เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 637
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 637
ถึงแม้ทรัพย์สินมรดกของเขามากกว่าเหลิงฉานเล็กน้อย
แต่เงินมากอย่างนั้นยังคงให้เขาอดไม่ได้ที่จะปวดใจ!
อีกทั้งครั้งนี้กุ่ยเหมินเสียหายหนักมาก
หลังกลับไปแล้ว เขาต่างก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง?
ต้องรู้ว่ากฏของกุ่ยเหมินเคร่งครัด
ถึงแม้เขาเป็นผู้คุมกฎสิบของกุ่ยเหมิน แต่ที่กุ่ยเหมินก็เป็นเพียงตำแหน่งสูงเท่านั้น!
“โอเครแล้ว พวกคุณสองคนกินหญ้าอยู่ที่นี่ช้า ๆ แล้วกัน!”
“กูไปก่อนแล้ว!”
พูดจบ
เพียงเห็นหยางเฟิงยืนขึ้นมาแล้ว
เขายื่นมือตบฝุ่นละอองที่อยู่บนเสื้อผ้าแล้ว
จากนั้นหมุนตัว
เขาคิดคำนวณเล็กน้อย
หน้าหลังนี้ตัวเองหลอกเหลิงฉานกับผู้คุมกฎสิบไปประมาณสี่พันล้าน
ตัวเลขนี้โอเครแล้ว
หลอกต่อไปอีกก็หลอกไปไม่ได้เท่าไหร่แล้ว
ยังไงก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเจ้าของเถาเป่า ทรัพย์สินมรดกต่างก็มีหลายหมื่นล้าน!
นี่คือหมายความว่ายังไง?
มองเห็นเงาหลังที่ออกไปของหยางเฟิง
ผู้คุมกฎสิบกับเหลิงฉานตะลึงแล้ว
หลอกพวกเราเสร็จก็หนี?
นี่คือลูกไม้อะไร?
“เร็ว ๆ ๆ ! รีบไล่ตามคนเลวคนนี้ให้ทัน!! ไม่งั้นให้คนเลวคนนี้ปีนยอดสุดแล้ว!!!”
มองเห็นหยางเฟิงมีระยะห่างจากปีนยอดสุดเพียงแค่ก้าวเดียว
ผู้คุมกฎสิบมีปฏิกิริยามาร้องตระโกนเสียงดังแล้ว
“หยางเฟิง แกแม่งอย่าหนีสิ! รอพวกเราด้วย!!!”
เหลิงฉานก็มีปฏิกิริยามาแล้ว
ตามหลัง
สองคนก็กินหญ้าไปด้วยไล่ตามขึ้นไปด้วย
“ผมรอคุณ!”
หยางเฟิงเบ้ปากอย่างดูถูกแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาคือตั้งใจหลอกเหลิงฉานกับผู้คุมกฎสิบสองคน
ดังนั้นถึงได้ชะลอฝีเท้า
ไม่งั้นแล้ว
อาศัยพลังของเขาก็ปีนยอดสุดได้นานแล้ว!
แต่
ในขณะที่หยางเฟิงมีระยะห่างจากส่วนยอดของบันไดขึ้นฟ้าเพียงแค่บันไดหินสามขั้นนั้น
เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดแล้ว
แรงกดดันที่ยากจะจินตนาการได้บดบังไปทั่วแล้ว
ทันใดนั้นก็ปกคลุมมาทางหยางเฟิง
ภายใต้แรงกดดันที่มหาศาลนี้
ก็อก!
ก็อก!
ก็อก!
……
กระดูกของหยางเฟิงทั่วทั้งตัวก็ส่งเสียงดังกรอบแกรบเหมือนผัดถั่ว
ขาทั้งสองของเขางอขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
แรงกดดันนี้
ใหญ่เหมือนภูเขาสูงใหญ่หนักสามหมื่นโล
ถึงแม้อาศัยพลังของหยางเฟิงก็ยากที่จะต้านทานได้!
“อ๊าก!”
เพียงเห็นหยางเฟิงมีสีหน้าแดงร้องคำรามด้วยความโกรธเสียงหนึ่ง
เขาก้าวออกมาปีนขึ้นบันไดหินขั้นหนึ่งด้วยความยากลำบาก
แต่ด้านหน้ายังมีบันไดหินสองขั้น
ครื้น!
ในท้องฟ้าจู่ ๆ เมฆดำก็ปกคลุมหนาแน่น
เมฆดำกดทับเมือง
ต้องการทำลายให้วอดวาย!
แรงกดดันยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
บนหน้าผากของหยางเฟิงมีเม็ดเหงื่อใหญ่เท่ากับเม็ดถั่วตกลงมา
สองขาของเขาก็เริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
เวลานี้
ในสมองของหยางเฟิงจู่ ๆ คำพูดของเย่หลงก็ดังขึ้นมาแล้ว
“บันไดขึ้นฟ้า สำหรับนายแล้วก็ไม่ยาก!”
“ที่ยากคือบันไดหินสามขั้นสุดท้าย เพราะบันไดหินสามขั้นสุดท้ายนี้จะเป็นผลรวมของแรงโน้มถ่วงทั้งหมดก่อนหน้านี้!”
“ดังนั้นนายอยากที่จะปีนยอดสุดจะต้องฟังฉันประโยคหนึ่ง……”
“ไม่มีคนไม่มีฉัน ไม่มีฉันไม่มีคน……”
ตอนนั้น
หยางเฟิงได้ยินคำพูดของเย่หลงยังคิดว่าเขาคือกำลังตั้งใจพูดให้คนตกใจ
ตอนนี้ดูแล้ว
ที่เย่หลงพูดคือเรื่องจริง!
แต่คุณตาแก่ที่ชอบหยอกล้อคนนี้
ประโยคสุดท้ายนี้สรุปแล้วหมายถึงอะไร?
คุณใช้ภาษาจีนในปัจจุบันไม่ได้เหรอ?
ไม่รู้เหรอว่าภาษาหนังสือของกูไม่ดี!
“อ๊าก ๆ ๆ !!!”
หยางเฟิงเงยหน้าคำรามด้วยความโกรธ
ใช้พลังทั้งหมดของตัวเองเหยียบขึ้นบันไดหินหนึ่งขั้นอีก
แต่บันไดหินสุดท้ายนี่
หยางเฟิงกลับยังไงก็ก้าวไม่ออกไป
เขารู้สึกว่าสองขาของตัวเองดูเหมือนเทตะกั่วที่หลอมละลายเข้าในร่างกายอย่างนั้น
เหมือนมีความหนักพันโล!
ไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว
กระทั่งขยับสักหน่อยก็ทำไม่ได้!
“ทำยังไง? หรือว่ากูจะต้องถูกขังอยู่ที่นี่แล้วเหรอ?”
“ไม่ยอม! ไม่ยอม!”
“เก้าสิบเก้าก้าวต่างก็เดินมาแล้ว หรือว่าก็ขาดก้าวสุดท้ายนี้เหรอ?”