เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 51
เมื่อเห็นหลันซินกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา เย่เมิ่งเหยียนก็รีบพูดโพล่งออกมา
เฮ้อ!
หลันซินถอนใจแล้วหันไปค้อนใส่หยางเฟิง
เอี๊ยด!
หยางเฟิงขับรถมายบัคพาครอบครัวของเย่เมิ่งเหยียนออกจากวิลล่าหยุนติ่งไป
……
เย่ซื่อกรุ๊ป
บริเวณหน้าประตู
หาวเจี้ยนพาพนักงานหลายพันคนไปยืนรออยู่หน้าประตูอย่างร้อนใจ
ตั้งแต่ตระกูลเย่ลงจากอำนาจ ผู้จัดการเย่ซื่อกรุ๊ปอย่างหาวเจี้ยนก็รู้สึกกังวลตลอดมา
เมื่อวานหาวเจี้ยนได้รับสายโทรศัพท์จากเลขาของหม่าตง
โดยเธอบอกว่าวันนี้จะมีประธานคนใหม่มารับตำแหน่งเย่ซื่อกรุ๊ป
คำโบราณว่าเอาไว้ว่า เมื่อฮ่องเต้เปลี่ยน ขุนนางก็จะต้องถูกเปลี่ยนตามไปด้วย
และเพื่อรักษาตำแหน่งผู้จัดการของตัวเองเอาไว้
หาวเจี้ยนจึงรีบมาที่บริษัทแต่เช้าตรู่ โดยพาพนักงานทั้งหมดมารอต้อนรับประธานอยู่ด้านหน้าประตู
“ผู้จัดการหาวคิดว่าประธานคนใหม่คือใครหรือ”
“ใช่ นี่รอกันมาตั้งชั่วโมงนึงแล้ว ทำไมท่านประธานคนใหม่ยังมาไม่ถึงอีก”
“การไม่มีท่านประธานทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจยังไงก็ไม่รู้”
พนักงานของเย่ซื่อกรุ๊ปต่างพากันพูดวิพากษ์วิจารณ์กันกระหึ่ม
ห้าวเจี้ยนหันไปจ้องพวกเขาเขม็ง แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นักว่า “หุบปากเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวท่านประธานก็ได้เห็นพวกแกในสภาพวุ่นวายกันแบบนี้หรอก พวกแกอยากโดนไล่ออกกันหรือยังไง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนต่างพากันปิดปากสนิท
“ทำไมยังไม่มาอีกนะ”
หาวเจี้ยนมองออกไปไกลๆ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
บรื้นน!
รถยนต์คันหนึ่งส่งเสียงกระหึ่มดังมาแต่ไกล รถยนต์มายบัคคันหนึ่งที่มีมูลค่ามากถึงร้อยล้านได้ขับมาถึง
“ทุกคนระวังตัวกันหน่อย ประธานคนใหม่มาถึงแล้ว!”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หาวเจี้ยนก็รีบตะโกนเตือนออกมา
พนักงานทุกคนต่างพากันยืนเรียบร้อย ไม่กล้าทำตัววุ่นวายอีก
เมื่อประตูรถถูกเปิดออก หยางเฟิงและคนอื่นๆ ก็เดินลงจากรถมา
เมื่อเย่ไห่เห็นสิ่งปลูกสร้างอันคุ้นตาตรงหน้า ก็ทำเอ่ยถามด้วยอาการช็อก “ลูกพาพวกเรามาที่เย่ซื่อกรุ๊ปทำไม”
สีหน้าของเย่เมิ่งเหยียนตอนนี้ก็ประหลาดใจเช่นกัน
หยางเฟิงหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้เย่ซื่อกรุ๊ปเป็นของพวกเราแล้ว”
ห๊ะ!
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฟิง เย่เมิ่งเหยียนและคนอื่นๆ ต่างพากันเบิกตากว้างด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“หยางเฟิง ลูกพูดล้อเล่นอะไรอยู่ เย่ซื่อกรุ๊ปจะเป็นของพวกเราได้ยังไง”
แม้ว่าเย่ไห่จะเป็นคนในตระกูลเดียวกับเย่เมิ่งเหยียน แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดว่าเย่ซื่อกรุ๊ปจะตกเป็นของเขาได้
เนื่องจากครอบครัวของเย่ไห่มีฐานะต้อยต่ำที่สุดในตระกูลเย่ ดังนั้นนายท่านเย่ไม่มีทางยกเย่ซื่อกรุ๊ปให้พวกเขา
หลันซินเอ่ยด้วยสีหน้ายากลำบาก “หยางเฟิง ลูกอย่าพูดจาเหลวไหลได้ไหม เดี๋ยวยามก็มาไล่พวกเราออกไปหรอก แม่ถามลูกจริงๆ”
เมื่อเห็นหลันซินและคนอื่นๆ ไม่เชื่อ หยางเฟิงก็ได้แต่ยิ้มโดยไม่ได้อธิบายอะไร
“ยินดีต้อนรับ ท่านประธานคนใหม่!”
หาวเจี้ยนเดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อะไรกันผู้จัดการหาว”
เมื่อเย่ไห่เห็นหาวเจี้ยนจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
หาวเจี้ยนเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเย่ไห่และคนอื่นๆ ต่างพากันมีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน
“คุณชายใหญ่ ทำไมถึงเป็นพวกคุณล่ะ หรือว่าประธานคนใหม่คือพวกคุณ”
“ผู้จัดการหาว ท่านพูดเหลวไหลอะไรอยู่ พวกเราจะเป็นประธานคนใหม่ได้ยังไง”
เย่ไห่ส่ายหน้าพลางกล่าว
หยางเฟิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “พ่อ เขาไม่ได้พูดอะไรผิดหรอก พ่อนั่นแหละคือประธานคนใหม่”
เอ่อ?
เมื่อได้ยินประโยคนั้นทุกคนต่างพากันชะงักงัน
หยางเฟิงมองไปทางหาวเจี้ยนแล้วกล่าวว่า “คุณคือคนที่หม่าตงให้มาต้อนรับพวกเราใช่ไหม”
หาวเจี้ยนพยักหน้า “ใช่แล้ว ขอถามว่า……”
ยังไม่ทันพูดจบประโยค หยางเฟิงก็ถือเอกสารชุดหนึ่งออกมาแล้วกล่าวว่า “นี่คือหนังสือโอนกรรมสิทธิ์หุ้นของเย่ซื่อกรุ๊ป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเย่ซื่อกรุ๊ปจะกลายเป็นของครอบครัวพ่อตาฉันแล้ว”
หาวเจี้ยนรับหนังสือโอนกรรมสิทธิ์มา สุดท้ายจึงมั่นใจว่าเย่ไห่เป็นประธานกรุ๊ปคนใหม่จริงๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ หาวเจี้ยนจึงหันไปพูดกับเย่ไห่ด้วยสีหน้านอบน้อม “สวัสดีครับท่านประธาน!”