เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 20 ตระกูลเย่จบเห่แล้ว
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้
ฮึ่ม ๆ ๆ !
มีเสียงกึกก้องดังขึ้นอีกครั้ง เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธกว่าร้อยลำ ส่งเสียงดังมาบนท้องฟ้าจากที่ไกล ๆ
ลมกระโชกแรงจากใบพัด
ทำให้ฝุ่นตลบอบอวล
เฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ลำหนึ่ง ค่อย ๆ บินลงมาอย่างช้า ๆ
พรึ่บ !
ไฟทุกดวงสว่างขึ้นมา จนทำให้ท้องฟ้ายามกลางคืนกลับดูเหมือนกลางวัน
พลทหารนับร้อยนายวิ่งถือพรมแดงออกมา
แล้วปูลงตั้งแต่ประตูวิลล่า ไปจนถึงประตูของเฮลิคอปเตอร์
วินาทีต่อมา ประตูของเฮลิคอปเตอร์ก็เปิดออก
หยางเฟิงซึ่งสวมใส่ชุดทหาร ประดับลวดลายมังกรห้ากรงเล็บ พร้อมด้วยรองเท้าบู๊ตทหารสีทอง และมีดาวสีทองห้าดวงประดับอยู่บนบ่า ค่อย ๆ เดินลงมา
พรึ่บ !
ไฟของเฮลิคอปเตอร์ ส่องสว่างไปที่หยางเฟิงทันที
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เขา
“ยินดีต้อนรับครับท่านแม่ทัพ !”
พลทหารทั้งห้าพันนายตะโกนขึ้นพร้อมกัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบรรยากาศอันน่าเกรงขาม ชนชั้นสูงของตงไห่ที่มาร่วมงานเลี้ยงทุกคน ก็อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลง
หยางเฟิงเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองลงมา
ห้าปีก่อน เขาจากไปอย่างน่าอับอาย
ห้าปีต่อมา ขากลับมาอย่างราชา !
……
หยางเฟิงค่อย ๆ เหยียบลงบนพรมแดงทีละก้าว ๆ
“เป็นไปได้อย่างไร ?”
“นี่มัน……”
“หรือเขาก็คือเทพสงครามอันดับหนึ่งของประเทศต้าเซี่ยอย่างนั้นหรือ ?”
เมื่อเห็นหยางเฟิงปรากฏตัวขึ้น คนของตระกูลเย่และตระกูลหลันก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
“หยางเฟิง !”
เย่เมิ่งเหยียนตะโกนออกมาเสียงดัง และพุ่งตัวเข้าไปหาทันที
“คุณเป็นอะไรไป ? ใครรังแกคุณ ?”
เมื่อเห็นเย่เมิ่งเหยียนที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย สีหน้าของหยางเฟิงก็หม่นหมองลงทันที
“ฉัน……”
เย่เมิ่งเหยียนซบลงไปในอ้อมกอดของหยางเฟิง เงยหน้า แล้วเล่าเรื่องที่เกิดเกิดขึ้นเมื่อครู่ออกมา
“เหอะๆ……พวกคนตระกูลเย่ ช่างใจกล้าจริง ๆ !”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เย่เมิ่งเหยียนพูด หยางเฟิงก็โกรธจัดทันที
“เมื่อเจ็ดวันก่อน ฉันเคยพูดกับตระกูลเย่ไปแล้ว”
“ภายในเจ็ดวัน ถ้าหากไม่มาคุกเข่าขอโทษเย่เมิ่งเหยียน ฉันจะกำจัดตระกูลเย่ซะ”
“ถ้าหากเวลาเจ็ดวันมาถึงแล้ว พวกแกยังกล้าบังคับเมิ่งเหยียนอีก ก็เท่ากับรนหาที่ตาย !”
พรึ่บ !
ทันทีที่พูดจบ ปากกระบอกปืนนับร้อยก็จ่อไปที่คนของตระกูลเย่ทันที
“หยางเฟิง แกคิดจะทำอะไร ? หรือแกกล้าฆ่าพวกเราจริง ๆ อย่างนั้นหรือ ?”
เย่ชิวกัดฟันพูด
ปัง !
เสียงปืนดังขึ้น กระสุนปืนเจาะทะลุหน้าขาของเย่ชิว
โอ๊ย !
เย่ชิวร้องโอดครวญ แล้วคุกเข่าลงไปกับพื้น
เมื่อเห็นดังนั้น คนของตระกูลเย่ก็ไม่มีใครกล้าขยับอีก
เย่เทียนพูดขึ้นด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา : “หยางเฟิง แกคิดจะทำอะไรกันแน่ ?”
“คิดจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ ? กำหนดเวลาเจ็ดวันมาถึงแล้ว วันนี้เป็นวันตายของพวกแก !”
“ทหาร จับคนของตระกูลเย่ไปยิงทิ้งให้หมด !”
หยางเฟิงจ้องมองด้วยแววตาที่เย็นชาและอำมหิต
บรรยากาศโดยรอบหนาวเหน็บลงทันที
“ครับ !”
ทันทีที่ออกคำสั่ง พลทหารนับสิบนายก็พุ่งกระโจนเข้าไปราวกับสัตว์ป่า และจับคนของตระกูลเย่ทั้งหมดเอาไว้
“หยางเฟิง ขอร้องล่ะ ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ !”
เมื่อได้ยินคำว่ายิงทิ้ง เย่กวงก็เป็นคนแรกที่ก้าวออกมาคุกเข่าอ้อนวอน
“ถ้าคุณจะฆ่าก็ฆ่าเขาเถอะ เขาเป็นคนที่บังคับให้เย่เมิ่งเหยียนส่งบัตรเชิญมาและให้หย่ากับคุณ !”
“ทั้งหมดนี่ ไม่เกี่ยวกับผมเลยสักนิด !”
เมื่อต้องเผชิญกับความตาย เย่กวงและเย่ชิวก็โยนความผิดทั้งหมดให้กับเย่เทียน
เมื่อเย่เทียนเห็นดังนั้น ก็ด่าทอเสียงดังด้วยความโมโห : “พวกแกสองคนช่างอกตัญญูจริง ๆ รักตัวกลัวตาย เทียบไม่ได้กับสัตว์เดรัจฉานด้วยซ้ำ !”
“พ่อครับ พ่อใช้ชีวิตมานานขนาดนี้แล้ว ต่อให้ไม่ตาย ก็คงอยู่ได้อีกไม่กี่ปี”
“พวกเราไม่เหมือนกัน หากพวกเราตาย ต่อไปใครจะสืบทอดตระกูลเย่ล่ะครับ !”
“คุณปู่ครับ คุณพ่อของผมพูดถูก คุณปู่รีบตายไปเถอะครับ แล้วยกตำแหน่งผู้นำให้พ่อของผมซะ !”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย เย่กวงกับเย่ชิว ก็เผยธาตุแท้ของความเห็นแก่ตัวออกมา
ครอบครัวอะไรกัน ?
ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง !
“พวกแก……เลวสิ้นดี……”
เย่เทียนโกรธจนพูดไม่ออก
“คิดไม่ถึงเลยว่า ก่อนตายจะได้เห็นการแสดงที่น่าสนุกที่พ่อลูกทะเลาะกันเองเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่พวกแกต้องตายทั้งหมด !”
หยางเฟิงหัวเราะเยาะ ดวงตาทั้งสองข้างดูเจ้าเล่ห์
อะไรนะ ?
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฟิง พวกของเย่เทียนก็หน้าซีดทันที
“เย่ไห่ หรือแกจะยืนมองลูกเขยของแกฆ่าพ่อตาปริบ ๆ อย่างนั้นหรือ ?”
เมื่อเห็นว่าหมดหนทางที่จะขอความเห็นใจจากหยางเฟิง เย่เทียนก็ทำได้เพียงแค่หันมองเย่ไห่เท่านั้น
“จริงด้วย พี่ใหญ่ ผมเป็นน้องชายแท้ ๆ ของพี่นะ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ พี่ช่วยผมขอร้องหน่อยสิ !”
“คุณลุงใหญ่ ผมสำนึกผิดแล้ว ต่อไปผมจะไม่รังแกครอบครัวของลุงอีกแล้ว”
เย่กวงและเย่ชิวสองพ่อลูก หันไปอ้อนวอนขอร้องเย่ไห่
“คือว่า……”
เมื่อเย่ไห่เห็นดังนั้น ก็แสดงสีหน้าลำบากใจ
เขาอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกหลันซินจ้องตาเขม็ง ทันใดนั้นจึงไม่กล้าพูดออกมา
“พ่อครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยทุกคน แต่อันที่จริงผมเองก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเย่แล้ว จึงจนปัญญาที่จะช่วยทุกคนเช่นกัน !”
หลันซินทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่บนใบหน้าแสดงความสะใจออกมา
พวกของเย่เทียนหน้าถอดสีอย่างรุนแรง
“เย่เมิ่งเหยียน แกอยากเห็นปู่ต้องตายจริง ๆ หรือ ?”
“เมิ่งเหยียน ฉันเป็นอารองของเธอนะ เธอยังจำได้ไหมว่า สมัยเด็ก ๆ อารองรักเธอมากที่สุด !”
“พี่สาว ผมสำนึกผิดแล้ว ผมยังเป็นหนุ่มอยู่ ยังอยากแต่งงานมีครอบครัว ผมยังไม่อยากตายจริง ๆ !”
เมื่อเผชิญหน้ากับการขอร้องอ้อนวอนของพวกเย่เทียน เย่เมิ่งเหยียนที่มีจิตใจเมตตามาโดยตลอดก็รู้สึกใจอ่อนทันที
“หยางเฟิง……”
เย่เมิ่งเหยียนเงยหน้าขึ้นมองหยางเฟิง
เฮ้อ !
หยางเฟิงถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ
เย่เมิ่งเหยียนจิตใจดีมีเมตตา ให้เธอมองดูคุณปู่ อารองของตนเอง……ต้องตาย เธอทำไม่ลง
“หากพวกแกอยากมีชีวิตอยู่ก็ได้ แต่ทั้งหมดต้องนั่งคุกเข่าเป็นเวลาสามคืนสามวัน ห้ามลุกขึ้นเด็ดขาด !”
“ขอโทษภรรยาของผม อ้อนวอนให้เธอยกโทษให้ !”
แววตาของหยางเฟิงเย็นชา เขากวาดสายตามองดูพวกเย่เทียน
“ได้ครับ ๆ !”
พวกของเย่เทียนคุกเข่าลงต่อหน้าของเย่เมิ่งเหยียนโดยไม่ลังเลทันที
“เมิ่งเหยียน ขอบคุณมาก ขอบคุณผู้ใหญ่ใจกว้างที่ยอมไว้ชีวิตพวกเรา”
“เมื่อก่อน พวกเราจิตใจมืดบอด จึงปฏิบัติเช่นนั้นกับเธอ
“เธอจะต้องให้อภัยพวกเรานะ !”
เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเย่เทียน จู่ ๆ เย่เมิ่งเหยียนก็รู้สึกหดหู่
นี่หรือที่เรียกว่าคนในครอบครัว ?
นี่หรือที่เรียกว่าความรักในครอบครัว ?
เมื่อก่อนบีบบังคับตนเองสารพัด
ตอนนี้เพื่อตัวเอง กลับยอมคุกเข่าลงร้องขอชีวิตราวกับสุนัข
“ละเว้นโทษตายได้ แต่โทษเป็นยังอยู่ หม่าตง !”
เสียงตะโกนดังขึ้น หม่าตงรีบก้าวออกมาทันที และคุกเข่าลง
“หม่าตงอยู่นี่ครับ ท่านแม่ทัพมีอะไรให้รับใช้ครับ ?”
หยางเฟิงจ้องมองพวกของเย่เทียนด้วยแววตาเย็นชา จนทำให้รู้สึกเสียวสันหลัง
“ตั้งแต่นี้ไป จะไม่มีชื่อของตระกูลเย่ในตงไห่อีก !”
“ธุรกิจทุกอย่างของตระกูลเย่ถูกยึด !”
“ทรัพย์สินทุกอย่างของตระกูลเย่ถูกยึด !”
“ครับ !”
หม่าตงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เทียนก็รู้สึกเหมือนแกลงไปอีกสิบปี
เขารู้ดีว่า
ตระกูลเย่จบเห่แล้ว !