำ ห้ามเข้าครับ !”
“อะไรนะ ? ไอ้บ้าแกพูดอะไรของแก ? แกกล้าดูหมิ่นตระกูลเย่ของเราอย่างนั้นหรือ แกรนหาที่ตายหรือไง !”
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่ชิวก็ก้าวเข้าไปคว้าคอเสื้อของบอดี้การ์ดด้วยความโมโห
บอดี้การ์ดส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ แล้วออกแรงผลัก
โอ๊ย !
เย่ชิวล้มลงไปบนพื้นและร้องโอดครวญ
เย่เทียนทำสีหน้าดุดันทันที : “ฉันคือผู้นำตระกูลเย่ มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า ?”
บอดี้การ์ดพูดอย่างไม่แยแส : “ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรทั้งสิ้น ปกติแล้วคนที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำ จะไม่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เมียนก็หน้าถอดสีทันที
“พ่อครับ ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี ?” เย่กวงเอ่ยถาม
“เดี๋ยวสิ !” เย่เทียนกัดฟันพูด : “รอให้เศรษฐีหม่าเดินทางมาถึงก่อย ฉันจะถามเขาว่า ทำไม่ไม่ยอมให้พวกเราเข้าไป ?”
คนของตระกูลเย่รู้สึกจนใจ ทำได้เพียงยืนรออยู่ด้านข้าง
เมื่อพวกของหลันเจิ้นเห็นว่าคนของตระกูลเย่ก็ถูกขัดขวางเช่นกัน ก็รู้สึกมีความสุขที่เห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ด้วยเช่นกัน
อันที่จริงไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำ
แม้แต่คนของตระกูลเย่ก็ถูกบันทึกลงบัญชีดำ
เมื่อเห็นดังนั้น คนของตระกูลหลันก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
จากนั้น ที่ประตูของวิลล่าก็ปรากฏภาพน่าประหลาดใจขึ้น
ที่ประตูใหญ่ มีคนเดินเข้าออกอย่างคึกคัก
แต่ด้านข้างของประตูทั้งสองด้าน กลับมีคนสองกลุ่มยืนหน้าถอดสีอยู่
คนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในวิลล่าต่างหันไปมองโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนล้วนเป็นคนมีชื่อเสียง เมื่อหันมองคนของตระกูลหลันและตระกูลเย่ ต่างเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า
ถูกเศรษฐีหม่าปฏิเสธไม่ให้เข้าด้านใน คงจะต้องมีเรื่องแอบแฝงบางอย่างแน่นอน !
ในเวลาเดียวกันนี้ คนของตระกูลเย่และตระกูลหลันก็มีสีหน้าหม่นหมอง
รู้สึกว่าตนเองเป็นเหมือนตัวตลกอย่างไรอย่างนั้น ถูกคนจำนวนมากมุงดูและหัวเราะเยาะ !!!