เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 19 ขอบเขตของความสิ้นหวัง
“พวกคุณเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ฉันจะเป็นแขกผู้มีเกียรติที่สุดได้อย่างไร ?”
เย่เมิ่งเหยียนถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ
“ไม่ผิดหรอกครับ นี่คือสิ่งที่ท่านอภิมหาเศรษฐีกำชับลงมาด้วยตนเอง งานเลี้ยงคืนนี้ คุณหนูเย่คือแขกคนผู้มีเกียรติที่สุดของเราครับ”
บอดี้การ์ดพูดอย่างจริงจัง
“นี่มัน……”
จู่ ๆ เย่เมิ่งเหยียนก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อดี
เธอไม่เคยพบเจอกับเรื่องเช่นนี้มาก่อน
ตนเองก็เป็นเพียงแค่คุณหนูที่ถูกมองข้ามเท่านั้น
ทำไมถึงกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติที่สุดของเศรษฐีหม่าได้ ?
หรือเป็นเพราะหยางเฟิง ?
เย่เมิ่งเหยียนหัวใจเต้นรัว
บัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ใบนี้เป็นของจริง
ตนเองเป็นแขกผู้มีเกียรติที่สุดของหม่าตง
เช่นนั้น ฐานะของหยางเฟิงต้องไม่ธรรมดาแน่นอน……
“เป็นไปไม่ได้ พวกแกจะต้องเข้าใจผิดแน่นอน !”
“จริงด้วย เย่เมิ่งเหยียนก็เป็นแค่ตัวตลกของตงไห่เท่านั้น !”
คนของตระกูลเย่และตระกูลหลัน ต่างโมโหจนหน้าเขียวคล้ำ
พวกเขาไม่เชื่อว่าเป็นความจริง
ถ้าหากเย่เมิ่งเหยียนเป็นแขกผู้มีเกียรติคนสำคัญของหม่าตง
เช่นนั้นพวกเขาคืออะไรกัน ?
“หุบปากเดี๋ยวนี้ พวกคุณกล้าสงสัยการตัดสินใจของท่านอภิมหาเศรษฐีอย่างนั้นหรือ ?”
หัวหน้าบอดี้การ์ดหันมองทุกคนด้วยท่าทีดุดัน
คนของตระกูลเย่และตระกูลหลัน ต่างไม่กล้าสบตาเขา แต่ละคนต่างก้มหน้าก้มตาไม่พูดจา
หลันซินเดินเข้าไป แล้วถามว่า : “ไม่ทราบว่าทำไมพวกเขาถึงมายืนกันอยู่ที่ประตูหรือคะ ?”
หัวหน้าบอดี้การ์ดยิ้มเยาะแล้วพูดว่า : “พวกเขาถูกท่านอภิมหาเศรษฐีใส่ชื่อลงในบัญชีดำนะสิครับ จึงห้ามเข้าด้านใน !”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง !”
บนใบหน้าของหลันซิน ปรากฏรอยยิ้มของความสะใจออกมาทันที
“เย่เมิ่งเหยียน ส่งบัตรเชิญทองคำมานี่ !”
ตอนนี้เอง เย่เทียนเดินออกมาด้วยความโกรธจนสีหน้าเขียวคล้ำ
“คุณปู่คะ คุณปู่หมายความว่าอย่างไรคะ ?”
เย่เมิ่งเหยียนหันมองเย่เทียน แล้วเอ่ยถามด้วยความตกใจ
“ถ้าหากแกยังเป็นหลานสายของตระกูลเย่ ก็รีบส่งบัตรเชิญมานี่เดี๋ยวนี้”
“ยังมีเรื่องที่หยางเฟิงข่มขู่ตระกูลเย่ในงานเลี้ยงวันเกิดของฉันที่จะให้พวกเขาคุกเข่าขอโทษแกภายในเจ็ดวันอีก”
“คนแบบนี้ไม่เหมาะจะเป็นลูกเขยของตระกูลเย่เรา ฉันจะให้แกหย่ากับเขาซะ !”
ตอนนี้ แววตาของเย่เทียนดุดันมาก
ราวกับกริชอันคมกริบ จ้องมองมาที่เย่เมิ่งเหยียนตาเขม็ง
เย่กวงและเย่ชิวเองก็หันมองหน้ากัน และเข้าใจความหมายของเย่เทียนในทันที
ตระกูลเย่ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปด้านใน ไม่สามารถร่วมงานเลี้ยงได้
แต่ในมือของเย่เมิ่งเหยียนมีบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์อยู่
หากพวกเขานำบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ใบนั้นมาได้ ตระกูลเย่ก็จะสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ ในฐานะแขกที่มีเกียรติที่สุด
ถึงตอนนั้น ถือเป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยให้ตระกูลเย่ ขึ้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของตงไห่
“เย่เมิ่งเหยียน แกคิดจะขัดขืนหรือ ? หรือแกไม่เชื่อฟังแม้กระทั่งคุณปู่แล้ว ?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่กวงก็ก้าวออกมาด้วยท่าทีบีบบังคับ
เย่ชิวแสยะยิ้มแล้วพูดว่า : “เย่เมิ่งเหยียน ฉันขอเตือนให้เธอรีบส่งบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์มาจะดีกว่า ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจก็แล้วกัน !”
“คุณปู่คะ อารอง ทำไมจะต้องบังคับหนูเช่นนี้ด้วย ?”
ต่างก็เป็นคนในครอบครัวทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ แต่ละคนกลับดูเหมือนสัตว์ร้ายที่อยากจะกลืนกินตนเองลงไป
ทันใดนั้น เย่เมิ่งเหยียนก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา
“พ่อครับ ทำไมถึงทำแบบนี้ครับ ?”
เย่ไห่กับหลันซินเองก็ก้าวออกมา
“พวกแกหุบปากเดี๋ยวนี้ ที่นี่พวกแกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น !”
“หากพวกแกยังอยากกลับไปที่ตระกูลเย่อีก ก็ให้เย่เมิ่งเหยียนส่งบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์มา จากนั้นก็หย่ากับหยางเฟิงซะ”
“หรือพวกแกไม่อยากกลับไปที่ตระกูลเย่ ? หรือพวกแกยินดีที่จะพึ่งพาอาศัยคนอื่นไปตลอดชีวิต ?”
“ขอแค่พวกแกให้เย่เมิ่งเหยียนส่งบัตรเชิญมา และหย่ากับหยางเฟิงซะ ฉันไม่เพียงจะให้พวกแกกลับไปที่ตระกูลเย่เท่านั้น แต่จะให้เย่เมิ่งเหยียน ขึ้นเป็นผู้จัดการใหญ่ของเย่ซื่อกรุ๊ปอีกด้วย”
“ถ้าหากพวกแกไม่ยอมละก็ พวกแกไม่เพียงแต่จะกลับมาเหยียบตระกูลเย่ไม่ได้ตลอดชีวิตเท่านั้น แต่ฉันลบชื่อของพวกแก ออกจากผังสมาชิกของตระกูลเย่อีกด้วย !”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำขู่ของเย่เทียน หลันซินและเย่ไห่ต่างก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา
การใช้ชีวิตที่ต้องคอยพึ่งพิงคนอื่นอยู่ตลอด พวกเขาเผชิญมาพอแล้ว
“เมิ่งเหยียน ลูกยอมส่งบัตรเชิญให้คุณปู่เถอะ และหย่าไอ้สวะหยางเฟิงนั่นซะ !”
หลังจากลังเลอยู่สักพัก หลันซินก็หันไปพูดกับเย่เมิ่งเหยียน
“อะไรนะคะ ? แม่คะ หรือว่าแม่ก็คิดจะบังคับหนูหรือคะ ?”
เย่เมิ่งเหยียนดวงตาแดงก่ำขึ้นมา
“เมิ่งเหยียน อย่าไปฟังพวกเขา หนูรีบส่งบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์มาให้ตา ตาจะช่วยหนูเอง”
ตอนนี้เอง จู่ ๆ หลันเจิ้นก็พูดขึ้นมา
หลันเจิ้นย่อมเข้าใจความคิดของเย่เทียนดี เขาเองก็ต้องการบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน
หากมีบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ ตระกูลหลันก็จะสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ และจะมีโอกาสทำความรู้จักกับชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียงมากขึ้น
ถึงตอนนั้น ตระกูลหลันก็อาจจะพัฒนาขึ้นไปอีกก้าว และกลายเป็นตระกูลอันดับรองของตงไห่ก็ได้
“เมิ่งเหยียน ตาของหนูพูดถูก หนูมอบบัตรเชิญให้ตระกูลหลันของเราเถอะนะ ต่อไปอาใหญ่จะปฏิบัติต่อครอบครัวของหนูอย่างดีทีเดียว”
หลันเฟิงเองก็หันไปพูดกับเย่เมิ่งเหยียนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้น บัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ในมือของเย่เมิ่งเหยียน ก็กลายเป็นเป้าหมายในการต่อสู้แย่งชิงกันระหว่างตระกูลเย่และตระกูลหลัน
“หลันเจิ้น แกกล้าแย่งกับฉันอย่างนั้นหรือ ?”
เย่เทียนจ้องหลันเจิ้นตาเขม็งด้วยความไม่พอใจ
หลันเจิ้นส่งเสียงฟึดฟัดแล้วพูดว่า : “เย่เทียน อย่าคิดว่าแกเป็นผู้นำตระกูลเย่แล้วฉันจะกลัวแกนะ ลูกสาวของฉันแต่งงานไปเข้าตระกูลเย่ของพวกแกตั้งหลายปี ตระกูลหลันของเรากลับไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อย ตอนนั้นถือว่าฉันตาบอดจริง ๆ ที่เกี่ยวดองกับตระกูลเย่ของพวกแก !”
คนของตระกูลเย่และตระกูลหลัน ต่างจ้องมองกัน ราวกับมีประกายไฟส่งผ่านจากแววตามาปะทะกันอยู่กลางอากาศ
“เมิ่งเหยียน ฉันเป็นปู่ของแก ส่งบัตรเชิญมาให้ฉัน !”
“อย่าไปฟังเขา ฉันเป็นตาของแก ส่งบัตรเชิญมาให้ฉัน !”
“ฉันเป็นอารองของแก……”
“ฉันเป็นลุงของแก……”
คนของตระกูลเย่และตระกูลหลัน ต่างก็มีสีหน้าดุร้าย !
เย่เมิ่งเหยียนในตอนนี้ รู้สึกถึงความมืดมนอยู่เบื้องหน้า
คุณปู่ อารอง คุณตา คุณลุง……ทุกคนต่างบีบบังคับตนเองทั้งนั้น
ตอนนี้ เย่เมิ่งเหยียนรู้สึกเหมือนถูกทั้งโลกทอดทิ้ง
ไร้ที่พึ่งอย่างที่สุด !
มือทั้งสองข้างของเย่เมิ่งเหยียนถือบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์เอาไว้แน่น แล้วกัดฟันพูดว่า : “ไม่ค่ะ หนูไม่มีทางมอบบัตรเชิญให้ทุกคนแน่นอน บัตรเชิญใบนี้หยางเฟิงเป็นคนให้หนู ต่อให้ต้องตายหนูก็ไม่มีทางให้ใครเด็ดขาด !”
“เย่เมิ่งเหยียน หรือแกจะไม่ยอมเชื่อฟังแม้กระทั่งคำพูดของพวกเราอย่างนั้นหรือ ?”
“หากไม่ส่งบัตรเชิญมา แกก็ไสหัวออกจากตระกูลเย่ไปตลอดชีวิต !”
หากแกไม่ยอมส่งบัตรเชิญมา แกก็ไม่ต้องเหยียบเข้ามาในตระกูลหลันอีกตลอดไป !”
เมื่อเห็นว่าเย่เมิ่งเหยียนปฏิเสธ พวกของเย่เทียนและหลันเจิ้นก็โกรธจัด
ทุกคนยืนล้อมเย่เมิ่งเหยียนเอาไว้
ดวงตาทุกคู่ต่างฉายแววอำมหิตออกมา
ราวกับจะกินคนอย่างไรอย่างนั้น
มือทั้งของข้างของเย่เมิ่งเหยียนที่ถือบัตรเชิญอยู่เริ่มสั่นเทา
สีหน้าแน่วแน่ !
“หยางเฟิง คุณอยู่ที่ไหนกันแน่ ?”
“คุณรีบมาเร็วเข้า ฉันคนเดียวไม่อาจยืนหยัดได้อีกต่อไปแล้ว”
เมื่อต้องเผชิญกับการบีบบังคับจากทุกคน เย่เมิ่งเหยียนก็สีหน้าซีดเผือด
น้ำตาไหลรินออกมาโดยไม่อาจควบคุมได้
ในสมองของเธอ ปรากฏภาพของหยางเฟิงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ไม่ทันรู้ตัว
ภาพของเขาก็อยู่ในใจเสียแล้ว……
ตอนนี้เอง
ฮึ่ม ๆ ๆ !
มีเสียงกระหึ่มดังขึ้น
พื้นดินสั่นสะเทือน
ทุกคนต่างรีบหันไปมองด้วยความตกใจ
มีรถถังและรถหุ้มเกราะกว่าร้อยคันขับเข้ามาจากที่ไกล ๆ
ทันใดนั้น ฝุ่นโดยรอบก็ตลบอบอวล
“นี้มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
ตุบ ๆ ๆ !
ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็มีพลทหารสวมชุดลายพรางพร้อมด้วยอาวุธครบมือกว่าห้าพันนาย เดินก้าวเข้ามาอย่างพร้อมเพรียง
ทุกก้าวที่เหยียบลงบนพื้น จะทำให้พื้นสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
เมื่อมาถึงประตูวิลล่า รถถังและรถหุ้มเกราะกว่าร้อยคัน ก็เรียงแถวเป็นหน้ากระดาน
พลทหารห้าพันนาย แบ่งออกเป็นหลายกอง มีสีหน้าที่จริงจัง
บรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่ว