เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 489
เขาสะบัดมือและพูดว่า: “เอาล่ะ อย่าไปสนใจผู้หญิงดื้อรั้นไร้เหตุผลคนนั้นเลย ปู่ขอถามหน่อย เรื่องจัดการไปถึงไหนแล้ว?”
สำหรับหลันเจิ้น
หลันซินก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงโง่คนหนึ่ง!
ไม่มีอะไรต้องกังวล!
เรื่องด่วนที่ต้องจัดการตอนนี้
คือทำอย่างไรให้ตระกูลหลันรอดพ้นจากวิกฤติ
หลันจื่อพูดด้วยสีหน้าจริงจัง: “คุณปู่ค่ะ หนูใช้เงินไปทั้งหมดประมาณหนึ่งพันล้าน เพื่อรวบรวม สมุนกล้าตาย ที่ชั่วช้ามาหนึ่งร้อยคน ตระกูลโจวจะต้องสูญสิ้นในครานี้!”
พอพูดจบ
แววตาของหลันจื่อก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเคียดแค้น
ยิ่งรักมาก!
ก็ยิ่งเกลียดมาก!
ความเกลียดแค้นของหลันจื่อที่มีต่อโจวห้าวนั้น มีมากกว่าที่มีต่อหยางเฟิงมากนัก
ถูกคนที่คุณตัวเองรักที่สุดหักหลัง
ความเจ็บปวดนี้
ยากที่บรรยายได้!
หากไม่ฆ่าโจวห้าวให้ตาย
เธอจะกินนอนอย่างเป็นสุขได้อย่างไร!
“ดีมาก! หลังจากทำลายตระกูลโจวสำเร็จและยึดครองทรัพยากรทั้งหมดของตระกูลโจวมา รีบไปจัดการกับหม่าตงทันที ต้องสู้กับหยางเฟิงให้ตายกันไปข้างหนึ่ง!”
เมื่อเห็นท่าทางของหลันจื่อกัดฟันด้วยความเคียดแค้น
หลันเจิ้นก็พยักหน้าด้วยความพอใจ
เหตุผลที่หลันเจิ้นตกลงให้หลันจื่อจัดการกับตระกูลโจวก่อน
นอกจากเพื่อล้างแค้นแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องการยึดครองทรัพยากรของตระกูลโจว
ปัจจุบันตระกูลโจวก็ถือว่าเป็นตระกูลชั้นหนึ่งตงไห่ ทรัพยากรที่มีก็เป็นรองเพียงตระกูลเย่เท่านั้น
ถ้าสามารถยึดครองทรัพยากรของตระกูลโจวมาได้
ไม่เพียงแค่ช่วยเติมเต็มความสูญเสียก่อนหน้าของตระกูลหลันเท่านั้น ทั้งยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตระกูลหลันได้อีกด้วย
เมื่อถึงเวลานั้น
ก็มีโอกาสที่จะสามารถต่อกรกับหยางเฟิงได้!
ภายหลังหลันจื่อจากไป
ก็มีเงาดำยังเดินออกมาจากมุมมืด
ตึง!
หลันเจิ้นคุกเข่าลงและพูดขอร้อง “ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ได้โปรดช่วยปกป้องหลานสาวของกระผมด้วย!”
ตอนนี้เหลือหลันจื่อเป็นญาติเพียงคนเดียวของหลันเจิ้น
ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับหลันจื่อ
ตระกูลหลันก็จะไร้ผู้สืบสกุล
เมื่อถึงตอนนั้น ก็ทำได้แค่มอบตระกูลหลันให้หญิงเฒ่าอย่างหลันซินไปฟรีๆ!
ชายชุดดำพยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันจะช่วยแน่!”
พูดเสร็จ
เขาก็หายเข้าไปในเงามืดเหมือนภูตผี
ตระกูลโจวแห่งตงไห่
อาศัยอำนาจของตระกูลหลัน
เติบโตจากตระกูลชั้นสองขึ้นไปเป็นตระกูลชั้นหนึ่ง เป็นรองเพียงตระกูลหลันเท่านั้น
ณ ตอนนี้
ภายในโถงของคฤหาสน์ตระกูลโจว
โจวยี่และโจวห้าวสองพ่อลูกนั่งอยู่ตรงข้ามกัน
นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
โจวยี่พูดด้วยสีหน้ากังวล: “หยางเฟิงจะปล่อยตระกูลโจวของเราไปจริงๆหรือ?”
หลังจากได้ยินว่าโจวห้าวฆ่าหลันเฟิง และยึดเอาทรัพยากรส่วนใหญ่ของตระกูลหลันมา
โจวยี่แทบไม่อยากจะเชื่อเลย
โจวห้าว กล้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ถึงขนาดที่แม้แต่พ่อตาของตัวเองก็ยังกล้าลงมือฆ่า?
แต่เมื่อเขารู้ว่าทั้งหมดนี้เพราะถูกหยางเฟิงบีบบังคับ เขาก็โล่งใจ
ราชาตงไห่!
ชายผู้ที่จู่ๆปรากฏตัวและขึ้นเป็นราชา มีกองกำลังและอำนาจขนาดนี้
เพียงแต่ว่า
สิ่งเลวร้ายที่ตระกูลโจวทำ
แม้จะเทียบไม่ได้กับตระกูลหลัน
แต่หากหยางเฟิงเอาเรื่องขึ้นมาละก็
ตระกูลโจวก็ยากที่จะรอด!
ทุกตระกูลกว่าที่จะก้าวขึ้นมาได้
ก็ต้องมีทำเรื่องสกปรกมาบ้างไม่มากก็น้อย
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
เส้นทางในการสะสมทุนและความมั่งคั่ง ก็โหดร้ายเช่นนี้แหละ!
โจวห้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “พ่อ ไม่ต้องกังวลหรอก! หยางเฟิงเป็นใคร? เขาเป็นราชาตงไห่! คำพูดของเขามีน้ำหนักแน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ความกลัดกลุ้มในใจของโจวยี่ ก็ค่อยๆดีขึ้น
ก็จริงอย่างว่า
บุคคลระดับใหญ่โตอย่างหยางเฟิง
โดยปกติ พูดอะไรออกไปแล้ว จะไม่กลืนน้ำลายตัวเอง
“เฮ้อ!”
โจวยี่ถอนหายใจอีกครั้ง: “น่าเสียดายที่ตระกูลโจวเราสูญเสียทรัพย์สมบัติไปครึ่งหนึ่ง!”
แม้ว่าหยางเฟิงจะปล่อยตระกูลโจวไป
แต่ก็ให้ตระกูลโจวเอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของที่มีไปชดใช้ให้กับพวกคนที่พวกเขาเคยทำร้าย
พอนึกขึ้นมาได้ว่า
ทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งหายไปทั้งแบบนี้
โจวยี่ก็รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก
โจวห้าวยิ้มพร้อมกับปลอบประโลม: “พ่อ เงินกับชีวิตเมื่อเทียบกันแล้ว ชีวิตสำคัญกว่าเงินนะ! แล้วครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสซึ่งยากที่จะมีได้สำหรับตระกูลโจวเรานะ!”