เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 32
เย่ลั่วกัดฟันแน่น รีบเข้าไปนั่งรถปอร์เช่ของตัวเองทันทีและจากไป
……
คฤหาสน์เก่าตระกูลเย่
เนื่องจากทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลเย่ถูกยึด เย่เทียนและคนอื่นๆ จึงถูกบีบบังคับให้ไปอาศัยที่คฤหาสน์เก่าตระกูลเย่
คฤหาสน์เก่าตระกูลเย่ ไม่มีคนอยู่อาศัยมาหลายสิบปีแล้ว
มีฝุ่นเต็มไปหมดทุกที่
มีใยแมงมุมเต็มไปหมดทุกที่
นี้ทำให้คนอย่างเย่เทียนที่อยู่ดีกินดี ไม่ชินเป็นอย่างมาก
“บัดซบ ทั้งหมดเป็นเพราะไอ่หยางเฟิงนั้น ไม่งั้นพวกเราก็คงไม่อยู่ในสถานที่ผีสิงอย่างนี้!”
สีหน้าไม่ดีของเย่ชิว อดไม่ได้ที่จะบ่น
เย่กวงถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “ทนหน่อยเถอะ รอคนของตระกูลเย่แห่งเมืองเอกมาแล้ว พวกเราก็สบายแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิวก็มองไปที่เย่เทียนและถามว่า “คุณปู่ คนของตระกูลเย่แห่งเมืองเอกจะมาถึงเมื่อไหร่กันแน่
ในเวลานี้เย่เทียน กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนึงหลับตาพักผ่อน
การเปลี่ยนแปลงในตระกูลเย่ในครั้งนี้ สำหรับเขานับว่าเป็นผลกระทบที่ใหญ่หลวง
ภายในช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่วัน เขาก็ดูแก่ลงไปสิบปี
เย่เทียนลืมตาขึ้น พูดอย่างหงุดหงิด “จะรีบอะไรนักหนา? คนของตระกูลเย่แห่งเมืองเอกไม่ช้าก็เร็วก็มาถึง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิวก็ไม่กล้าพูดต่อไป
โครม!
ทันใดในเวลานั้น หน้าประตูก็มีเสียงดังขึ้น
“คนของตระกูลเย่แห่งตงไห่อย่างพวกคุณ ก็อาศัยอยู่ในที่เส็งเคร็งอย่างนี้เหรอ?”
เย่ลั่วเดินลงจากรถ มองดูคฤหาสน์เก่าตระกูลเย่ที่ชำรุดทรุดโทรม พูดด้วยสีหน้าท่าทางรังเกียจ
“คุณก็คือคนของตระกูลเย่แห่งตงไห่เหรอ? ทำไมถูกคนอื่นทุบตีหรอ?”
เย่เทียนมองเย่ลั่วที่หน้าเขียงตาช้ำ ถามด้วยความสงสัย
ถูกเย่เทียนจี้โดนจุดเจ็บ ใบหน้าของเย่ลั่วเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
แต่เย่ลั่วฟื้นกลับอย่างรวดเร็ว พูดอย่างเย่อหยิ่ง: “ใช่ ฉันคือคนของตระกูลเย่แห่งตงไห่ ฉันชื่อเย่ลั่วคุณคงจะเป็นคุณปู่รองของฉันใช่ไหม? ฉันได้ยินคุณปู่พูดถึงคุณ ว่าคุณเป็นน้องชายที่น่าผิดหวังของเขา ”
“ไอ้เวร!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่เทียนก็พูดด้วยใบหน้าเขียงปั๊ด: “นี่เป็นวิธีที่แกพูดกับผู้อาวุโสหรอ ตระกูลเย่แห่งเมืองเอกเลี้ยงดูสั่งสอนแบบนี้หรอ?
“ชิ!”
เย่หลัวพูดด้วยท่าทางเหยียดหยาม: “ฉันให้หน้าคุณ ก็เรียกคุณว่าคุณปู่รอง ถ้าฉันไม่ให้หน้าคุณ คุณก็ไม่มีอะไรในสายตาของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเย่แห่งตงไห่ของคุณขอร้องพวกเรา ฉันคงไม่มาที่ผีๆอย่างนี้”
“แก……”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ลั่ว ร่างกายของเย่เทียนโกรธจนสั่นสะท้าน
“พ่อ พ่ออย่าหาเรื่องคนของตระกูลเย่แห่งเมืองเอกนะ! ไม่อย่างนั้นพวกเราเสร็จแน่!”
“ใช่ๆ คุณปู่ ท่านต้องอย่าสับสนนะ!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เย่กวงและเย่ชิวก็รีบเข้าไปโน้มน้าว
พวกเขาทั้งสองคนกลัว เย่เทียนโกรธขึ้นมาทันใด ทำเรื่องอะไรที่ชั่ววูบออกมา
หากเป็นอย่างนี้จริง งั้นทั้งชีวิตของพวกเขาก็ไม่มีวันพลิกตัวกลับมาได้แล้ว
เห้อ!
เย่เทียนหมดหนทาง ถอนหายใจเบา ๆ
เขาในตอนนี้ เป็นเสือออกจากป่าถูกสุนัขรังแก
เป็นเพียงคนรุ่นหลังของตระกูลเย่แห่งเมืองเอกคนหนึ่ง ก็กล้าที่จะพูดกับตัวเองอย่างนี้ มันรังแกคนอื่นเกินไปจริงๆ!
ใครให้ตัวเอง ตอนนี้ต้องการความช่วยเหลือจากคนของตระกูลเย่แห่งเมืองเอกล่ะ
คิดถึงตรงนี้ เย่เทียนก็หุบปากและไม่พูดอะไรแล้ว เครียดไปเสียเปล่า
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ เย่ลั่วสีหน้าลำพองใจ
ไอ้งั่ง ก็คือไอ้งั่ง
ถ้าไม่ใช่ตระกูลเย่แห่งเมืองเอกของเขาเอง คาดว่าคนของตระกูลเย่แห่งตงไห่คงต้องอดตายบนท้องถนนในอนาคตแล้ว
“พ่อของฉันแก่แล้วสับสน คุณอย่าใส่ใจเลย”
เย่กวงเดินเข้าไป พูดด้วยรอยยิ้มเอาอกเอาใจ: “ฉันเป็นผู้ดูแลคนที่สองของตระกูลเย่ คุณมีเรื่องอะไรสามารถบอกฉันได้ ฉันสามารถตัดสินใจได้”
เย่หลัวกลอกตาและพูดว่า “นับว่าแกมีสติ ไม่เหมือนบางคน ที่เห็นได้ชัดว่าตกต่ำแล้ว ยังคิดว่าตัวเองมีคุณค่าอยู่”