เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 513
ดูเหมือนว่าไอ้แก่คนนี้จะซุกซ่อนเอาไว้อย่างลึกซึ้ง!
เพียงแต่ไม่เป็นไร
ต่อให้เป็นหมาจิ้งจอกที่เจ้าเล่ห์แค่ไหน
สักวันหนึ่ง ก็จะต้องปรากฏหางจิ้งจอกของตนเองออกมา!
หยางเฟิงฆ่าลูกชายทั้งสองของเย่เทียน แล้วยังทำลายครอบครัวพี่ใหญ่ของเย่เทียนอีก
เขาไม่เชื่อว่า เย่เทียนจะไม่มีความอาฆาตแค้นต่อตนเองเลยแม้แต่นิดเดียว
ที่ตอนนี้เย่เทียนมีการแสดงออกอย่างกระตือรือร้นต่อตนเองขนาดนั้น ล้วนเป็นการเสแสร้ง
แน่นอนว่า
แผนการร้ายหลอกลวงทุกสิ่งทุกอย่าง ต่อหน้าอย่างเฟิงก็ล้วนเป็นเสือกระดาษ
เพียงแต่เย่เทียนเป็นคุณปู่ของเย่เมิ่งเหยียน
ขณะที่ยังไม่มีพยานหลักฐานที่แน่นอน
หยางเฟิงก็ไม่อาจลงมือกับไอ้แก่ตายยากคนนี้ได้!
วันต่อมา
ณ วิลล่าหยุนติ่ง
“หยางเฟิง แกมันไอ้สารเลว! แกฆ่าพี่ใหญ่ของฉัน! ตอนนี้ยังจะมากักบริเวณพ่อของฉันอีก!”
“แกต้องการจะฆ่าตระกูลหลันของฉันให้สิ้นซากเลยหรืออย่างไร? ถ้าคุณมีความสามารถ ก็ฆ่าฉันไปด้วยเลยสิ!”
“ฉันก็เป็นคนของตระกูลหลัน! อีกอย่าง คุณก็ฆ่าเมิ่งเหยียนไปด้วยเลยสิ เธอก็มีสายเลือดของตระกูลหลันเหมือนกัน!”
หลังจากหลันซินได้ทราบเรื่องของตระกูลหลัน ก็กระฟัดกระเฟียดตั้งแต่เช้าตรู่
เผชิญหน้ากับการคำรามของหลันซิน
หยางเฟิงนั่งอยู่บนโซฟา ไม่พูดไม่จา
เย่เมิ่งเหยียนที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า: “แม่ คุณอย่าพาลหาเรื่องไปเลย! ตระกูลหลันทำความผิดมหันต์ในตงไห่ ที่หยางเฟิงทำเช่นนี้ก็มีเหตุผล……”
“มีเหตุผลกะผีเหรอ?”
ไม่รอให้เย่เมิ่งเหยียนพูดจบ
หลันซินก็ด่าขึ้นมาทันทีว่า: “เย่เมิ่งเหยียน ตกลงแกยังเป็นคนตระกูลหลันอยู่ไหม? หยางเฟิงฆ่าคุณลุงของแก น้องสาวของแก กักบริเวณคุณตาของแก คาดไม่ถึงว่าแกยังจะช่วยเขาพูดอีกเหรอ? แกทำให้ฉันต้องผิดหวังอย่างมากจริงๆ!”
“คุณ……..”
เห็นว่าหลันซินพาลไม่ยอมฟังเช่นนี้
เย่เมิ่งเหยียนก็ต้องการจะโต้แย้ง
แต่เธอก็ได้แต่อ้าปาก พูดไม่ออกเลยสักคำเดียว
ที่หลันซินพูดไม่ผิด
ถึงอย่างไรในตัวของเธอ ก็ยังไหลรินไปด้วยเลือดของตระกูลหลัน!
เวลานี้
หยางเฟิงลุกขึ้นยืน มองหลันซินแล้วกล่าวว่า: “แม่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำฉันก็รู้อยู่แก่ใจ! ตระกูลหลันคือเนื้อร้ายก้อนหนึ่งของตงไห่ หากไม่ขุดรากถอนโคนละก็ ฉันก็จะต้องรู้สึกผิดต่อประชาชนทั้งเมืองตงไห่”
“ฮ่าๆๆ!”
หลันซินหัวเราะเสียงดัง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า: “หยางเฟิง แกเปลี่ยนเป็นคนมีคุณธรรมสูงส่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ทั้งยังทำเพื่อประเทศเพื่อประชาชนอีกเหรอ? แกสูงส่งขนาดนั้น ทำไมแกไม่ไปเป็นคุณชายล่ะ? วิ่งแจ้นมาเป็นลูกเขยตระกูลเย่ทำไม?”
“อีกอย่าง ตระกูลหลันทำผิด ปกติแล้วก็จะมีหน่วยที่เกี่ยวข้องมาจัดการอยู่แล้ว ต้องการให้แกเข้ามายุ่งเรื่องของชาวบ้านเหรอ?”
“หยางเฟิงแกเป็นลูกเขยของฉัน แกไร้น้ำใจไร้คุณธรรม ไม่เห็นแก่หน้าใครเช่นนี้! ฆ่าพี่ใหญ่ของฉัน ฆ่าหลานสาวของฉัน กักบริเวณพ่อของฉัน แกยังเห็นแม่ยายอย่างฉันคนนี้อยู่ในสายตาบ้างไหม?”
หลันซินยิ่งพูดยิ่งโมโห
ไอ้สารเลวหยางเฟิงคนนี้
ทำเรื่องที่เกินไปต่อตนเอง ต่อตระกูลหลันเช่นนี้
แสดงว่าไม่เห็นว่าตนเองเป็นแม่ยายโดยสิ้นเชิง!
เมื่อเห็นว่าหลันซินยิ่งพูดยิ่งมากเกินไป
สีหน้าของหยางเฟิงก็มืดมนลงมา: “แม่ ฉันเห็นแก่หน้าคุณกับเมิ่งเหยียนอยู่แล้ว มีความเมตตาต่อตระกูลหลันแล้ว! หลันเฟิงคือโจวห้าวเป็นคนฆ่า ส่วนหลันจื่อก็ฆ่าตัวตาย ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับฉันแต่อย่างใด! ส่วนหลันเจิ้น ความผิดของเขา เพียงพอที่เขาจะถูกยิงเป้าสิบครั้ง แต่ฉันเพียงแค่กักบริเวณเขา ก็นับว่ายกผลประโยชน์เขาแล้วนะ!”
“เชอะ!”
หลันซินกล่าวอย่างเหยียดหยาม: “หยางเฟิง แกเสแสร้งกับฉันให้มันน้อยๆ หน่อยนะ! พี่ใหญ่ของฉันถูกโจวห้าวฆ่าที่ไหนกัน? ถ้าไม่ใช่เพราะแกบีบบังคับโจวห้าว เขาจะฆ่าพี่ใหญ่ของฉันเหรอ?”
“อีกอย่างหลันจื่อ เธอก็ถูกแกบีบบังคับให้ตาย ถ้าแกไม่บังคับเธอ เธอจะฆ่าตัวตายเหรอ?”
“ทีหลังแกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ ฉันไม่มีลูกเขยที่ไร้น้ำใจไร้คุณธรรมอย่างแก!”
สำหรับการเถียงข้างๆ คูๆ ของหยางเฟิง
หลันซินไม่เชื่อถือแม้แต่คำเดียว
ที่หลันเฟิงกับหลันจื่อต้องตาย
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้
หยางเฟิงล้วนเป็นคนทำทั้งหมด!
“ในเมื่อคุณพูดเช่นนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว!”
เห็นหลันซินก่อความวุ่นวายสุ่มสี่สุ่มห้า