เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 64
ในความคิดของเขา งานประกวดราคาครั้งนี้ไม่น่าจะมีอะไรผิดคาด
หากหม่าตงรู้งานหน่อย ก็คงจะยกโครงการเขตอุตสาหกรรมให้เขาแต่โดยดี
ส่วนหยางเฟิงนั้น……
รอให้งานประกวดราคาจบลงก่อน ค่อยมาจัดการอีกที
หลังจากนั้นไม่นาน
หม่าตงก็เดินขึ้นไปบนเวที
เขากวาดตามองไปที่ทุกคนแล้วกล่าวอย่างเรียบง่ายว่า “ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานประกวดราคาในวันนี้ ขอให้ทุกท่านเสนอเอกสารประกวดราคาของทุกคนขึ้นมาได้เลย เมื่อผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว จะประกาศผลการประกวดราคาให้ทุกคนได้ทราบต่อไป”
สิ้นเสียง ทุกคนต่างพากันเสนอเอกสารประกวดราคาของตัวเองขึ้นมา
และในตอนนั้นเอง เย่หมิงลุกยืนขึ้นแล้วกล่าวอย่างไม่ค่อยให้เกียรตินักว่า “หม่าตง ฉันว่าไม่เห็นต้องยุ่งยากอะไรให้มากนักเลย แกยกโครงการเขตอุตสาหกรรมให้ฉันก็สิ้นเรื่อง!”
เมื่อเย่หมิงกล่าวโพล่งออกมาเช่นนั้น ทุกสายตาก็จดจ้องมาที่เขา
“คนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงกล้าพูดกับหม่าตงแบบนี้!”
“ไม่รู้เหมือนกัน ดูแล้วไม่คุ้นหน้า สงสัยจะไม่ใช่คนตงไห่เหมือนพวกเรา”
“คนคนนี้ไม่รอดแน่ หยาบคายแบบนี้ สงสัยคงไม่รู้ว่าหม่าตงเป็นอภิมหาเศรษฐีของตงไห่ล่ะมั้ง”
เมื่อเห็นท่าทางเย่อหยิ่งเช่นนี้ของเย่หมิง ทุกคนต่างเฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยหวังว่าจะเห็นเหตุการณ์สนุกๆ เกิดขึ้น
หม่าตงมองไปที่เย่หมิงอย่างเรียบเฉย ก่อนจะกล่าวอย่างไร้ความรู้สึกว่า “ถ้าคุณมาที่นี่เพื่อร่วมงานประกวดราคา ผมยินดีมาก แต่ถ้าคุณมาที่นี่เพื่อก่อกวนก็เชิญกลับไปได้แล้ว!”
สิ้นเสียงพูด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นร้อยนายก็พากันวิ่งกรูเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ สีหน้าของทุกคนก็เริ่มเปลี่ยนไป
ไม่มีใครคาดคิดว่า งานประกวดราคาครั้งนี้จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้ขึ้น
เพื่อยับยั้งพวกของเย่หมิงมาสร้างความวุ่นวายในงาน เมื่อคืนวานหม่าตงได้สั่งเพิ่มเติมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในงานประกวดราคาเอาไว้แล้ว
“หม่าตง แกหาเรื่องตายซะแล้ว” เย่หมิงแผดเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว “หรือแกลืมไปแล้ว ว่าเมื่อคืนวานฉันได้เอ่ยปากเตือนแกไปว่ายังไง”
เย่หมิงคิดไม่ถึงว่าทั้งๆ ที่ตัวเองพาคนไปข่มขู่หม่าตงถึงที่ สุดท้ายหม่าตงกลับยังไม่ยอมก้มหัวให้เขาแบบนี้อีก
หม่าตงกล่าวเสียงแข็ง “ฉันพูดไปแล้วนะว่าถ้าอยากมาร่วมงานประกวดราคาฉันยินดี แต่ถ้าจะมาสร้างเรื่องเชิญออกไปได้แล้ว!”
“แก……”
เมื่อเห็นว่าเย่หมิงกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา เย่กวงที่อยู่ข้างๆ ก็รีบกล่าวเตือนว่า “ช่างเถอะครับ รอให้งานประกวดราคาจบก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง”
“เฮอะ!”
เย่หมิงพ่นเสียงออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นจึงให้คนเอาเอกสารเสนอราคาไปส่ง
เมื่อได้รับเอกสารเสนอราคาครบจากทุกคนแล้ว ผู้เชี่ยวชาญก็เริ่มทำการพิจารณาข้อเสนอ
“ไอ้หม่าตงนี่ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย รอให้งานประกวดราคาจบลงก่อนเถอะ ฉันจะทำให้มันได้เห็นดีแน่” เย่หมิงกัดฟันพูดกับตนเอง
เย่กวงจึงกล่าวขึ้นอย่างประจบสอพลอ “ทำไมท่านต้องไปโกรธไอ้หม่าตงอะไรนี่ด้วยล่ะครับ ถึงแม้ว่าหม่าตงจะเป็นอภิมหาเศรษฐีของตงไห่ แต่มันก็เป็นแค่คนชั้นต่ำคนหนึ่ง รอให้พวกเราได้โครงการเขตอุตสาหกรรมก่อนดีกว่าครับ แล้วค่อยไปจัดการกับมันทีหลังยังได้”
เย่หมิงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “แกพูดถูก ฉันต้องอดทนไปก่อน”
ในมุมที่ไม่ไกลกันมากนัก เย่ไห่มองไปที่หยางเฟิงอย่างเป็นกังวลแล้วถามว่า “หยางเฟิง ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เย่หมิงน่าจะเตรียมตัวมาดีนะ”
หยางเฟิงหัวเราะเบาแล้วกล่าวว่า “พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ วันนี้ผมจะทำให้มันไม่ได้กลับบ้านไปดีๆ แน่นอน”
เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของหยางเฟิง เย่ไห่ก็มาไม่อยากพูดอะไรมากอีก
หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย เย่ไห่ก็มั่นใจแล้วว่าหยางเฟิงไม่ใช่คนธรรมดา
ในเมื่อหยางเฟิงไม่มีความกังวลใดๆ นั่นแสดงว่าจะต้องไม่เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นอย่างแน่นอน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผลการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญก็เสร็จสิ้น
หม่าตงเดินขึ้นไปบนเวที จากนั้นจึงคว้าไมโครโฟนเอาไว้แล้วมองไปที่ทุกคน
ในตอนนั้นทุกคนต่างพากันตื่นเต้นขึ้นมา
เนื่องจากโครงการมูลค่าเป็นหมื่นล้านเช่นนี้ ขอเพียงแค่ได้รับส่วนแบ่งแม้เพียงเสี้ยวเดียวก็คงจะอิ่มท้องไปได้อีกนาน
หม่าตงพูดใส่ไมค์ว่า “หลังจากผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญของพวกเราแล้ว……”