เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 661
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 661
แต่ทันใดนั้น เมื่อหยางเฟิงกลับมา
ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปหมด
พ่อของเขาเสียชีวิตแล้ว
คุณอาของเขาก็เสียชีวิตแล้ว
หมู่บ้านตระกูลเย่ทั้งหมู่บ้านก็เริ่มเสื่อมโทรมลง
เขากลายเป็นคนไร้ค่าเหมือนกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง
เพื่อการล้างแค้น
เขาจึงเข้าร่วมกับกุ่ยเหมิน
ยอมเป็นทาสรับใช้ หนักเอาเบาสู้
ในที่สุดก็แย่งชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาได้
คิดว่าตนเองจะได้เป็นยอดมนุษย์
แต่คาดไม่ถึงเลยว่า
ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นเพียงความฝันเท่านั้น……
ปัง!
เกิดเสียงดังขึ้น
ร่างของเย่ชิวกระแทกกับพื้นอย่างจัง
ดวงตาของเขาเบิกโพลง ไม่กล้าคิดเชื่อว่าแม้แต่การตาย ตนเองก็ยังต้องตายในกำมือของเหอเซิ่งหง
เหอเซิ่งหงเหลือบมองซากศพของเย่ชิวพลางพูดประชดประชันว่า “หากอยากจะกล่าวโทษ ก็จึงโทษที่ตัวเจ้าเองที่ละโมบโลภมากเถอะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อเห็นเหอเซิ่งหงฆ่าเย่ชิวแล้ว
ผู้คุมกฎสิบพลันหัวเราะเสียงดังพลางพูดว่า “เหอเซิ่งหง เจ้าทำได้ดีมาก รีบนำชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาให้ข้าเร็ว!”
“ขอรับ!”
เหอเซิ่งหงไร้ซึ่งความลังเล
เขานำชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรยื่นไปทางผู้คุมกฎสิบทันที
“ผู้คุมกฎ โชคดีที่ลูกน้องของข้ารอดตาย และก็สามารถแย่งชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาได้ในที่สุด!”
เหอเซิ่งหงยืนอยู่ด้านหน้าของผู้คุมกฎสิบ มือทั้งสองถือชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรพลางส่งมอบให้
ผู้คุมกฎสิบรับชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาพลางหัวเราะอย่างตื่นเต้นว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า เหอเซิ่งหงเจ้าสมควรที่จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทรงพลังของผู้พิทักษ์นี้! ไม่ต้องกังวลไป! เมื่อข้ากลับไปที่กุ่ยเหมิน ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเจ้าสำนักอย่างแน่นอน!”
“เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะอ้อนวอนให้เจ้าสำนัก ลงมือฆ่าหยางเฟิงเพื่อเป็นการแก้แค้นแทนเจ้า”
เมื่อได้ยินดังนั้น
เหอเซิ่งหงพลันสีหน้าแจ่มใส พลางพูดว่า “ขอบพระทัยอย่างยิ่ง ท่านผู้คุมกฏ!”
“อืม”
ผู้คุมกฎสิบตบไหล่ของเหอเซิ่งหง เขาหัวเราะพลางพูดว่า “ ทำดีมาก วางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง!”
เมื่อได้ยินดังนี้
ในใจของเหอเซิ่งหงก็รู้สึกปิติเป็นอย่างมาก
“หยางเฟิง เจ้าฆ่าล้างโคตรตระกูลตระกูลเหอ!ฆ่าบุคคลอันเป็นที่รักของข้า!”
“เลือดแห่งความแค้นนี้ กูจะทำให้มึงได้รับอย่างสาสม!”
เหอเซิ่งหงหันศีรษะกลับไป สายตาจ้องไปยังหยางเฟิงที่แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น
ในมุมมองของเขา
ตนเองสามารถประสบความสำเร็จในโลกานี้ได้
เมื่อกลับถึงกุ่ยเหมิน
เจ้าสำนักจะต้องช่วยเขาแก้แค้นแน่นอน
หากใช้พลังของเจ้าสำนักกุ่ยเหมิน การฆ่าหยางเฟิงช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
เมื่อแรกเริ่ม
เขาเป็นเจ้าพนันแห่งเมืองกาสิโน เป็นมหาเศรษฐีระดับพันล้าน
คนมันจะเปล่งประกายอยู่ที่ใดก็เปล่งประกาย คนจะมีอิสรภาพอยู่ที่ไหนก็มีอิสรภาพ
แต่ทุกอย่าง
กลับถูกไอ้สารเลวหยางเฟิงนั่นทำลายไปทั้งหมด
ไม่เพียงทำลายตระกูลเหอของตนเอง
แต่บุคคลอันเป็นที่รักก็ถูกฆ่าไปด้วย
ตระกูลเห่อที่มีมูลค่าพันล้านของตนเองพลันเปรียบดั่งการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ทุกคืนวัน
เขาเคียดแค้นจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
“เหอะ เหอะ!”
หยางเฟิงหัวเราะเยาะ พลางส่ายหัวไปมา
“น่าขัน ช่างน่าขันยิ่งนัก!!!”
เหอเซิ่งหงขมวดคิ้วพลางพูดว่า “ขบขันอันใดรึ?”
“เอ๊ะ!”
หยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “ข้าหัวเราะให้กับความโง่เขลาของเจ้า เจ้ากำลังเผชิญหน้ากับความตายอยู่ ยังไม่รู้ตัวอีกรึ!”
อะไรนะ?
เหอเซิ่งหงตกตะลึงไปชั่วครู่
แต่เขาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นการเยาะเย้ยอย่างรวดเร็วพลางพูดว่า “หยางเฟิงเอ๋ยหยางเฟิง เจ้าคิดว่าเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าจะเชื่อเจ้างั้นรึ”
ไม่รอให้เหอเซิ่งหงพูดจบ
สีหน้าเขาพลันแสดงถึงความเจ็บปวดรวดร้าวทันที
เมื่อก้มหน้ามอง
กริชอันแหลมคมได้เฉือนช่วงเอวของเขาจนขาดสะบั้น
เป็น……
เป็นท่านผู้คุมกฎสิบ
“ท่าน……ทำไมทำเช่นนี้?”
เหอเซิ่งหงไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อครู่เขาเพิ่งช่วยผู้คุมกฎสิบแย่งชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร
ความสำเร็จนี้เป็นเพียงสิ่งสมมุติ
เพียงชั่วพริบตาเดียว
ผู้คุมกฎสิบก็ฆ่าเขา
“เหอะ เหอะ!”
ผู้คุมกฎสิบหัวเราะเสียงประหลาดพลางพูดว่า “หยางเฟิงพูดถูก เจ้าช่างเป็นคนโง่เง่าเสียจริง!”
นี่คือชิ้นส่วนภาพจักรพรรดิมังกร! สมบัติของโลกบู๊! ”
“ใครก็ตามที่ได้ครอบครองมัน ใครผู้นั้นก็จะมีโอกาสเข้าร่วมโลกบู๊และสั่งการเหล่าไพร่พล!”
“ข้าจะได้เลื่อนขั้นขึ้นไป?ข้าจะได้เลื่อนขั้นขึ้นไปได้อย่างไร?”
“ในเมื่อข้าทำไม่ได้ ข้าจึงทำได้เพียงฆ่าเจ้า! เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาในภายหลัง!”