เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 623
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 623
ทันใดนั้นเอง
มีคนโลกบู๊บางคนรีบเข้าไปแย่งอาหารกินกัน!
“นี่เป็นของข้า!”
“ไสหัวไปไกลๆ เนื้อชิ้นนี้เป็นของข้า!”
“ใครกล้ามาแย่งเนื้อของข้า ข้าจะเอาชีวิตมัน!”
…
แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ขยับ!
หยางเฟิงนี้ เป็นคนเจ้าเล่ห์มากนัก!
ก่อนหน้านี้ทำให้ตายไปหลายพันคนแล้ว
ใครจะไปรู้ว่าเนื้อย่างนี้มีปัญหาอะไรหรือไม่?
ผ่านไปเพียงไม่ถึงชั่วขณะ
คนที่เริ่มลงมือกินก่อน ก็กินไปเกือบหนึ่งในห้าของอาหารทั้งหมดแล้ว!
เย่ชิวมองไปที่ผู้คุมกฎสิบและพูดว่า “ท่านครับ เนื้อมันมีไม่มากนะครับ…”
ผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉานต่างก็ยังคงไม่พูดอะไร
ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง
ในที่สุด คนพวกนี้ก็กินเสร็จ
แต่ละคนลูบท้องตัวเอง และนอนลงกับพื้นอย่างสบาย
“หอม!”
“อร่อยมาก!”
“ต่อให้ในอาหารมีพิษข้าก็ยอม จะตายก็ขอเป็นผีที่กินอิ่มละวะ!”
โครกคราก!
โครกคราก!
โครกคราก!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
คนนับไม่ถ้วนล้วนมีเสียงท้องร้องดังขึ้นมา!
“แม่งเอ๊ย! กินละกัน!”
“ใช่ ต่อให้ต้องตายก็ขอไม่ใช่หิวตาย!”
“ขาหมูชิ้นนี้ ข้าเห็นก่อน…”
ทันใดนั้นเอง
ฝูงชนต่างก็ต้องการเคลื่อนไหวเพื่อแย่งชิงอาหาร
คนเกือบห้าพันคน ต่อหน้าอาหารที่มีจำนวนน้อยขนาดนี้ คนส่วนใหญ่ไม่อาจทนต่อไปได้
ผู้คุมกฎสิบลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันและพูดว่า “กิน!”
เมื่อมีเสียงคำสั่งลงมา
ตูม!
เหมือนฝูงนกที่บินแตกกระจาย
สาวกลูกศิษย์นับไม่ถ้วนของกุ่ยเหมิน เริ่มร่วมแย่งชิงอาหาร!
ด้วยแรงขับเคลื่อนของความหิวโหย และความเย้ายวนของอาหารที่น่าอร่อย
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงเนื้อหนึ่งชิ้น
ฉากที่เห็นนั้นวุ่นวายมั่วไปหมด!
เมื่อเห็นคนของกุ่ยเหมินกินแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
เหลิงฉานก็โบกมือของเขา
ผู้คนสองพันกว่าคนของศูนย์พันธมิตรบู๊ ก็เข้าร่วมด้วย!
คนนับพันแย่งชิงชิ้นเนื้อ!
ควันลอยขึ้นมามากมายในทันใด
เมื่อเห็นสองสำนักกำลังกินเนื้อกันคำใหญ่
นักบู๊คนอื่นๆ ที่อยู่รอบนอก ต่างก็กลืนน้ำลาย
พวกเขาก็หิวมาทั้งวันเช่นกัน
มีผู้คนมากมายที่ผ่านการต่อสู้มาเยอะ ร่างกายใช้แรงและพลังงานไปมหาศาล
และหิวจนทนไม่ไหวมาตั้งนานแล้ว!
“แม่งเอ๊ย! ทำไมพวกเขากินเนื้อกันได้ แต่ข้ากลับต้องมายืนดูอยู่ที่นี่”
“เหล่าสหายทั้งหลาย พวกเราก็ไปแย่งชิ้นเนื้อกินกันเถอะ!”
“ใช่แล้ว! ไปกัน!”
…
ทันใดนั้น
นักบู๊นับไม่ถ้วนต่างก็พากันเฮโลไป
ทันใดนั้น
ก็มีแสงแวววับผ่าน
อ๋า!
อ๋า!
อ๋า!
มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นหลายเสียง
เย่ชิวมือถือดาบคม และพูดด้วยท่าทางที่เหยียดหยาม: “กล้าที่จะแย่งชิ้นเนื้อกับพวกเรา รนหาที่ตายแล้ว!”
ใต้เท้าของเขา
มีศพหลายร้อยศพนอนอยู่
ชั่วขณะหนึ่ง
ผู้คนนับต่างก็นิ่งเงียบด้วยความกลัว
ในใจรู้สึกโกรธเคือง แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
ไป๋หลิงหลงซึ่งซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้าไม่ไกลนัก อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ และพูดขึ้นว่า “เป็นอย่างที่เจ้าพันธมิตรหยางว่าไว้จริงๆ ใครก็หนีไม่พ้นกฎแห่งอาหารอันหอมหวน!”
หลายคนปากบอกว่าไม่กิน
แต่อดอาหารมาสามวัน
ต่อให้เป็นขี้ก้อนหนึ่ง ก็ยังจะรีบแย่งกันกิน!
เมื่อคิดได้ว่าอาหารที่พวกเขากินนั้นถูกใส่อะไรบางอย่างลงไป ไป๋หลิงหลงก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
พูดจบ
ก็มีเสียง ฟิ่ว ผ่านไป
เงาร่างของไป๋หลิงหลงก็หายไปแล้ว…
ในที่ไกลออกไปอีก
ห่างออกไปหลายร้อยเมตร เป็นพื้นที่ว่างเปล่า
หยางเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างก็กำลังกินเนื้อและดื่มเหล้ากันอย่างเต็มที่!
เนื้อ คือ เนื้อหมาป่าสด!
เหล้าเป็นเหล้าที่องครักษ์มังกรแย่งมาจากลิงป่า!
ชีวิตที่มีความสุข ก็แค่นี้แหละ!
หยางเฟิงหยิบเนื้อขาของราชาหมาป่าขึ้นมา กัดลงไปหนึ่งคำ และปากของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำมัน
จางเทียนซานและไป๋หลิงหลง ก็กำลังพูดคุยและหัวเราะกันอยู่ พร้อมกับรายงานสิ่งต่าง ๆ
พอฟังเสร็จ
มุมปากของหยางเฟิงก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายเบาๆ
เย่หลงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมา
ไอ้เด็กเวรนี่กำลังมีความคิดพิเรนทร์อะไรอยู่?
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไว้อาลัยให้กับผู้คุมกฎสิบและคนอื่นๆ!
ทำให้หยางเฟิงขุ่นเคือง พวกเขาคงต้องโชคร้ายไปอีกหลายชั่วอายุคนแล้ว!
…
พริบตาเดียว
วันที่สอง
หยางเฟิงและคนอื่นๆ ออกเดินทางไปยังสุสานของเย่เวิ่น
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
หยางเฟิงเห็นตำหนักวิหารที่ใหญ่โอ่อ่างดงาม
สี่ทิศของตำหนัก รายล้อมไปด้วยป่าและภูเขา ราวกับโดนโอบล้อมให้อยู่ตรงกลางด้วยหมู่ดาว