เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 442
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 442
หลันซินคือแม่ยายของหยางเฟิง
การเอาเงินหนึ่งร้อยล้านนี้ให้เธอ ก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว
แต่ทำไมเธอต้องว่าตนเป็นคนชั้นล่างด้วยเล่า!
คนดีอย่างคุณหยาง ทำไมถึงมีแม่ยายที่ไร้มารยาทเช่นนี้!
เห็นโจวซู่เอ๋อร์ไม่กล้าตอบโต้
หลันซินจึงยิ้มอย่างได้ใจ
พอเธอยื่นมือออกไป เตรียมจะคว้าเช็ค
“หยุด!”
เสียงตะโกนก้องดังมา
หยางเฟิงเดินเข้ามาอย่างห้าวหาญ!
เขารับเช็คไปจากมือของโจวซู่เอ๋อร์ แล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อของเธอ
“คุณป้าโจว จำไว้นะครับ ว่าเงินก้อนนี้เป็นของคุณป้า! ไม่มีใครหน้าไหน เอาของในมือที่เป็นของคุณป้าไปได้! สิทธิมนุษยชน ทุกคนเท่าเทียมกัน คุณป้าจะไปกลัวพวกคนงี่เง่าไร้เหตุผลทำไมครับ?”
ครู่เดียว
ขอบตาของโจวซู่เอ๋อร์ก็แดงเรื่อ พยายามกลั้นน้ำตาของตนไม่ให้ไหล
เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับหยางเฟิง แถมหลันซินยังเป็นแม่ยายของหยางเฟิง
คนนอก
กับแม่ของภรรยา!
หยางเฟิงไม่เพียงไม่ลำเอียงช่วยหลันซิน
แต่กลับช่วยตนเอง
ครู่เดียว
“ขอบคุณนะคะ! ขอบคุณค่ะ!”
โจวซู่เอ๋อร์พูดสองคำนี้ไม่หยุด
นอกจากคำขอบคุณ ก็ไม่มีอะไรจะแสดงความซาบซึ้งในใจของเธอได้แล้ว
หยางเฟิงกล่าวยิ้มๆ : “เอาเงินก้อนนี้ ไปรักษาลูกสาวนะครับ!”
ได้ยินดังนั้น
โจวซู่เอ๋อร์ก็สะกดกลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกต่อไป น้ำตาเธอค่อยๆไหลลงมา
อาการป่วยของลูกสาว เป็นหนามทิ่มแทงใจเธอมาตลอด
ก่อนหน้านี้ไม่มีเงิน ทำได้เพียงให้ลูกสาวตกระกำลำบากไปกับเธอ!
ตอนนี้มีเงินก้อนนี้แล้ว และมันมากพอที่จะช่วยรักษาโรคของโจวเสี่ยวเฉ่า
ลูกสาว ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ!
ฟึบ!
โจวซู่เอ๋อร์คุกเข่าลงกับพื้น พูดพร้อมร้องไห้ : “คุณหยาง คุณเป็นผู้มีพระคุณของเราสองแม่ลูกจริงๆ! จากนี้ไป ต่อให้เราจะเป็นวัวเป็นควายเป็นช้างเป็นม้า เราก็จะต้องตอบแทนบุญคุณของคุณให้ได้!”
หยางเฟิงรีบพยุงตัวโจวซู่เอ๋อร์ขึ้นมา : “คุณป้าโจว อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ สำหรับผมมันเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋วเท่านั้นเองครับ”
ความเย่อหยิ่งที่มองไม่เห็น ถูกพัดลอยออกไปจากตัวของหยางเฟิงอย่างช้าๆ
หยางเฟิงเป็นคนระดับไหนกัน?
เทพสงครามอันดับหนึ่งในต้าเซี่ย!
คนที่เข้าใกล้สถาปนาเทพมากที่สุด
ชาวบ้านพวกนี้ คือคนที่เขาใส่ใจที่สุด
ระหว่างคนรวยกับผู้มีอิทธิพลก็เหมือนหมากัดหมา หยางเฟิงก็เฉยๆไม่ได้อะไร
แต่การข่มเหงกลุ่มคนที่น่ารักนี้ หยางเฟิงไม่อาจยอมรับได้!
ถ้าไม่เห็นแก่เย่เมิ่งเหยียน เกรงว่าครอบครัวของหลันเฟิงคงโดนฆ่าไปนานแล้ว!
“หยางเฟิง!”
ตอนนี้ ในที่สุดหลันซินก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว
ไฟโกรธในใจของเธอมันประทุออกมาแล้ว
หลันซินสีหน้าหน้าซีดเผือดด่ากราดว่า : “หยางเฟิง แกมันไอ้เกลือเป็นหนอน! เพื่อคนนอกคนเดียวแกถึงกับตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันเลยหรือ แกควรสำเหนียกไว้ ว่าแกเป็นแค่เขยแต่งเข้าตัวเล็กๆในตระกูลเย่ของเรา แล้วฉันก็เป็นแม่ยายของแก!”
หยางเฟิงไอ้สารเลว
กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับตนเพียงเพื่อโจวซู่เอ๋อร์
ถ้าไม่สั่งสอนเขาให้ดีสักหน่อย
ต่อไป ตนจะมีฐานะอะไรในบ้านนี้?
เขายังกล้าด่าว่าตนเป็นพวกงี่เง่าไร้เหตุผล!
ตนไร้เหตุผลหรือ?
ไม่ เธอไม่ได้ไร้เหตุผล เธอคือคนที่ฉลาดที่สุด!
พอนึกถึง เงินหนึ่งร้อยล้านที่บินออกจากมือไปอย่างรวดเร็ว
ราวกับมีมีดมาปักลงกลางใจของหลันซิน!
นั่นมันเงินหนึ่งร้อยล้านเลยนะ!
ถ้าไม่ใช่เพราะหยางฟิงลำเอียงช่วยโจวซู่เอ๋อร์
โจวซู่เอ๋อร์ขยะชั้นต่ำนั่น มีหรือที่หล่อนจะไม่เอาเงินร้อยล้านถวายให้ตน?
หยางเฟิงไม่สนใจหลันซิน แล้วพูดกับโจวซู่เอ๋อร์ว่า : “คุณป้าโจว ลงไปก่อนนะครับ ผมให้พ่อบ้านเตรียมห้องไว้ให้แล้ว หลังจากนี้คุณป้าจะจัดการธุระที่นี่”
“แต่ว่า…”
โจวซู่เอ๋อร์ลังเล
เธอรู้ ว่าถ้าตนยังอยู่ที่ตระกูลเย่
จะต้องกระทบต่อความสัมพันธ์ของหยางเฟิงและหลันซินเป็นแน่
หยางเฟิงช่วยเธอมามากมายเหลือเกินแล้ว เธอไม่อยากให้หยางเฟิงต้องมีปัญหาเพราะเธอ
ราวกับดูออกถึงความกังวลของโจวซู่เอ๋อร์ หยางเฟิงกล่าวยิ้มๆ : “คุณป้าโจวสบายใจได้ครับ! ขอเพียงมีผมหยางเฟิงอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีใครจะกล้ามาอะไรกับคุณป้าครับ!”