เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 62
ปั้ง!
ปั้ง!
ปั้ง!
เวลาไม่ถึงสามนาที บอดี้การ์ดสิบกว่าคนก็ล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้น
“แกเป็นปรมาจารย์ไว่จิ้งเหรอ”
หม่าตงจ้องไปที่ชายหน้าบากเขม็ง เขากล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
บนยุทธภพแห่งนี้ สามารถแบ่งยอดฝีมือออกได้เป็นสามระดับคือ ไว่จิ้ง เน่ยจิ้งและฮั่วจิ้ง
สิ่งที่ปรมาจารย์ไว่จิ้งฝึกฝนคือกังฟูเหิงเลี่ยน
หนังเหนียวราวเหล็กกล้า ยากที่จะทำลาย
ส่วนบอดี้การ์ดของหม่าตง แม้ว่าจะเป็นทหารที่ปลดประจำการออกมา
แต่เมื่อเทียบกับปรมาจารย์ไว่จิ้งแล้ว ยังถือว่าห่างชั้นกันอยู่ไม่น้อย
เย่หมิงหัวเราะเบาๆ “หม่าตง นับว่าแกยังมีสายตาเฉียบคมอยู่บ้างนะ ใช่แล้ว นี่เป็นปรมาจารย์ไว่จิ้งของตระกูลเย่ ฉันขอแนะนำอะไรให้อย่างหนึ่งนะ พรุ่งนี้แกยกโครงการเขตอุตสาหกรรมให้ฉันซะดีๆ ไม่อย่างนั้นแล้วตระกูลหม่าของแกจะกลายเป็นสุนัขจรจัดไปกันทั้งหมด!”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็พาพวกเดินออกไปด้วยท่าทางโอหัง
เมื่อเห็นว่าเย่หมิงกลับไปแล้ว หม่าตงจึงกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ
หม่าตงรู้ดีว่า ลำพังเพียงพละกำลังของตนเองไม่มีทางรับมือกับเย่หมิงได้แน่
เขาหยิบมือถือออกมาเพื่อโทรหาหยางเฟิง
“คุณหยางครับ ตระกูลเย่แห่งเมืองเอกพาคนมาพบผม……”
“ตระกูลเย่แห่งเมืองเอกงั้นหรือ พวกเขาอยากหาที่ตายหรือยังไง”
พอได้ยินหยางเฟิงก็พ่นลมหายใจออกมา
“คุณหยางครับ พวกมันพาปรมาจารย์ไว่จิ้งมาด้วย และจัดการบอดี้การ์ดของผมหงายหลังไปเป็นสิบๆ คน ดูท่าแล้วพวกเขามีเจตนาไม่ดีสักเท่าไหร่”
“เหอะๆ ก็แค่ปรมาจารย์ไว่จิ้งเอง พรุ่งนี้นายก็แค่ยกโครงการเขตอุตสาหกรรมให้เฟิงเมิ่งกรุ๊ปเหมือนเดิม ส่วนตระกูลเย่แห่งเมืองเอก ฉันจะช่วยนายจัดการเอง”
“ขอบคุณมากครับ คุณหยาง!”
หลังจากวางสายแล้ว หม่าตงก็ถอนใจ
หากไม่ได้หยางเฟิงช่วยหนุนหลังเอาไว้ เขาก็คงต้องยอมก้มหัวให้เย่หมิงอย่างแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง หยางเฟิงกำลังยิ้มแล้วกล่าวกับตัวเองว่า “ตระกูลเย่แห่งเมืองเอกงั้นหรือ หาเรื่องตายจริงๆ ถึงขั้นจะมาแย่งโครงการกับเมียฉันงั้นรึ ดูท่าครั้งที่แล้วคงยังสั่งสอนพวกมันไม่พอ คราวนี้ฉันจะสั่งสอนพวกแกอย่างลึกซึ้งให้ดู”
วันต่อมา
ณ งานประกวดราคา
“เมิ่งเหยียน เอกสารประกวดราคาเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง”
“พ่อคะ หนูเตรียมเอกสารเอาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ!”
งานประกวดราคาครั้งนี้มีความสำคัญกับเฟิงเมิ่งกรุ๊ปเป็นอย่างมาก ทำให้เย่ไห่รู้สึกเป็นกังวล
หยางเฟิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “พ่อครับ อันที่จริงแล้วพ่อไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้นะครับ ผมเอ่ยปากกับหม่าตงเอาไว้แล้ว โครงการเขตอุตสาหกรรมครั้งนี้จะต้องเป็นของเราอย่างแน่นอนครับ”
เย่ไห่เอ่ยด้วยสีหน้าหนักแน่น “หยางเฟิง ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่งานประกวดราคาครั้งนี้ บริษัทใหญ่ๆ ในตงไห่มาเข้าร่วมกันหมด พวกเราจะประมาทไม่ได้อย่างเด็ดขาด”
“ฮ่าๆๆๆ เย่ไห่! คนไม่ได้เรื่องอย่างแกก็มาเข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้กับเขาด้วยหรือ”
ในตอนนั้นเอง เย่กวงก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายวนอารมณ์
เย่ไห่มองไปที่เย่กวงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เย่กวง ฉันจะมาร่วมงานประกวดราคาครั้งนี้แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกด้วยล่ะ”
ที่ผ่านมา เย่กวงดูถูกเขามาตลอด นี่ทำให้เย่ไห่ไม่สบอารมณ์อย่างมาก
ตอนนี้เขาเป็นประธานเฟิงเมิ่งกรุ๊ปแล้ว จะปล่อยให้เย่กวงมาข่มเหงตนต่อหน้าคนอื่นง่ายๆ ได้อย่างไร
เย่กวงยิ้มอย่างได้ใจ “เย่ไห่ พูดตามตรงนะ ฉันมาเป็นตัวแทนเย่ซื่อกรุ๊ปเพื่อร่วมงานประกวดราคาครั้งนี้ ดังนั้นแกถอดใจซะเถอะ โครงการเขตอุตสาหกรรมจะต้องเป็นของเย่ซื่อกรุ๊ปอย่างแน่นอน”
เย่ไห่ถอนใจกล่าวว่า “เหลวไหล แกบอกว่าจะเป็นของแกก็จะเป็นของแกง่ายๆ งั้นหรือ”
“เย่กวง คนคนนี้คือใคร”
ในตอนนั้น เย่หมิงพาพวกเดินเข้ามาแล้วมองไปที่เย่ไห่
เย่กวงตอบด้วยสีหน้านอบน้อม “นี่คือเย่ไห่ พี่ใหญ่ของผมเอง เขาเป็นคนแย่งบริษัทตระกูลเย่ของพวกเราไป และยังมีหยางเฟิงลูกเขยของเขาอีก”
“แกคือเย่ไห่เองรึ”
เย่หมิงจ้องไปที่เย่ไห่ แววตาของเขาราวกับงูที่เตรียมจ้องจะตะครุบเหยื่อทุกเมื่อ