เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 668
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 668
คือสนิมสนมผูกพัน เกินกว่าที่ผู้อื่นจะหยั่งถึงได้
กัสสปะพูดด้วยสีหน้าอิจฉา “เจ้าเสือขาวผู้โชคดี วันวันได้คอยติดตามท่านแม่ทัพ ช่างทำให้พวกเราอิจฉาเสียจริงๆ”
ในตอนแรก
ครั้งเมื่อหยางเฟิงตัดสินใจพาเสือขาวไปตงไห่
กัสสปะและคนอื่น ๆ ต่างอิจฉาริษยาและเกลียดชังจนอยากจะสิ้นใจตาย
จะมีใครเล่า
ที่ไม่อยากอยู่ข้างกายตำนานแห่งต้าเซี่ย
และไม่อยากให้หยางเฟิงเป็นแบบอย่าง
แต่ทว่าเป็นการตัดสินใจของหยางเฟิง
พวกเขาจึงไม่กล้าขัดขืนท้าทาย
“มา มา มา! ไม่เจอกันเสียตั้งนาน พวกเราเข้าร่วมสงครามใหญ่ตั้งสามร้อยครั้ง ”
หลังจากกอดกัน เสือขาวก็โพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้น
มุมปากของกัสสปะกระตุกขึ้นเล็กน้อย
ครั้งเมื่ออยู่ค่ายทหาร
เสือขาวเป็นคนกระหายสงครามและการต่อสู้ มักจะลากเหล่าสหายเก่ามาช่วยเรียนรู้บ่อยๆ ทำให้ผู้คนไม่สามารถปฏิเสธได้
คิดไม่ถึงว่า นิสัยนี้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
“มาแน่นอนอยู่แล้ว มาดูเจ้าเสียหน่อยว่าช่วงที่ได้อยู่เคียงข้างท่านแม่ทัพจะมีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่?”
หลังจากนั้น
ทั้งกัสสปะและเสือขาวได้หาสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อเริ่มการต่อสู้
ระหว่างพวกเขาทั้งสอง
คือเรื่องของศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
เป็นสัจธรรมธรรมชาติที่แท้จริง
เมื่อได้เห็นสภาพการณ์เช่นนี้
หยางเฟิงแสดงสีหน้าจนปัญญา
เขากังวลว่าคนเขลากระหายความรุนแรงเช่นเสือขาวจะต้องแก่เฒ่าไปเพียงคนเดียว
เขาไม่เข้าใจเรื่องนั้นหมดนั้นเลย
ราวกับภายในใจของเสือขาว นอกจากการทำสงครามแล้วก็คือการทำสงคราม
การเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
ก็ต้องปกป้องตน และฟังคำพูดของตน
เสือโง่เขลาผู้กระหายความรุนแรงเช่นนี้ จะได้เปิดหูเปิดตาเรื่องความรักอันหอมหวานเมื่อใดกัน
“เฮียหยาง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าพวกนี้จะเป็นสมุนของท่าน ช่างทำให้ชิงเฉิงอิจฉาไปเสียได้”
หนิงชิงเฉิงก็เดินเข้ามาหา
เมื่อมองเห็นประกายแสงอันแปลกประหลาดบนสายตาคู่นั้นของเธอ
หยางเฟิงก็เข้าใจ เด็กสาวผู้นี้ไม่เคยยอมแพ้ในตัวเข้าเลย
ช่วยไม่ได้!
หยางเฟิงยิ้มเยาะพลางได้แต่ตอบไปว่า “เหตุใดเจ้ายังไม่ไปเสีย?”
“ข้าไปอยู่แล้ว แต่ก่อนจะจากไป ข้าต้องการบอกเจ้าสักเรื่อง”
“เรื่องอะไรงั้นรึ?”
“ข้ากำลังเตรียมจัดตั้งบริษัทสาขาของชิงเฉิงกรุ๊ปที่ตงไห่ ข้าต้องการเปิดสงครามกับเฟิงเมิ่งกรุ๊ป”
“เฮียหยาง ไม่รู้ว่าเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะช่วยข้า หรือช่วยเย่เมิ่งเหยียน?”
หนิงชิงเฉิงยิ้มอย่างสง่างามให้หยางเฟิง
“จัดตั้งบริบัทสาขาที่ตงไห่?”
เมื่อได้ฟังดังนั้น
หยางเฟิงขมวดคิ้วขึ้น
หนิงชิงเฉิงผู้นี้เตรียมตัวที่จะตัดสินกับเย่เมิ่งเหยียนให้รู้ดำรู้แดงจนถึงที่สุดงั้นรึ?
“ฮ่า ฮ่า”
“เอาล่ะ พี่ชายที่แสนดีของข้า ข้าขอเดินทางไปก่อน พวกเราจะมีโอกาสได้พบกันในอนาคต”
หัวเราะร่าเพียงครู่เดียว
หนิงชิงเฉิงก็ได้พาคนของตระกูลหนิงจากไป
ครั้งนี้
เธอจากไปอย่างเด็ดขาด
ไม่มีการหันกลับมามองหยางเฟิง
เนื่องจากเธอตัดสินใจไปแล้ว
ไม่ช้าก็เร็ว
ตนจะต้องแย่งหยางเฟิงมาอยู่ข้างกายให้จงได้
วันวานเช่นนี้
อยู่ไม่ไกลแล้ว
เมื่อเห็นแผ่นหลังของหนิงชิงเฉิงที่เดินจากไป
หยางเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะปวดหัว
ทันใดนั้น
เขาก็เห็นเสือขาวที่กำลังคลุกฝุ่นและต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ไม่ไกล จึงรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเสียหน่อย
ดังคำกล่าวที่ว่าผู้หญิงสามคนมาอยู่ร่วมกันรังแต่จะสร้างวุ่ยวาย
สตรีผู้งดงามเยี่ยงผกา!
เมียจ๋าของตน เย่เมิ่งเหยียน
รวมกับบุตรตรีผู้ภาคภูมิแห่งตระกูลที่เพรียบพร้อม หนิงชิงเฉิง
ไม้รู้ว่าต้องประสบพบเจอกับลมพายุมากมายขนาดไหน
หากนี้เป็นการเผชิญหน้ากับศัตรู
หยางเฟิงคงจะไร้เมตตา สังหารทิ้งได้ภายในเวลาอันสั้น
แต่การเผชิญหน้ากับสตรี……
โดยเฉพาะหนิงชิงเฉิงและเย่เมิ่งเหยียน
สตรีทั้งสองคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนใด ล้วนสำคัญสำหรับเขาทั้งหมด
คนหนึ่งคือรักในวัยเยาว์
อีกคนคือครึ่งชีวิต
คิดดูแล้ว ยังคงน่าปวดหัวจริงๆ
เฮ้อ
หยางเฟิงถอนหายใจเบา ไม่อยากสนใจให้มากความอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากทหารจะมาก็ต้องรับมือไปตามสถานการณ์
เมื่อถึงเวลานั้นตนคงจะมีหนทางรับมือ
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่
หยางเฟิงสั่งเสือขาวให้พาผู้คนออกไป
เพียงพริบตาเดียว
บรรยากาศนิ่งสงบ
ไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ
ผ่านไปนานแสนนาน
ท่ามกลางกองซากศพที่หน้าประตูหลุมฝังศพ ศพหนึ่งก็เคลื่อนไหวทันใด