เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 606
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 606
เดิมทีพลังของสี่ตระกูลมหาเศรษฐีก็แตกต่างกันไม่มาก
ตระกูลหยางถึงแม้อยู่ในสี่ตระกูลมหาเศรษฐีจัดอันดับอยู่ด้านล่าง
แต่ตระกูลหยางทำเรื่องเงียบ ๆ
หลายปีมานี้ใครก็ไม่รู้ว่าตระกูลหยางแอบสะสมพลังมากเท่าไหร่แล้ว
ถ้าหากบวกกับหยางเฟิงคนหนึ่งอีก
เกรงว่า
ตระกูลหยางจะขมขู่ตระกูลหนิง ในตำแหน่งของตระกูลเศรษฐี
ข่าวนี้จะต้องบอกผู้นำตระกูล!
ต้องให้ผู้นำตระกูลเตรียมความพร้อม ไม่ให้หยางเฟิงกลับสู่ตระกูลหยางได้อย่างเด็ดขาด!
พอคิดถึงที่นี่
สายตาที่สวีโหย่วหรงมองไปทางหยางเฟิงมีสีหน้าที่แปลกประหลาดเพิ่มมาเล็กน้อย
ถ้าให้หล่อนรู้
หยางเฟิงถูกเรียกให้มีชื่อว่าเทพสงครามต้าเซี่ย
เป็นการดำรงอยู่ที่ตระกูลเศรษฐีทุกตระกูลต่างก็ต้องให้ความเคารพและคาดหวัง
เกรงว่าก็จะทำให้ตกใจตายในตอนนั้น!
กลับกัน
สายตาที่หนิงชิงเฉิงมองไปทางหยางเฟิงเป็นสีที่คลุมเคลือ
นี่ถึงเป็นผู้ชายที่หล่อนหนิงชิงเฉิงรัก
ผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่เหมือนภูเขาถึงจะเป็นที่พักพึงของหล่อนทั้งชีวิต
กระทั่งผู้ชายคนอื่น ๆ
อยู่ต่อหน้าหยางเฟิง
ก็เหมือนแสงเทียนกับไฟเรืองแสงอย่างนั้น ไม่มีแสงมืดสลัวอย่างสิ้นเชิง
เพียงเห็นหนิงชิงเฉิงพูดพึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ว่า“เฮียหยาง ไม่ว่าคุณจะหลบหลีกฉันยังไง หลบฉันกระทั่งด่าฉันอย่างเหยียดหยาม ฉันต่างก็จะไม่ปล่อยคุณไป! ต้องมีสักวันหนึ่ง ฉันต้องให้คุณกลายเป็นผู้ชายของฉันหนิงชิงเฉิง!”
ทันใดนั้น
เงาร่างของหยางเฟิงในดวงตาของหนิงชิงเฉิงก็ยิ่งสูงใหญ่ขึ้น!
และเวลานี้
หยางเฟิงยืนตรงอยู่กับที่ สองมือไพล่ด้านหลัง
เสื้อผ้าบนตัวถูกลมพัดดังฟู่ฟ่า
บนหน้าไม่มีความดีใจและเสียใจ
เหมือนที่เขาคำรามถอยไปไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งสามพันคน
แต่เป็นไก่อ่อนสามพันตัว!
หยางเฟิงมองผู้คุมกฎสิบและคนอื่น ๆ อยู่ มุมปากยกขึ้น“คนของผม ไม่ใช่ที่พวกคุณอยากแตะต้องก็สามารถแตะต้องได้! ทำไม? พวกคุณยังกล้าจะต่อสู้เหรอ?”
ประโยคสุดท้าย
เงียบสงบเหมือนลม
กลับเหมือนฟ้าร้องที่ทำให้ตกใจอย่างนั้น แตกระเบิดอยู่ข้างหูของผู้คุมกฎสิบและคนอื่น ๆ
แววตาที่ผู้คุมกฎสิบมองไปทางหยางเฟิงเต็มไปด้วยความมืดมน
เวลานี้ ในที่สุดเขารู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างตัวเองกับหยางเฟิง
เขาไม่ได้พูด
เพราะตอนนี้คำพูดใด ๆ ต่างก็ไม่มีเรี่ยวแรง
กระทั่งเหลิงฉานก็ยิ่งไม่ดีมาก ๆ
เดิมทีเขาก็ถูกหยางเฟิงทำร้ายบาดเจ็บ
ถึงแม้ผ่านการรักษาบาดแผลหลายวัน อาการบาดเจ็บก็ฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว
แต่ผ่านเสียงของหยางเฟิงนี้แล้วมีผลต่อการบาดเจ็บภายในร่างกาย
มองสายตาที่หยางเฟิงมองมาทางตัวเองอยู่ เขาไม่รู้เป็นยังไงในใจตื่นตระหนกอย่างแปลกประหลาด
พู่!
เหลิงฉานอดไม่ได้ที่จะพ่นเลือดสดออกมา
สายตาที่เขามองไปทางหยางเฟิงเต็มไปด้วยความกลัว!
ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมากแล้วจริง ๆ
แข็งแกร่งดุดันเหมือนเขาต่างมีความรู้สึกเลื่อมใสต่อคุณธรรมที่สูงส่งชนิดหนึ่ง!
“ผู้คุมกฎ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
มองเห็นเหลิงฉานพ่นเลือดออกมา หลี่ซู่ขึ้นมาถามอย่างเป็นห่วง
“ไสหัวไป!”
เหลิงฉานเช็ดรอยเลือดที่ข้างปากอย่างดุร้าย พูดตำหนิ
หลี่ซู่ก็เคยชินแล้ว ถอยไปด้านข้าง
เพียงแต่ความเย็นชาในดวงตาทั้งสองของเขาในพริบตาก็หายไป
จากที่เหลิงฉานพ่นเลือดออกมา
หลี่ซู่สามารถตัดสินได้ว่าอาการบาดเจ็บของ
เขาไม่เพียงไม่หายดี แต่กลับยิ่งหนักขึ้นแล้ว!
พอคิดถึงที่นี่
มุมปากของหลี่ซู่ก็ค่อย ๆ เปิดเผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา……
“พวกขยะ!”
เห็นไม่มีใครรับสู้ หยางเฟิงกวาดตามองทุกคนแวบหนึ่งพูดอย่างไม่มีความสนใจ
นี่ก็คือปรมาจารย์ที่โดดเดี่ยว!
ถึงแม้หยางเฟิงไม่กลัวอะไร ไม่มีใครสู้ได้ในสนามรบ
แต่หลายปีมานี้ยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่สามารสู้ได้
ถึงแม้เป็นฝ่ายศัตรูนายพลที่มีชื่อเสียงมานานเหล่านั้น อยู่ในมือของเขาก็รับไม่ถึงสามกระบวนท่า!
ประโยคเดียวทุกคนก็พูดไม่ออกในทันที
ทุกคนหน้าแดง
กลับไม่มีใครกล้าโต้แย้งสักประโยคหนึ่ง
เพราะหยางเฟิงพูดไม่มีผิด
พวกเขาอยู่ต่อหน้าหยางเฟิงก็คือขยะ!
หยางเฟิงนี่ถึงหมุนตัวพูดเสียงดังต่อเสือขาวและคนอื่น ๆ “พวกเราไป!”
พูดจบ
หยางเฟิงก็นำหน้าหันเดินไปทางประตูสุสาน
ทุกคนทำได้เพียงมองหยางเฟิงเดินไปอย่างนิ่งดูดาย