เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 568
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 568
สายตาของเขาเปลี่ยนไป ค่อยๆ ลึกลงไป
ราวกับว่าในดวงตาของเขา มองเห็นเป้าหมายอันยิ่งใหญ่
“เรื่องทั้งหมด ต้องเริ่มพูดตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อน…”
ต่อมา
เย่หลงเล่าถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานนับร้อยปี
เมื่อร้อยปีก่อน
ปู่ของเย่หลงคือผู้ริเริ่มมวยหย่งชุน เย่เวิ่น!
เย่เวิ่น สามารถขึ้นเป็นปรมาจารย์ใหญ่สูงสุดในยุคที่วุ่นวายนั้นได้ ก็เพราะอาศัยชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร
หลังจากที่เย่เวิ่นเสียชีวิต
พ่อของเย่หลงก็นำเอาชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร มาที่หมู่บ้านตระกูลเย่ในปัจจุบัน และใช้ชีวิตอย่างสันโดษโดยตลอดมา
จุดประสงค์ก็เพื่อปกปักรักษาชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร
หลังจากที่พ่อของเย่หลงเสียชีวิต เย่หลงก็กลายเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน และคอยปกป้องชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรต่อไป
เฮ้อ!
เย่หลงจู่ๆ ก็ถอนหายใจอย่างกะทันหัน: “พวกเราคนหมู่บ้านตระกูลเย่ ภารกิจที่สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนก็คือการปกป้องชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ข่าวของชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร ในที่สุดก็รั่วไหลออกไป…”
เล่ามาถึงตอนจบ
สีหน้าของเย่หลงปรากฏความเสียใจออกมา
ตามคำสั่งเสียของบรรพบุรุษ
ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรนั้นสำคัญมาก
เมื่อมันปรากฏขึ้น จะทำให้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ในยุทธภพ!
ปรมาจารย์ใหญ่เย่เวิ่น ไม่ต้องการปล่อยให้เกิดการฆ่าล้างกันเป็นจำนวนมาก เลยเคยคิดที่จะทำลายชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร
แต่น่าเสียดายที่ของสิ่งนี้ไม่ได้ทำมาจากไม้ ทอง หรือเหล็ก แต่ทำมาจากวัสดุพิเศษ
แม้แต่ความแข็งแกร่งระดับเย่เวิ่น ก็ยังมันไม่สามารถทำลายมันได้!
เขาจึงกำชับให้ลูกชายของเขาคอยปกปักรักษาชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น!
ได้ยินถึงตรงนี้
หยางเฟิงก็รู้สึกตกตะลึง
เชรดเข้!
ที่แท้หมู่บ้านตระกูลเย่ก็คือลูกหลานของเย่เวิ่น ปรมาจารย์ใหญ่ผู้ยิ่งใหญ่ของศิลปะการต่อสู้!
มิน่าล่ะ ตั้งแต่ที่เขามาถึงหมู่บ้านตระกูลเย่
ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา
หยางเฟิงถามต่อ: “ท่านผู้เฒ่า ตอนนี้มีโลกบู๊หลั่งไหลเข้ามาในหมู่บ้านตระกูลเย่มากมาย ท่านจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?”
แม้หยางเฟิงจะมีเตรียมแผนรับมือที่รัดกุมมากเอาไว้แล้ว
แต่หยางเฟิงก็ยังอยากจะรู้ว่า จิ้งจอกเฒ่าเย่หลงนี้วางแผนอะไรไว้
อย่างไรเสีย
การที่เย่หลงสามารถหลบซ่อนตัวมาได้จนถึงตอนนี้ ต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดาแน่นอน
เย่หลงยิ้มอย่างมีลับลมคมในและพูดว่า : “แผนของข้าง่ายมาก นั่นคือข้าจะมอบชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรให้เจ้าเก็บรักษาไว้!”
“อะไรนะ?”
หยางเฟิงตกใจและงุนงง
เขาคิดว่าเขาได้ยินผิด
ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร?
สมบัติที่ผู้คนโลกบู๊นับไม่ถ้วนต่อสู้แย่งชินกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เย่หลงกลับจะมอบมันให้กับตัวเขาเองอย่างง่ายดาย?
โลกนี้จะมีเรื่องดีขนาดนี้ได้อย่างไร?
เขาเคยเจอกับเย่หลงเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น
และอีกอย่าง
เขาก็ไม่ใช่คนของหมู่บ้านตระกูลเย่
เขาคิดจนหัวจะระเบิดก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมเย่หลงถึงจะเอาชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรให้เขา?
หยางเฟิงถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ: “ท่านผู้เฒ่า ท่านล้อข้าเล่นหรือเปล่า ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรสำคัญขนาดนี้ ทำไมท่านไม่ลองแอบฝึกเองล่ะ?”
คำพูดของเย่หลง
หยางเฟิงฟังแล้วก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
ไอ้แก่นี่เจ้าเล่ห์เพทุบาย
ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจริงหรือเท็จ?
ถ้าเกิดว่า เขากำลังหยั่งเชิงข้าอยู่ละ?
หยางเฟิงไม่ใช่เด็กอมมือ
เขาจะไม่โดนหลอกแบบนี้แน่!
เมื่อเห็นหยางเฟิงมีท่าทีระวังตัว
ใบหน้าของเย่หลงก็ปรากฏความรู้สึกจนปัญญาอย่างอดไม่ได้
หากเขามอบชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรให้คนอื่น
คนอื่นคงจะตื่นเต้นดีใจไปหมดแล้ว
ไหนเลยจะเหมือนหยางเฟิง
ที่กลับคอยระมัดระวัง ราวกับว่าเย่หลงต้องการที่จะทำร้ายเขา!
เย่หลงมองบนใส่หยางเฟิง: “เจ้าเด็กน้อย เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากฝึกหรือ? แต่บรรพบุรุษเคยสั่งเสียไว้ว่า ไม่อนุญาตให้ลูกหลานตระกูลเย่ฝึกภาพมกุฎมังกร!”
“และที่สำคัญที่สุดคือ บรรพบุรุษฝังชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรไปกับร่างของเขา แม้ข้าจะอยากจะเอามันออกมา ก็ทำไม่ได้ เจ้าคงจะไม่บอกให้ข้าไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของตัวเองหรอกนะ?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้
เย่หลงรู้สึกหดหู่ใจมาก
ก็ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษคิดยังไง
ถึงได้ยอมฝังชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรไว้ในโลงศพซะยังดีกว่าที่จะให้ลูกหลานของตนเองฝึก…
เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่หลงพูด
หยางเฟิงกลอกตาไปมาด้วยความสงสัย และพูดว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านสามารถเอามันให้คนในหมู่บ้านตระกูลเย่ฝึกได้นี่! พวกเขาทั้งหมดก็เป็นทายาทของเย่เวิ่น!”