เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 622
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 622
พอคนตกลงไป ก็ถูกแทงทุกในทันที
มีคนหล่นลงไปหลายคน และก็กลายเป็นถังหูลู่เสียบไม้ในทันใด!
ภายนอกฝูงชน
ผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉานก็มองอย่างตกตะลึงไปตามๆ กัน พร้อมกับรู้สึกขนหัวลุก!
กับดักค่ายกลที่มีอยู่เต็มไปหมดและไม่มีที่สิ้นสุดนี้ ถึงอยากจะป้องกันก็ทำไม่ได้!
ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขาระวังตัวอย่างดี
ปล่อยให้พวกกองหนุนไร้ประโยชน์เหล่านี้ลุยไปก่อน
เกรงว่าตอนนี้พวกเขาน่าจะได้กลับบ้านเก่าไปแล้ว!
“แม่งเอ้ย พวกกุ่ยเหมินและศูนย์พันธมิตรบู๊นี่มันฉลาดนัก ดันส่งให้พวกกองหนุนนี่มาตายก่อน!”
ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ
จางเทียนซานและไป๋หลิงหลง กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดเพื่อสังเกตการณ์อยู่
เมื่อเห็นว่าศัตรูอย่างศูนย์พันธมิตรบู๊ไม่มีใครตายสักคน ในใจทั้งสองก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
ไป่หลิงหลงเหลือบมองจางเทียนซาน และกล่าวว่า “เจ้าไปก่อน ไปรายงานข่าวคราวของที่นี่ให้เจ้าพันธมิตรหยางทราบ!”
“ฉันจะอยู่ต่อ เฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวที่นี่ต่อไป!”
“อืม!”
หลังจากพูดคุยกันแบบง่ายๆ
เงาร่างหนึ่งแวบผ่านไป
ณ ขณะนี้
นักบู๊เหล่านั้นก็หนีกลับมาแล้ว แต่ละคนต่างพากันตื่นตกใจจนเสียขวัญไปหมด
บนหน้าแต่ละคน ล้วนปรากฏความรู้สึกดีใจที่โชคดีรอดตายมาได้!
เดิมทีห้าพันคน
สุดท้าย ถูกสังหารจากกับดักค่ายกลไปสองพันกว่าคน
ตอนนี้ที่หนีกลับมาได้ มีเพียงประมาณ 3,000 คนเท่านั้น
ตรงหน้า
กองเต็มไปด้วยศพ
โดยเฉพาะที่พวกคนที่ตกลงไปในหลุมขนาดใหญ่
ศพนอนอัดกันแน่นอยู่เต็มหลุม
เวทนา!
ช่างโหดร้ายและน่าเวทนายิ่งนัก!
แม้ว่านักบู๊เหล่านี้จะฆ่าคนมามากมาย
แต่เมื่อเห็นพี่น้องคนโลกบู๊จำนวนมากมาตายต่อหน้าตนเอง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าโศก
หลายคนก็แสดงสีหน้าเสียใจออกมา
หากรู้ว่าจุดจบจะน่าเวทนาเช่นนี้ พวกเขาก็จะไม่มาแต่แรก
“ผู้คุมกฎ พวกเราควรทำยังไงดีครับ”
หลี่ซู่และคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าที่ดูหวาดกลัว
“เฮ่อ! หยางเฟิงนี่มันโหดร้ายเกินไปจริงๆ!”
เหลิงฉานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ ออกมา
แม้ว่าเหลิงฉานจะคุ้นชินกับความเป็นความตายอยู่แล้ว
แต่ชีวิตของผู้คนนับพันหายไปต่อหน้าต่อตาในทันที
แต่ภาพสั่นสะท้านตรงหน้าเช่นนี้ เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน!
ผู้คุมกฎสิบพูดด้วยสีหน้าเขียวซีด: “เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว พวกเราคงต้องลุยไปข้างหน้ากันเองแล้ว!”
ไม่ว่าจะเป็นผู้คุมกฎสิบหรือเหลิงฉาน
ทั้งคู่ต่างก็รู้ดี
พวกยอดฝีมือจากโลกบู๊สำนักต่างๆ ถูกทำให้กลัวและโดนทำลายความกล้าไปหมดแล้ว!
ต่อให้บอกพวกเขาให้ลุยไปข้างหน้าตอนนี้ พวกเขาก็คงไม่กล้าแล้ว!
กองหนุนพวกนี้เก็บไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์
แทนที่จะใช้ที่นี่ไปจนหมด
สู้รอจนถึงสุสานของเย่เวิ่น เมื่อถึงศึกตัดสินครั้งใหญ่ ค่อยใช้ประโยชน์จะดีกว่า!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น
ผู้คุมกฎสิบออกคำสั่ง: “เย่ชิว เฮ่อเซิ่งหง พวกเจ้าสองคนนำคนลุยไปข้างหน้า!”
เหลิงฉานก็ออกคำสั่งเช่นกัน: “หลี่ซู่ เจ้าจงนำยอดฝีมือหนึ่งพันคน บุกไปข้างหน้า!”
“ครับผม!”
มุมปากของคนที่ถูกเรียกชื่อต่างก็ดูขมขื่นกลัดกลุ้ม
การเป็นน้องเล็กก็คือต้องลำบากขนาดนี้
หากมีอันตรายใดๆ ต้องเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าใส่!
โดยเฉพาะหลี่ซู่
เจตนาฆ่าอาฆาตในดวงตาของเขา แวบหายไปในพริบตา!
ต่อมา
พวกเย่ชิวค่อยๆ เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ตลอดทางมีศพอยู่เต็มพื้นไปหมด
เลือดชุ่มอาบพื้นดิน
แม้แต่ดินโคลนก็เปลี่ยนกลายเป็นสีเลือด
ดีที่ค่ายกลและกับดักทั้งหมด ถูกพวกกองหนุนทำลายไปหมดแล้ว
เย่ชิวและคนอื่นๆ มาถึงจุดที่หยางเฟิงตั้งแคมป์อยู่ก่อนหน้านี้
ทุกคนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอก
เย่ชิวหันกลับมาและพูดกับผู้คุมกฎสิบว่า “ผู้คุมกฎ ทุกอย่างปลอดภัยดีครับ!”
ได้ยินเช่นนั้น
สีหน้าของผู้คุมกฎสิบก็ผ่อนคลายลง
กุ่ยเหมินและศูนย์พันธมิตรบู๊นำผู้คนเดินเข้าไป
นักบู๊ที่เหลืออยู่ แต่ละคนก็ตามเดินมาด้วยความหวาดกลัว
เมื่อถึงพื้นที่ว่าง
และมองไปที่เนื้อย่างสีทองอร่ามบนกองไฟ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
จ๊อกๆ!
หลายคนถึงกับมีเสียงท้องร้องดังออกมา
ทุกคนล้วนหิวกันมาทั้งวันแล้ว
และต่างก็หิวโซกันจนท้องร้อง
ตอนนี้มาเห็นเนื้อย่างที่หอมและแสนอร่อยขนาดนี้ ใครจะอดใจไหว?
แม้แต่ผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉาน ต่างก็อดไม่ได้ที่จะแอบกลืนน้ำลายอยู่