เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 630
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 630
ถ้าไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเขา เกรงว่าคงจะไม่สามารถปีนขึ้นไปได้เลย
แต่เขาในตอนนี้ ก็ใช้พลังอยู่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น!
และการปีนขึ้นบันไดสวรรค์นี้ ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว
เพราะหยางเฟิงพบว่า
การปีนขึ้นบันไดสวรรค์นี้ มีผลอย่างมากต่อการฝึกร่างกาย
แกร่ก!
แกร่ก!
แกร่ก!
แรงกดดันอันมหาศาล ทำให้กระดูกในร่างกายของหยางเฟิงส่งเสียงดังออกมา
ฉากนี้
ถ้าหากสามารถให้คนเข้าไปได้ดูใกล้ๆ ได้
จะต้องตกใจจนอ้าปากค้างเป็นแน่!
หยางเฟิงกำลังใช้พลังของบันไดสวรรค์ เพื่อฝึกฝนร่างกายของเขา!
หากไม่เช่นนั้นแล้ว
เกรงว่าเขาจะไปไกลไม่เห็นฝุ่นตั้งนานแล้ว และทิ้งห่างผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉานไว้เบื้องหลังไกลๆ!
ส่วนผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉานนั้น
ต่างก็อยู่ในสภาพที่น่าเวทนา
ผู้คุมกฎสิบมีเหงื่อไหลออกมาจากบนหน้าผากไม่หยุด
เขาหายใจหอบแรง
เงยหน้าขึ้น
มองไปที่หยางเฟิง ซึ่งอยู่ข้างหน้าเขาประมาณเจ็ดถึงแปดขั้นบันไดหิน
ใบหน้าของใบหน้าของผู้คุมกฎสิบ ปรากฏความคับแค้นใจออกมา
เดิมทีเขาคิดว่าความแข็งแกร่งระหว่างเขากับหยางเฟิงคงไม่น่าต่างกันมาก
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า
ความแข็งแกร่งของเขากับหยางเฟิงนั้น ยังห่างกันอยู่พอสมควร
ถ้าให้ผู้คุมกฎสิบรู้ว่า
จนถึงตอนนี้ หยางเฟิงใช้กำลังเพียงแค่ครึ่งเดียว เกรงว่าเขาจะตกใจจนฉี่ราดทันที
ต้องรู้ว่า
ผู้คุมกฎสิบใช้พลังถึง 80% ของเขา จึงจะพอยืนหยัดต่อไปได้!
ส่วนเหลิงฉานที่อยู่รั้งท้ายนั้น
เหงื่อบนร่างกายของเขา ทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปหมด
ขาทั้งสองข้างของเขาสั่นเทาไม่หยุด
เขาใช้พลังไปเกือบทั้งหมดที่มีแล้ว
เป็นแบบนี้ต่อไป
เขาจะเป็นคนแรกที่แพ้ไป
เมื่อคิดได้เช่นนั้น
ความไม่เต็มใจปรากฏบนใบหน้าของเหลิงฉาน
หากแพ้ไปทั้งอย่างนี้
งั้นเขาก็ต้องกลายเป็นตัวตลกน่ะสิ?
เหลิงฉานกัดฟัน หยิบสมุนไพรอายุนับร้อยปีออกมาจากแขนของเขาแล้วโยนเข้าปาก เคี้ยวมันและกินลงไป
นี่คือสมุนไพรที่เหลิงฉานได้มาจากหุบเขาแห่งนี้
เดิมทีคิดจะนำกลับไปทำเป็นเป็นเม็ดยาหรือยาแบบน้ำ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า
ถ้าเขาไม่กลืนสมุนไพรลงไป เขาก็จะไม่สามารถปีนขึ้นบันไดสวรรค์ต่อได้เลย!
หลังจากกินสมุนไพรอายุร้อยปีลงไป
เหลิงฉานรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองอุ่นขึ้นมา
มีแรงดันมหาศาลจากปราณและเลือดลม ไหลเวียนไปตามเส้นชีพจรทั่วทั้งร่างกาย
เหลิงฉานสูดหายใจเข้าลึกๆ
เขารู้สึกได้ว่าพละกำลังของเขากำลังกลับมาอีกครั้ง
หลังจากนั้น
เขากัดฟันแล้วไปต่อ!
“ฮ่าๆๆ!”
ที่ใต้บันได
เสือขาวมองไปที่ผู้คนจากกุ่ยเหมินและศูนย์พันธมิตรบู๊ พร้อมกับหัวเราะเยาะเสียงดัง:
“ที่พวกเจ้าเรียกว่า ผู้คุมกฎสิบกับผู้คุมกฎใหญ่ อะไรของพวกเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านแม่ทัพ ก็เป็นแค่ขยะเท่านั้น! สุดท้ายแล้ว คนที่จะไปถึงยอดได้ ต้องเป็นท่านแม่ทัพของพวกเราแน่ๆ”
ได้ยินสิ่งที่เสือขาวพูด
พวกหลี่ซู่และเย่ชิว ต่างก็รู้สึกเคือง
พวกเขาแทบทนไม่ไหวที่จะฉีกปากเหม็นๆ ของเสือขาวให้เละ!
แต่เสือขาวพูดถูก
ตอนนี้หยางเฟิงกำลังนำอยู่
ส่วนผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉานนั้น ก็เห็นได้ชัดว่า แทบจะทนไม่ไหวแล้ว
นี่ทำให้พวกเขาไม่อาจที่จะโต้เถียงกลับไปได้!
ดูจนถึงตอนนี้
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่หลง
อันที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่า
ต่อให้หยางเฟิงไม่ทำตามที่เขาบอก
และอาศัยเพียงแค่ความแข็งแกร่งของหยางเฟิง การปีนขึ้นบันไดสวรรค์นี้ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับเขา!
เย่หลงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาหยางเฟิง
อายุยังน้อย แต่ก็มีพลังมากมายขนาดนี้
ต้องรู้ก่อนว่า
บันไดสวรรค์นี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา
ตอนนั้น
เย่เวิ่นทำลายสำนักใหญ่ชั้นหนึ่งด้วยลำพังตัวคนเดียว
และบันไดสวรรค์นี้ ก็คือสมบัติของสำนักชั้นหนึ่งนั้น!
ต่อมา มันถูกเย่เวิ่นชิงกลับมา และใช้เป็นวัตถุเพื่อฝึกฝนร่างกายให้ลูกศิษย์ที่ฝึกมวยหย่งชุน!
เมื่อมองดูหยางเฟิง
เย่หลงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนๆหนึ่ง
คนคนนี้เป็นลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของอาจารย์เย่เวิ่น – นามว่า หลี่เสียวหลง!
หลี่เสียวหลงเริ่มแรกก็เหมือนกับหยางเฟิงในตอนนี้