เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 232
บทที่ 232
จ้าวเทียนหลงหรี่ตาลง
จ้าวหานที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าย่ำแย่มาก
เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาอย่างอดไม่ได้ว่า “พวกคุณเองที่ต้องการยกบริษัทมหาชนจำกัดมูลค่านับหมื่นล้านให้กับหยางเฟิงคนนั้น เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลจ้าวของเรา?”
ได้ยินแบบนี้
สีหน้าของคนเฉียนหม่านถัง เยือกเย็นลงทันที
เฉียนหม่านถังพูดขึ้นด้วยเสียงเยยะหยันว่า “จ้าวหาน ที่นี่เป็นสถานที่คุณสามารถออกความเห็นได้หรือ? หรือว่าคุณเป็นผู้นำตระกูลจ้าวแล้วหรือ?”
“ผม……”
ได้ยินคำพูดของเฉียนหม่านถัง จ้าวหานพูดอะไรไม่ออกในทันที
จ้าวเทียนหลงจ้องมองจ้าวหานแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เงียบ”
แล้วเขาก็หันไปมองคนเฉียนหม่านถัง พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “ความเสียหายนี้ ตระกูลจ้าวยอมรับผิดชอบ เอาแบบนี้ ผมจ่ายสามพันล้าน ไม่ทราบว่าทุกท่านพอใจไหม?”
ได้ยินแบบนี้
สีหน้าคนเฉียนหม่านถังค่อยดีขึ้นมาหน่อย
“ในเมื่อเจ้าบ้านจ้าวยอมจ่ายสามพันล้าน งั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ขอลา”
บรรลุจุดประสงค์แล้ว
คนเฉียนหม่านถัง ก็ไม่อยากอยู่ต่อนาน
หลังจากทุกคนจากไปแล้ว
จ้าวหานพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “พ่อ ทำไมพ่อจะต้องรับปากจ่ายให้กับพวกเขาสามพันล้าน? ทั้งที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลจ้าวของเรา”
เมื่อคิดว่าจะต้องเอาเงินออกมาเยอะขนาดนี้อย่างไม่มีเค้ามาก่อน ในใจจ้าวหานเจ็บปวดจนเลือดไหล
ต้องรู้ว่าเงินพวกนี้ รอเมื่อจ้าวเทียนหลงตายแล้ว ล้วนต้องตกเป็นของตนเอง
ปัง
ทันใดนั้น จ้าวเทียนหลงตบหน้าจ้าวหานแรงๆหนึ่งที
เขาผิดหวังในตัวลูกชายที่ไม่มีหัวสมองคนนี้อย่างที่สุด
“งี่เง่า”
“เจ้าจะไปรู้อะไร? สามพันล้านนี้ เป็นการซื้อชีวิตของตระกูลจ้าว”
พูดประโยคนี้เสร็จ จ้าวเทียนหลงหันเดินจากไป
รอเมื่อเงาหลังจ้าวเทียนหลงหายลับไปแล้ว
จ้าวหานกำหมัดแน่น กัดฟันพร้อมพูดขึ้นว่า “สมควรตาย เป็นเพราะหยางเฟิงคนชั่วคนนั้นคนเดียว ข้าจะไม่ปล่อยไว้แน่”
เพิ่งพูดเสร็จ
ดวงตาทั้งคู่ของเขา เผยให้เห็นถึงความเกลียดแค้นอย่างลึกล้ำ
ยังเปล่งประกายความอาฆาต
……
เวลานี้
ในโรงแรม
หยางเฟิงยังคงดื่มชาอยู่ในห้องรับแขก
เสือขาวยืนอยู่ด้านข้าง เหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูด
หยางเฟิงดื่มชาหนึ่งคำ แล้วพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “มีอะไรก็พูดมา”
เสือขาวขมวดคิ้ว แล้วก็พูดขึ้นว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านชงชามา 2 ชั่วโมงแล้ว….”
“เจ้าจะร้อนใจไปทำไม? คนที่ผมรอยังมาไม่ถึงเลย?”
เห็นสีหน้าร้อนใจของเสือขาว หยางเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
เสือขาวเบิกตาโต พร้อมพูดขึ้นว่า “อ๋า ยังจะมีคนมา?”
ต๊อกต๊อกๆ
เพิ่งพูดเสร็จ
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นในทันที
เสือขาวมองดูหยางเฟิงอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง
ท่านแม่ทัพว่ายังไงก็เป็นอย่างนั้น หรือว่าเป็นขงเบ้งกลับชาติมาเกิดหรือ?
หยางเฟิงมองดูเสือขาวที่ยังอึ้งอยู่ พร้อมพูดขึ้นว่า “ยังอึ้งอยู่ทำอะไร? ยังไม่รีบไปเปิดประตู”
“ครับครับครับ”
เสือขาวได้สติกลับมา แล้วรีบไปเปิดประตู
ประตูถูกเปิด
แล้วก็เห็นจางเทียนซานกับไป๋หลิงหลงสองคน เดินเข้ามาพร้อมกัน
“ไป๋หลิงหลงทำความเคารพเจ้าพันธมิตรหยาง”
ไป๋หลิงหลงเดินเข้ามา พร้อมพูดขึ้นอย่างเคารพ
จางเทียนซานยืนอยู่ที่เดิม รู้สึกค่อนข้างลังเล
ไป๋หลิงหลงเบิกตาโตจ้องมองดูเขา
เห็นแบบนี้ จางเทียนซานค่อยเดินมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “จางเทียนซานทำความเคารพเจ้าพันธมิตรหยาง”
หยางเฟิงดื่มชาหนึ่งจอกอย่างยิ้มแย้ม กวาดสายตามองดูจางเทียนซานกับไป๋หลิงหลงแวบหนึ่ง
คนที่เขารอ ในที่สุดก็มาแล้ว
คนเฉียนหม่านถังก่อนหน้านี้ เป็นเพียงปลาน้อยเท่านั้น
คนที่เขารอจริงๆคือจางเทียนซานกับไป๋หลิงหลง
หยางเฟิงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “เชิญนั่ง”
ได้ยินแบบนี้
จางเทียนซานกับไป๋หลิงหลงทั้งสองคน ค่อยนั่งลงอย่างระมัดระวัง
แต่ก้นเพิ่งหย่อนนั่งลงบนเก้าอี้ได้เพียงครึ่งเดียว
หยางเฟิงมองดูเสือขาวแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ยังไม่รีบไปรินน้ำชาให้กับเจ้าสำนักทั้งสอง”
เทียบกับคนเฉียนหม่านถัง
จางเทียนซานกับไป๋หลิงหลงได้รับการต้อนรับที่ดีกว่า
สำหรับหยางเฟิง ก็ยิ่งสำคัญ