เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 651
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 651
สีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก
คนเหล่านี้ต้องลงเอยแบบนี้เพียงเพราะความโลภ
พูดตามความจริง
นักบู๊เหล่านี้ล้วนเป็นบ่อเกิดความหายนะของสังคม
ต่อให้ผู้คุมกฎสิบไม่ฆ่าพวกเขา
หลังจากที่ออกไป
ไม่ช้าก็เร็วหยางเฟิงก็ต้องจัดพวกเขาอยู่ดี
ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะเลือกทางใด
ก็ล้วนเป็นหนทางที่นำสู่ความตาย
“ทหารบุก!”
“บุกเข้าไป!”
“บุกเข้าไปให้ทะลุทะลวง!!!”
……
ไร้ซึ่งหนทาง
นักบู๊จำนวนนับร้อย
ทำได้เพียงตะโกนและพุ่งเข้าชน
ณ เวลานี้
ความทุกข์ระทมเกิดขึ้นในใจพวกเขา
พวกเขาพุ่งเข้าชนด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะเอาชีวิตรอด
พวกเขารู้ว่า
ถ้าหากพุ่งเข้าชนอาจจะมีโอกาสรอดตาย
ถ้าหากไม่พุ่งเข้าชน พวกเขาทั้งหมดต้องสูญสิ้นชีวา
แฮก!
แฮก!
แฮก!
รีบวิ่งไปที่ด้านหน้าโรงศพหิน
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเหยียบกลไก
มีลูกธนูถูกยิงมาจากบนฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ลูกศรหมื่นเล่มถูกอย่างต่อเนื่อง
อ้าก!
อ้าก!
อ้าก!
เสียงกรีดร้องยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
นักบู๊ถูกแทงด้วยลูกศรที่แหลมคมทีละคน
ก่อนจะเข้าสู่ห้วงแห่งความตาย
พวกเขาเลือดกลบปาก น้ำตานองหน้า
นี่คือน้ำตาแห่งความเสียใจ
นี่เป็นน้ำตาแห่งความโศกเศร้า
“กุ่ยเหมิน! ศูนย์พันธมิตรบู๊! ไอ้สารเลวพวกนี้ ถ้ากูเป็นผี กูจะตามรังควาญพวกมึง…”
“เจ็บปวดมาก!เจ็บปวดเหลือเกิน!!!”
“ช่วยข้าด้วย!ช่วยข้าด้วย!ข้าไม่อยากตาย!”
“พ่อ แม่ ลูกอกตัญญู ลูกจะตายแล้ว!!!!!!”
“อ้าก!!!!!!!!!!!!!!”
นักบู๊นับร้อย ร้อยประโยคแห่งความอ้างว้าง
พวกเขายังคงร้องไห้
ยังคงกลิ้งไปกลิ้งมา
ยังคงกรนด่า
แต่การรอคอยของพวกเขา
ผลสุดท้ายแล้ว
ทุกคนก็ไร้สิ้นชีวา
ผู้คุมกฎสิบและเหลิงฉาน
ต่างยิ้มดูถูกเหยียดหยามให้กัน
ผู้อ่อนแอควรมีจิตสามัญสำนึกของผู้อ่อนแอ
ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรเล็กจ้อยเหมือนมดอย่างพวกเขาก็สามารถอยากครอบครองได้งั้นรึ?
ในเมื่อกล้าที่จะเดินในบ่อโคลนนี้
ก็อย่าโทษพวกเขาที่โหดเหี้ยม!
เพราะทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นชีวิต
ใครกันที่ทำให้พวกเจ้าอ่อนแอ
ความอ่อนแอ
ถือเป็นบาปโดยกำเนิดอยู่แล้ว
ลูกเขยที่อ่อนแอจะต้องทนรับการกลั่นแกล้งของฝ่ายหญิง
มดที่อ่อนแอจะกลายเป็นก้าวย่างของผู้แข็งแกร่ง!
ความอ่อนแอ – ก็คือลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือด
หลังจากผ่านไป10 นาที
เสียงร้องอันโหยหวนก็สงบลง
นักบู๊นับร้อย ไร้ซึ่งผู้ที่ยืนในสนามรบ!
ล้วนลงไปนอนกองกับพื้นทั้งหมด
ทั่วเรือนร่างเต็มไปด้วยลูกธนู
เลือดไหลอาบ ย้อมสีพื้นให้เป็นสีแดงฉาด
ช่วงเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่สิบนาที
คนเหล่านี้ก็กลายเป็นร่างไร้วิญญาณ
ทั้งหมดกลายเป็นซากศพที่ปกคลุมพื้นดินทั้งหมด
ทำให้คนอดที่จะตกตะลึงไม่ได้
เฮ้อ
หยางเฟิงถอดหายใจเบาๆ
ดั่งคำโบราณว่าไว้ เมื่อคนกำลังจะเข้าสู่ความตาย มักจะระลึกถึงความดีเสมอ
บางทีคนเหล่านี้เมื่อต้องเผชิญกับความตาย พวกเขาอาจจะรู้สึกเสียใจภายหลัง
แต่คนเรามักมีราคาที่ต้องจ่ายกับสิ่งที่ตนเองต้องทำเสมอ
บางครั้งก็ต้องจ่ายด้วยชีวิต
เวลาต่อมา
สายตาของหยางเฟิงกลับมามั่นคงอีกครั้ง
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนต้าเซี่ยทนรับความเจ็บปวดอีก
ไม่ว่าจะเป็นกุ่ยเหมิน ศูนย์พันธมิตรบู๊
คนเหล่านี้ล้วนเป็นม้าที่ทำลายกลุ่มของตน
เขาจะกำจัดมันให้หมด
“เหอะ ไอ่พวกขยะไร้ค่า!”
ทันใดนั้น
ผู้คุมกฎสิบยิ้มเยาะเย้ย
เขาไม่เคยสนใจชีวิตของมดตัวเล็กจ้อยพวกนี้เลย
ตั้งแต่ที่เขาเข้าร่วมกุ่ยเหมิน
เขาก็มีชีวิตอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย
เพื่อจุดประสงค์ของตนเองแล้ว วิธีการใดก็ไม่สนใจทั้งสิ้น
นี่เป็นกฎเกณฑ์ของกุ่ยเหมินมาโดยตลอด
ถ้าหากสามารถแย่งชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาได้
ต่อให้มีคนตายไปเท่าไหร่ก็คุ้มค่า
น่าเสียดาย
ที่ผู้คนเหล่านี้มันไร้ค่า
คนตายไปมากมายขนาดนั้น ยังไม่เปิดโลงศพหิน
ผู้คุมกฎสิบหันกลับมามองที่เย่ชิวพลางพูดว่า “เจ้าจงพาคนร้อยคนมาเปิดโลงศพหิน!”
“ขอรับ!”
เย่ชิวพยักหน้าอย่างขมขื่น
ตั้งแต่วันที่เขาเข้าร่วมกับกุ่ยเหมิน