เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 53
เย่ลั่วตบไหล่เย่ชิวแล้วตอบพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง พี่ไม่เอาเปรียบนายแน่ นายจะได้เป็นผู้จัดการของเย่ซื่อกรุ๊ป”
“เจ๋งมาก ขอบคุณครับพี่”
พอได้ยินคำตอบเช่นนี้ สีหน้าของเย่ชิวก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เดิมทีเขาเป็นเพียงหนุ่มเพลย์บอยคนหนึ่งเท่านั้น จึงไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้เป็นผู้จัดการของเย่ซื่อกรุ๊ป
เย่กวงจึงถามต่อด้วยความลังเล “หลานชาย ถ้าอย่างนั้นใครจะเป็นประธานของเย่ซื่อกรุ๊ปเหรอ”
ช่วงเวลานั้น สายตาของทุกคนจับจ้องมาอยู่ที่เย่ลั่ว
เย่ลั่วหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “พวกคุณมองผมอย่างนี้หมายความว่าไง ประธานเย่ซื่อกรุ๊ปก็ต้องเป็นผมสิ เงินที่ออกเป็นเงินผม ถ้าผมไม่เป็นประธานแล้วใครจะเป็น พวกคุณจะเป็นหรือไง”
“ไม่ๆๆๆ!”
เย่กวงและคนอื่นๆ ต่างพากันส่ายหน้าทันที
“แต่ว่า หลานชาย ถ้าหลานเป็นประธาน แล้วพ่อของอาล่ะ”
เย่กวงเอ่ยถามด้วยสีหน้าลำบากใจ
“พ่อของอา?”
เย่ลั่วหันไปมองเย่เทียนที่นั่งอยู่บนวีลแชร์อย่างดูแคลน ก่อนจะยิ้มหยันแล้วกล่าวว่า “คนพิการอย่างนี้จะเป็นอะไรได้ อย่างมากก็ได้แค่กินนอนรอวันตายเท่านั้น”
คราวที่แล้วเย่เทียนโกรธเย่ลั่วมากจนกระอักเลือดออกมา และป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตกในที่สุด
ตอนนี้เย่เทียนเป็นอัมพาตทั้งตัว เคลื่อนไหวไม่ถนัดจึงได้แต่นั่งอยู่บนวีลแชร์
“แก……”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นของเย่ลั่ว เย่เทียนก็โกรธมากจนหน้าแดงก่ำ
ไอ้สารเลวนี่ไม่เพียงแค่ทำให้ตนต้องเป็นอัมพาตเท่านั้น ตอนนี้ยังมาพูดจาเยาะเย้ยดูถูกเขาอีก สมควรตายจริงๆ
“ผมว่าท่านประธานพูดถูก ตอนนี้ปู่ของผมก็เป็นแค่คนพิการคนหนึ่ง มีชีวิตอยู่ก็เปลืองข้าวเปลืองน้ำเปล่าๆ ผมว่าเอาไปส่งไว้ที่บ้านพักคนชราดีกว่า เกิดมาเองได้ก็ปล่อยให้ตายไปเองได้”
เย่ชิวหันไปมองเย่เทียนด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
“ไอ้เด็กสวะ ฉันเป็นปู่ของแกนะ!”
เย่เทียนได้ยินเย่ชิวพูดแบบนั้นก็โกรธจนตะโกนด่าออกมา
“เห๊อะ!”
เย่ชิวพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจ “เมื่อก่อนตอนที่ปู่มีเงินมีอำนาจ ผมยังกลัวปู่อยู่บ้าง แต่ตอนนี้ปู่เป็นอัมพาตไปแล้ว ผมยังจะต้องกลัวอะไรอีก ผมว่าปู่สละตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่ไปดีกว่า แล้วให้พ่อผมเป็นแทน”
เย่ลั่วหันไปมองเย่กวงแล้วถามว่า “คุณอาไม่อยากเป็นผู้นำตระกูลเย่หรอกหรือ”
“คือ……”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่กวงก็เริ่มลังเล
ตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่ เป็นตำแหน่งที่เย่กวงเฝ้าฝันมานานหลายปีแล้ว
ตอนนี้มีโอกาสดีขนาดนี้ ตำแหน่งอย่างผู้นำตระกูลเย่ทำให้หัวใจของเย่กวงไหวหวั่น
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เย่กวงก็กัดฟันตัดสินใจเด็ดขาด
เย่กวงเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างเย่เทียนแล้วกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “พ่อ ผมว่าเย่ชิวพูดไม่ผิด ตอนนี้พ่อเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว หากยังครองตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่ต่อไปก็เสียเวลาเปล่า ผมว่าพ่อยกตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่ให้ผมจะดีกว่า ผมจะได้ส่งพ่อไปอยู่บ้านพักคนชรา!”
“อะไรนะ แม้แต่แกก็ยังกล้าพูดแบบนี้ออกมาด้วยเหรอ”
เย่เทียนถลึงตาจ้องเย่กวงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
เขาไม่มีทางคาดคิดอย่างเด็ดขาดว่าลูกชายคนที่เขารักที่สุด สุดท้ายจะแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลไป และยังจะส่งเขาไปอยู่ที่บ้านพักคนชราอีก
“แกมันเนรคุณ ไอ้สุนัขจิ้งจอก ต่อให้ฉันตายฉันก็ไม่มีทางยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้แก ไสหัวไป ฉันจะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่ให้เย่ไห่!”
เย่เทียนโกรธจนตะโกนด่าออกมา
เมื่อได้ยินเย่เทียนพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าของเย่กวงก็แข็งกระด้างขึ้นมาทันที
เพี๊ยะ
ทันใดนั้นเอง เย่กวงตบเข้าที่ใบหน้าของเย่เทียนอย่างแรง
“แก……”
เย่เทียนเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่เย่กวงด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา
เย่กวงกล้าตบหน้าตน?
นี่ตนยังเป็นพ่อของเขาอยู่อีกไหม?
เขาทำแบบนี้ได้ยังไง
“เห๊อะ” เย่กวงพ่นลมหายใจ “คนแก่หนังเหนียวอย่างแก ยังคิดจะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้เย่ไห่อีกรึ ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ อย่าฝันหวานไปเลย ตำแหน่งผู้นำตระกูลของแก ยกให้ฉันง่ายๆ ก็ดี แต่ถ้าไม่ให้ก็ต้องให้อยู่ดี”