เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 63
เย่ไห่หันไปมองเย่หมิงก่อนจะขมวดคิ้ว “ใช่แล้ว ฉันคือเย่ไห่ คุณเป็นใคร”
“เหอะๆ”
เย่หมิงหัวเราะเย็นเยียบ “แกยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าฉันคือใคร เย่ลั่วคือลูกชายของฉัน ลูกเขยของแกทำร้ายจนเขาพิการ แกจะลืมได้เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ”
สีหน้าของเย่ไห่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “คุณเป็นพ่อของเย่ลั่วหรอกหรือ หมายความเป็นคนจากตระกูลเย่แห่งเมืองเอกใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว!” สีหน้าของเย่หมิงหมองหม่น “ฉันคือพ่อของเย่ลั่ว ไปเรียกลูกเขยตัวดีของแกออกมารับโทษเดี๋ยวนี้!”
เมื่อได้ยินว่าเย่หมิงคือพ่อของเย่ลั่ว ดวงตาของเย่ไห่ก็หรี่เล็กลงทันที
ในที่สุดคนจากตระกูลเย่แห่งเมืองเอก ก็ตามมาจนเจอจนได้
เย่ไห่ตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก “ลูกชายของคุณเป็นฝ่ายมาหาเรื่องก่อนเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราสักหน่อย”
“ไปตายซะ!”
เย่หมิงโกรธจัด “เย่ไห่ อย่าคิดว่าพวกเราเป็นญาติกันแล้วฉันจะไม่กล้าลงมือกับแกนะ วันนี้ฉันจะจัดการแก!”
เมื่อกล่าวจบ เย่หมิงก็ยกมือขึ้นแล้วตั้งท่าเตรียมจะบุกเข้าใส่เย่ไห่
ฟึ่บ!
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง มีเงาของคนคนหนึ่งวิ่งโฉบเข้ามา
“คนที่แกมาตามหาคือฉัน อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้พ่อตาของฉันเลย”
หยางเฟิงยื่นมือเข้าไปคว้าข้อมือของเย่หมิงเอาไว้ด้วยสายตาเย็นยะเยือก
“แกคือหยางเฟิงเองเหรอ”
เย่หมิงจ้องเขม็งไปที่หยางเฟิงด้วยสีหน้าจะกินเลือดกินเนื้อ
หยางเฟิงตอบกลับเรียบๆ ว่า “ถูกต้อง ฉันคือหยางเฟิง ฉันเป็นคนกระทืบลูกชายแกจนกลายเป็นขันทีแบบนั้นไง”
“ฮึ!”
เย่หมิงแค่นเสียงด้วยความโกรธเกรี้ยว “ในที่สุดก็หาแกเจอสักที แกมันสารเลว แกทำร้ายลูกชายของฉันจนเป็นขันทีแบบนั้น ฉันจะตัดขาทั้งสองข้างของแก แล้วลากตัวแกกลับไปที่เมืองเอก ไปคุกเข่าต่อหน้าลูกชายของฉัน แล้วค่อยฆ่าแกทิ้งซะเป็นการชดใช้ให้ลูกชายของฉัน!”
เมื่อเห็นรูปการณ์เป็นแบบนี้ หยางเฟิงก็ได้แต่ขมวดคิ้ว
ดูท่าคนตระกูลเย่แห่งเมืองเอกคงเป็นคนดีกันมากสินะ
นับวันก็ยิ่งส่งคนโอหังมากกว่าเดิมมา
และก็ป่าเถื่อนมากกว่าเดิมมา
หยางเฟิงยิ้มเย็นแล้วกล่าวว่า “คิดจะแก้แค้นแทนลูกชายของตัวเอง ก็ต้องดูว่าตัวแกเองมีปัญญามากขนาดไหน”
“ไอ้หน้าบาก ไปตัดขามันมาให้ฉันทั้งสองข้าง!” เย่หมิงแผดเสียงตะโกน
“ครับ!”
ไอ้หน้าบากก้าวออกมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาจ้องอย่างอาฆาตไปที่หยางเฟิง
ชายหน้าบากเลียริมฝีปากพร้อมมองหยางเฟิงด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย แกทำผิดต่อตระกูลเย่ แถมยังทำร้ายคุณชายเย่ วันนี้ฉันจะจัดการแก!”
หยางเฟิงได้ยินคำขู่ของชายหน้าบาก แต่ไม่แม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำ
ในสายตาของเขาก็เป็นแค่ปรมาจารย์ไว่จิง ไม่ต่างอะไรกับขยะก้อนหนึ่ง
ในขณะที่ไอ้หน้าบากตั้งท่าจะลงมืออยู่นั้นเอง ก็มีเสียงเอะอะดังมาแต่ไกล
“รีบเข้าไปด้านในเร็ว งานประกวดราคากำลังจะเริ่มแล้ว!”
เมื่อได้ยินว่างานประกวดราคากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว สีหน้าของเย่หมิงพลันเปลี่ยนไป
แม้ว่าเย่หมิงอยากจะแก้แค้นให้ลูกชายของตัวเองจะแย่ แต่ครั้งนี้ที่เขามาที่ตงไห่ วัตถุประสงค์หลักก็เพื่องานประกวดราคาครั้งนี้
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ เย่หมิงก็หันไปมองหยางเฟิงแล้วแค่นเสียงกล่าวว่า “เด็กน้อย ถือว่าเป็นโชคดีของแกนะ รอให้งานประกวดราคาจบลงก่อนเถอะ ฉันจะมาคิดบัญชีกับแกอีกที”
“ไป!”
เย่หมิงโบกมือแล้วเดินนำเย่กวงกับคนอื่นๆ เข้าไปในงานประกวดราคา
หลังจากที่เย่หมิงและคนอื่นเดินห่างออกไปแล้ว เย่ไห่ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวลว่า “หยางเฟิง คนตระกูลเย่แห่งเมืองเอกมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย ดูท่าแล้วงานประกวดราคาคงจะไม่ราบรื่นขนาดนั้น”
หยางเฟิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “พ่อครับ ไม่ต้องห่วง กะอีแค่ตระกูลเย่แห่งเมืองเอกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอกครับ ไปครับ พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
เมื่อกล่าวจบ หยางเฟิงก็ก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปด้านในงาน
เย่ไห่ส่ายหน้าอย่างไร้หนทาง จากนั้นจึงเดินตามเข้าไปด้านใน
ขณะนั้นเอง
ทุกที่นั่งในงานประกวดราคาเต็มแน่นทุกที่
งานประกวดราคาครั้งนี้ ดึงดูดบริษัทกว่าร้อยบริษัทมาร่วมงาน
โครงการที่มูลค่าเป็นหมื่นล้าน ไม่ว่าต่างก็อยากได้ไปสักส่วนทั้งนั้น
หลังจากที่หยางเฟิงและคนอื่นๆ เดินเข้าไปนั่งในงานแล้ว
กลุ่มคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากหยางเฟิงมากนัก เป็นพวกของเย่หมิง
เย่หมิงมองมาที่หยางเฟิงและพวกด้วยสีหน้าดูแคลน