เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 503
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 503
ก่อนหน้านี้ เธอเคยใช้ปืนนี้ฆ่าโจวยี่แห่งแดนปรมาจารย์ตายมาแล้ว
แต่ตอนนี้
ยิงปืนไปอีกสิบกว่ากระบอก
ไม่ต้องพูดถึงว่าหยางเฟิงจะตายเลย แค่ทำแผลก็ยังไม่ต้อง
“เอาล่ะ เธอควรหยุดได้แล้ว!”
หยางเฟิงจ้องไปที่หลันจื่อด้วยดวงตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง
จากนั้น ยื่นมือออกไปข้างหนึ่งจะคว้าคอของเธอ
“ฮ่าๆๆ!”
ทันใดหลันจื่อก็หัวเราะออกมาอย่างอนาถ : “หยางเฟิง แกจะฆ่าฉันหรือ? ฝันไปเถอะ ต่อให้ฉันตาย ก็จะไม่ตายในเงื้อมมือแก!”
ปัง!
พูดจบ
หลันจื่อถือปืนจ่อไปที่ศีรษะของตนแล้วลั่นไก
เสียงปืนดังขึ้น
เลือดสาดกระเด็นออกมา
จากนั้น
หลันจื่อหงายหลังล้มลงกับพื้น
ผมยาวสยายอยู่บนพื้น
เลือดสดไหลทะลักออกมาจากขมับของเธอ
ดวงตาเบิกกว้าง
มองดูท้องฟ้าอย่างว่างเปล่าไร้จิตวิญญาณ
ร่างของหยางเฟิงหยุดนิ่งทันที
เขาเหลือบมองศพของหลันจื่อ แล้วขมวดคิ้ว
เขานึกไม่ถึงเลย
เหลือเชื่อว่าหลันจื่อจะฆ่าตัวตาย!
ก่อนหน้านี้ หลันจื่อยังคุกเข่าขอร้องให้เขาไว้ชีวิตเธออยู่เลย
มาตอนนี้กลับมีความกล้าฆ่าตัวตาย
นี่มันเหนือความคาดหมายของหยางเฟิงจริงๆ
ด้วยการฆ่าตัวตายของหลันจื่อ
ตระกูลหลันและตระกูลโจวก็ถูกทำลายล้างไปสิ้นแล้ว!
ทั่วทั้งพื้นที่ตระกูลโจวมีแต่ซากศพ
มีโจวยี่ โจวห้าวสองพ่อลูกและพวกบอดี้การ์ดของตระกูลโจว
มีเฉินเป่ยเหอและสิบปรมาจารย์ใหญ่ของตระกูลเฉิน
และยังมีหลันจื่อและพวกบ้าระห่ำอีกหลายสิบชีวิตที่เธอหามา
กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ เป็นระยะเวลานาน
กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นเช่นนี้
ทำให้พวกที่หม่าตงพามาด้วยไม่น้อย เกิดอาการคลื่นเหียนอยากอาเจียน
น่ากลัวเกินไป!
เหม็นคาวเลือดเกินไป!
โหดร้ายเกินไป!
แต่หยางเฟิงที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพ
ราวกับเทพมรณะที่ยืนสูงตระหง่าน
ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์
แม้แต่ความอาลัยสักนิดก็ไม่มี
“ไป!”
หยางเฟิงไม่พูดมากความใดๆ
หันกายจากไป
ตกกลางคืน
ตระกูลหลันและตระกูลโจว มะเร็งสองก้อนของตงไห่ได้ถูกทำลายไปพร้อมๆกัน
แต่ยังมีอีกหนึ่งคน
คนๆนี้
หยางเฟิงต้องไปพบเขาสักหน่อ่ย!
เมื่อเห็นหยางเฟิงผละจากไป
เสือขาวและพวกรีบตามไปติดๆ
ส่วนหม่าตงและพวก ถูกทิ้งไว้ที่เดิม
พวกเขายังต้องจัดการกับซากศพมากมายก่ายกองที่พื้น!
ณ สถานพักฟื้นตงไห่
อาคารเล็กสีขาว
ในตอนนี้
หลันเจิ้นนั่งอยู่บนเก้าอี้จีนโบราณตัวหนึ่ง นังกระสับกระส่ายไม่สงบ
ตั้งแต่หลันจื่อออกไป
จิตใจเขาก็กระสับกระส่ายตลอด
รู้สึกเหมือนกับว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
หลันเจิ้นหัวเราะเยาะตัวเอง : “จะไปเกิดเรื่องอะไรได้อย่างไร? หลันจื่อพาพวกบ้าระห่ำไปด้วยตั้งเป็นร้อย ต่อกรกับพวกตระกูลโจวไร้ค่าง่ายเหมือนปอกกล้วยเลยทีเดียว นับประสาอะไรกับท่านผู้อาวุโส!”
“ต่อให้หยางเฟิงมา มีท่านผู้อาวุโสอยู่ ก็ปลอดภัยไร้กังวล!”
สำหรับพละกำลังของเฉินเป่ยเหอ
หลันเจิ้นก็เข้าใจเป็นอย่างดี
นี่คือปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงแห่งแดนปรมาจารย์
อย่างไรเสียเขาก็ใช้ชีวิตมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเห็นปรมาจารย์ใหญ่ผู้แข็งแกร่งในตงไห่เลย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ครั้งนี้ที่ตระกูลเฉินส่งสิบปรมาจารย์ใหญ่มา เพื่อต่อสู้กับหยางเฟิง
ปรมาจารย์ใหญ่หนึ่งคนบวกกับอีกสิบปรมาจารย์ใหญ่
หากการเตรียมการใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ ยังต่อกรกับหยางเฟิงไม่ได้
อย่างนั้นหยางเฟิงคนนี้ก็นับว่าทำลายกฏของธรรมชาติเลยทีเดียว
ดังนั้นในความคิดของหลันเจิ้น
คืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลโจวหรือหยางเฟิงและพวก ก็ล้วนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาแค่ต้องสงบใจอยู่ที่นี่ และรอคอยข่าวดีที่หลํนจื่อจะนำกลับมา!
ถึงแม้ในหัวจะคิดอย่างนั้น
แต่ในใจของหลันเจิ้น ก็ยังคงมีเงาแห่งความไม่สบายใจอยู่
และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเวลาค่อยๆผ่านไปทีละนิด
ความไม่สบายใจนี่ ยิ่งเพิ่มทวีขึ้น
ปัง!
ทันใดนั้น
ในตอนที่ความไม่สบายใจในใจของหลันเจิ้น รุนแรงจนจะบดขยี้ผู้คนให้ตาย!
ประตูใหญ่ก็ถูกผลักให้เปิดออก
หลันเจิ้นหันขวับทันใด
จากนั้น
เขาก็อึ้งตะลึงงันไป